ทุกคนที่มีรถก็ต้องล้าง แต่จะจ้างล้างทุกครั้งก็เปลืองเงิน ล้างเองที่บ้านอุปกรณ์ก็ไม่ครบ น้ำก็ไม่แรง ทำไงดี?
ที่นี่มีคำตอบ
รัฐอริโซน่า รัฐที่พูดไปน้อยคนจะรู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นรัฐที่มีแกรนด์แคนยอน ผมคิดว่าเราน่าจะพอมองเห็นภาพมากขึ้น นอกจากแกรนด์แคนยอนที่ขึ้นชื่อแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐนี้ดังไม่แพ้ใครเลยก็คือ “อากาศ” อริโซน่าถือว่าเป็นรัฐที่มีอากาศร้อนที่สุดในอเมริกา ใครว่าอยู่กรุงเทพฯ ช่วงเมษายนว่าร้อนแล้ว ต้องเจอที่นี่ ด้วยความที่รัฐอริโซน่ามีลักษณะเป็นทะเลทราย ในช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิสูงสุดจะสามารถวัดได้ประมาณ 50 องศาเซลเซียส ใช่ครับคุณอ่านไม่ผิด 50 องศาฯ อย่างที่บอกว่า กรุงเทพฯ ช่วงที่ร้อนสุด ๆ จนเราแทบจะทนไม่ไหว ทางเลือกของเรามีเพียง 2 Options คือ 1. เปิดแอร์นอนที่บ้าน กับ 2. ออกไปเดินตากแอร์ที่ห้างฯ และอุณหภูมิที่เราบ่น ๆ ว่าร้อนนั้น ก็เพียงแค่ 40 องศาเท่านั้น 50 องศาของที่รัฐอริโซน่านั้น ไม่ใช่ความร้อนธรรมดาแบบที่เราคุ้นเคยกัน ความร้อนแบบที่เราเจอในเมืองไทย คือร้อนแบบที่เรียกว่า “ร้อนชื้น” หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ “ร้อนมีเหงื่อ”แต่ร้อนในแบบอริโซน่าคือ “ร้อนแห้ง” ความหมายก็คือ ถึงแม้จะร้อนให้ตายยังไง ก็จะไม่มีเหงื่อซักหยด คนไทยที่อยู่ในรัฐอริโซน่าอธิบายความร้อนแบบนี้ง่าย ๆ ว่า “ร้อนไมโครเวฟ” แต่ไม่ว่าจะร้อนยังไง พวกเขา และ พวกเราชาวไทยก็สามารถอยู่ได้ไม่มีปัญหา ช่วงหน้าร้อน กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยคลายร้อนได้ก็คือการออกไปล้างรถ เมื่อได้ล้างรถ ได้สัมผัสละอองน้ำ ความชุ่มฉ่ำจะทำให้เราลืมร้อนไปได้ชั่วคราว
แต่ว่าจะล้างอย่างไรล่ะ?
แน่นอนว่าทุกที่บนโลกนี้ที่มีรถ ก็ต้องมีร้านล้างรถ ร้านล้างรถในรัฐอริโซน่าที่เห็นชัด ๆ จะมี 2 แบบ คือ
1. แบบนำรถเข้าเครื่องล้างรถ จากนั้นเมื่อเครื่องล้างเสร็จ ก็จะมีพนักงานชาวแม็กซิกันรออยู่ตรงทางออกของเครื่อง คอยเช็ดทำความสะอาดรถให้
2. คือแบบที่อยากจะมาแนะนำให้ได้รู้จักกันในวันนี้ คือ “แบบล้างเอง”
อ่าว .. ล้างเองแล้วทำไมต้องไปร้าน? ก็เพราะร้านล้างรถที่นี่ไม่เหมือนกับที่ไหนที่เคยได้เจอมาในประเทศไทยเลย
ปกติเวลาเราอยากจะประหยัดล้างรถเอง เราก็เปิดก๊อกที่บ้าน ซื้อสายยางพร้อมหัวฉีดแรง ๆ เท่านั้นยังไม่พอ ต้องมีสบู่ มีแว๊กซ์ และมีผ้าหนังชามัวว์ สารพัดสิ่ง ซึ่งกว่าจะซื้อครบก็ต้องหมดไปหลายตังค์ ไหนจะต้องซื้อใหม่หลังจากของเสื่อม ของเสียอีก
แต่ร้านล้างรถที่นี่มีให้คุณทุกอย่างที่กล่าวมา
เมื่อคุณขับรถออกไปที่ร้านล้างรถนี้ ที่ร้านไม่มีคนแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่แค่ไม่มีคนล้างรถ เช็ครถ แต่ไม่มีแม้แต่คนเฝ้าร้าน!
