โครเอเชีย ประเทศที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ไป
แม้ว่างานนี้จะต้องเดินทางไปกับทัวร์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดใด ๆ ใครที่เคยไปเที่ยวกับทัวร์ก็จะรู้ ดั่งที่เขาพูดกันว่า “ขึ้นรถเป็นหลับ ขยับเป็นแดก แยกก็หลง”
แต่พอใกล้วันเดินทางผมเองก็ต้องทำ research ซักนิด
“อ่ออ.. ที่ประเทศนี้มีเมืองที่ชื่อ “ดูบรอฟนิก (Dubrovnik)” เมืองติดทะเล ซึ่งเป็นโลเคชั่นถ่ายทำหนังซีรีย์สดังเรื่อง “Game of
Thrones” โดยเค้ายึดเอาเมืองดูบรอฟนิกนี้เป็น “King’s landing” เมืองหลวงของผู้ปกครองในเรื่อง
เมืองดูบรอฟนิกนี้เดิมเป็นเมืองเก่า และปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเดินเล่น ถ่ายรูป และแน่นอนช้อปปิ้ง โดยในปี 2017 มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมเมืองแห่งนี้มากถึง 1.9ล้านคน และเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีต่อไป
ขณะเดียวกัน ถ้าคุณเดินเล่นในเมืองในฐานะนักท่องเที่ยว คุณจะพบกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้าน..
ใช่ ที่นี่เป็นเมืองเก่าที่มีกำแพงล้อมรอบ แต่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ มีคนซักผ้า มีราวตากผ้า
ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงที่โชคดีมาก เพราะเมืองดูบรอฟนิกแห่งนี้เปิดให้บริการตามปกติ!
แล้วไม่ปกติคือยังไง?
ไกด์ที่พาพวกเราไปเยี่ยมชมเมืองบอกกับเราว่า อีกสองสัปดาห์จากนี้จะมีกองถ่าย “Game of Thrones” เข้ามาถ่ายฉาก King’s
landing และจำเป็นต้องปิดเมืองบางส่วน
“ปิดเมือง!!??” ผมตกใจ
ความจริงปิดเมืองบางส่วนไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ผมไม่ได้เป็นห่วงนักท่องเที่ยว แต่สิ่งที่น่าตกใจคือคนพื้นเมือง และคนที่ทำมาหากินต่างหาก ถ้าปิดเมืองท่องเที่ยวแบบนี้ ชาวบ้านที่ขายของเค้าจะทำอย่างไร?
“Game of Thrones จะจ่ายค่าเสียโอกาสให้ทั้งหมดค่ะ” ไกด์บอกเรา
ค่าเสียโอกาสของร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านไอศกรีม ผับ บาร์ ที่เกี่ยวข้อง ที่โดนปิด เค้าจะจ่ายให้ นอกจากนี้ทาง Game of Thrones เองยังมีการคัดนักแสดงท้องถิ่น หาคนในดูบรอฟนิกเองมาเป็น extra
ส่วนตัวผมชอบการทำงานแบบนี้ การทำงานที่ “Win Win” คือ แม้จะมีเสียบ้าง แต่สุดท้ายทุกคน “ได้” กันทั้งหมด
ในธุรกิจ การทำงานแบบ Win Win คือสิ่งที่นอกจากทุกคนจะได้ประโยชน์แล้ว ยังเป็นการทำงานอย่าง “ยั่งยืน” ไม่ใช่ว่าคุณกดขี่เค้าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คุณอยากได้ และเมื่อได้มันมาแล้วคุณกลับไปเหยียบที่นั่นอีกครั้งไม่ได้
แต่ Win Win ในกรณีนี้.. Game of Thrones ได้สถานที่สวยในการถ่ายทำ ชาวบ้านในเมืองได้งาน ร้านอาหาร ร้านขายของ ได้รับค่าเสียโอกาส
แต่เหนือสิ่งอื่นใด.. ดูบรอฟนิก กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ Lonely Planet บอกว่า “ชาตินี้คุณต้องไปเยือนมันให้ได้ซักครั้งหนึ่ง”