ร้านนี้เป็นอย่างนี้ครับ
ที่ร้านจะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดที่รถสามารถขับเข้าไปได้ และมีกำแพงกั้นสองด้าน กันน้ำจากรถเรากระเด็นไปโดนรถคนอื่น จากนั้นที่ข้างกำแพง จะมีตู้หยอดเหรียญหนึ่งตู้ และสายยางฉีดน้ำกำลังแรงสูงแขวนอยู่ เมื่อคุณพร้อม คุณก็เพียงแค่เดินเอาเงินเข้าไปหยอดลงตู้ แล้วเลือกโหมด..
“ฉีดน้ำสะอาด”, “ฉีดสบู่”, “ฉีดแว๊กซ์”
ประมาณนี้ เมื่อคุณเลือกได้แล้วระบบก็จะเริ่มทำงาน ถ้าคุณกดน้ำ น้ำก็ยิงออกมาด้วยความแรงขนาดที่ฝุ่นและขี้นกต้องปลิวหายลับไปกับตาภายในเวลาไม่ถึง 5วินาที
เมื่อกดให้น้ำฉีดล้างอย่างหนำใจแล้ว ถ้าเวลาหมด ก็ต้องหยอดเงินต่อ แต่คราวนี้ขอเป็นน้ำสบู่ โฟม ละกันนะ
กดเสร็จ สบู่ โฟม ก็ไหลออกมา หน้าที่ของเราคือเอาฟองน้ำที่เตรียมมาเข้าไปขัดถูขี้ไคลของรถได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้าไม่อยากลงไม้ลงมือก็ไม่เป็นไร ฉีด ๆ ไปให้โฟมเต็มรถ ได้ความรู้สึกถึงความสะอาดดี
เมื่อเสร็จแล้วก็ให้เลือกที่ “น้ำ” แล้วเครื่องก็จะฉีดน้ำกำลังแรงอีกครั้ง เพื่อเป็นการชำระล้างน้ำยาล้างรถให้หมดจด จากนั้นจึงค่อยนำผ้าแห้งออกมาเช็ดรถให้ทั่ว
ผมขอเรียกธุรกิจนี้ว่า “ธุรกิจล้างรถ สะดวกแต่ไม่สบาย”
อยู่ต่างประเทศ เค้าว่า “สะดวกแต่ไม่สบาย” หมายถึง เราอยากเดินไปไหนก็ได้ อยากซื้ออะไรก็มีขาย แต่ไม่สบายตรงที่เราต้องทำเอง ต้องเดินเอง ต้องเลือกเอง ต้องซื้อเอง ขณะที่เมืองไทยเค้าบอกว่า “สบายแต่ไม่สะดวก” คือ เราอยากไปไหน ทำอะไรก็สบาย ขับรถไม่มีที่จอดก็ให้คนไปจอดให้ ว่างก็ไปนวด สบาย แต่ถ้าอยากจะทำอะไร บางครั้งขั้นตอนมาก วุ่นวาย นั่นล่ะคือคำว่า “สบาย แต่ไม่สะดวก” ร้านล้างรถยนต์นี้ก็เช่นกัน
ส่วนตัวผมยังไม่เคยเห็นคนไทยที่ไหนทำ แต่ผมคิดว่าถ้าทำคงเป็นอะไรที่น่าสนุกไม่น้อย คนไทยทุกคนที่มีรถก็ต้องล้างรถกันทุกสัปดาห์ แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้คนล้างรถทุกครั้งก็แลดูจะสิ้นเปลืองไปนิด ถ้าทุกคนมีโอกาสได้ไปใช้เครื่องหยอดเหรียญที่สามารถฉีดน้ำแรง ๆ จากสายยางความดันน้ำแรงสูง มีสบู่และโฟมให้ได้เลือกใช้ พวกคุณอาจจะลืมการล้างรถที่บ้านไปเลย
และทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในราคาไม่แพงด้วย
ธุรกิจง่าย ๆ แบบนี้ไม่มีในเมืองไทย และเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่อยากจะโยนหินถามทางให้เพื่อน ๆ แถวนี้ได้ลองเอาไปคิด วิเคราะห์กันดูว่า ธุรกิจร้านล้างรถ สะดวกแต่ไม่สบายนี้ จะเหมาะกับพฤติกรรม หรือความต้องการของคนไทยรึเปล่า
ลองค้นคว้าและวิจัยดู คุณอาจจะได้ค้นพบแนวทางใหม่ไปสู่เส้นทางเศรษฐี.. ก็ เป็น ด้าาายยยยย…