วันนี้จะมารีวิวนักเขียนทั้ง 3 ท่าน เจ้าของหนังสือ “Inbound marketing การตลาดแรงดึงดูด” ซึ่งประกอบไปด้วยคุณโบว์ คุณแบงค์ และคุณโบว์ คุณอรรู้จักครั้งแรกสมัยทำ Techsauce และ Stratup Thailand เช่นเดียวกับแบงค์สมัยเขายังทำอยู่ ZipEvent ส่วนโบว์ติดตามกันอยู่ห่าง ๆ มาระยะหนึ่งแต่ไม่เคยคุยเลย เพราะโบว์เป็นคนเงียบ ๆ พอเจอก็ไม่ค่อยกล้าคุย เข้าถึงยาก แต่พอได้มาคุยก็รู้สึกว่าโบว์เป็นคนน่ารักมา ๆ ซึ่งสามคนนี้เป็น Combination ที่เข้ากันมาก ๆ เพราะเป็นการรวมกันของความเนิร์ดแบบสุด ๆ จนตั้งบริษัท Magneto Lab และเกิดเป็นหนังสือ “Inbound marketing การตลาดแรงดึงดูด” หนังสือที่เขียนโดยคนที่ละเอียดและลงดีเทลมาที่สุด
หนังสืออ่านง่าย แบ่งออกเป็นเคล็ดวิชาต่าง ๆ ตั้งแต่ 1-50 เหมาะสำหรับคนที่อ่านอะไรยาว ๆ ไม่ได้ เคล็ดวิชาหนึ่งก็ 1-2 หน้าเท่านั้น เนื้อหาเกี่ยวกับการตลาดที่นักการตลาดหลายคนน่าจะพอรู้แล้ว แต่เมื่อมาอ่านอีกทีอย่างช้า ๆ และนึกตามกับสิ่งที่เราเคยทำกับบริษัทของเรา หรือแบรนด์ของลูกค้า ก็จะพอว่ามีบางจุดที่เรายังทำไม่ครบ เรียกได้ว่าถ้าใครรู้หรือเข้าใจทุกอย่างในหนังสือแล้ว การอ่านเล่มนี้ถือเป็นการทบทวนที่ดี แต่ถ้าคุณยังไม่รู้เกี่ยวกับการทำการตลาด หนังสือเล่มนี้เหมือนเป็นสุดยอดคัมภีร์สำหรับการตลาดยุคใหม่เลยก็ว่าได้
เรื่องที่สองคือเรื่องงานที่สิงคโปร์ที่เรียกว่า I Light Singapor คือช่วงนี้ 28 มกราคม – 24 กุมภาพันธ์ จะมีงานแสงสี Installation เกี่ยวกับแสงไฟกว่า 33 ชิ้น อยู่ทั่วเมือง แถว Marrina Bay จนถึง Clarke Quay โดยหนึ่งในชิ้นงานถูกผลิตโดยคนไทยชื่อว่า คุณเขม ตอนนี้คุณเขมทำบริาัทชื่อ Any I และ Livingspirit ที่ทำเกี่ยวกับ Installation ไฟโดยเฉพาะ
งานของคุณเขมได้จัดที่สิงค์โปรเป็นรอบที่สอง ภายในคอนเซปต์ Crytalization Of thought โดยรูปแบบแสงไฟ 800 ชิ้นที่ถูกเรียงเ็นเหมือนคลื่น เปรียบเทียบ 800 Ideas , 800 Possibilities ที่เป็นเหมือนคลื่นไอเดียใหม่ ๆ เหมือนสายน้ำไหลเข้าสู่สิงค์โปร โดยมีการ interactive สามารถแสกน QR Code เข้าไปในระบบเพื่อเปลี่ยนสีของไฟได้
Installation 33 ชิ้นสามารถเดินดูได้ทั้งคืน Hilight คือ Merlion ที่ปกติเป็นสีขาว แต่งานนนี้มีการใช้ Projector ย้อมสีตัว Merlion เป็นภาพต่าง ๆ แนะนำให้ไปลองดูกัน เพราะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี นับจากตอนที่ Thomas Stamford Raffles ยึดและก่อตั้งประเทศสิงค์โปรในปี 1819
เรื่องที่สามคือหัวข้อที่ผมสนใจมาก ๆ นั่นก็คือ “ไม่ต้องตื่นเช้าก็ประสบความสำเร็จได้” จาก FastCompany “You Don’t Have To Get Up At 4 A.M. To Be Success” จากที่หลายคนบอกว่าการตื่นเช้าเป็นเรื่องดี ทำให้เรามีเวลาเยอะ สมองโปร่งใส สามารถทำงานหรือแก้ปัญหายาก ๆ ได้ แต่บทความนี้คิดว่ามันอาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ถนัดตื่นเช้า หรือสามารถตื่นเช้าได้ทุกวัน
คนที่เป็น Early Morning Person มีเพียง 15% ของคนทั้งหมด ส่วนคนที่ชอบทำงานกลางคืนมีถึง 20% ส่วนอื่นๆ อาจเป็นคนที่ไม่นอนเที่ยงคืน การนอนที่ดีความนอนก่อนเที่ยงคืน แต่ทีนี้มีการแนะนำและยกตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จแต่ตื่นสาย ๆ คนแรคือ Aaron levy CEO ของ Box เขานอนตีสาม หรืออีกคนก็คือ Farol William ที่ตื่นสิบโมง ไปสตูดิโอเที่ยง และทำงานยาวถึงสามหรือห้าทุ่มทุกวัน อีกคนที่เรารู้จักกันดีคือ Mark Zuckerberg ที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่ Morning Person แต่ตื่นประมาณ 8 โมง ส่วน Warren Buffett ไม่สนใจว่าจะตื่นกี่โมง แต่เขาจะต้องนอนได้ครบ 8 ชั่วโมงทุกวัน
Podcast ของคุณรวิศเคยพูดถึงการนอนไว้ว่าจะนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงก็ได้ แต่ต้องเป็นการนอนแบบเต็มอิ่ม เพราะถ้านอนเต็มอิ่ม เราก็ไม่จำเป็นต้องนอนยาวและตื่นมาอย่างสดชื่นได
CEO เมืองไทยที่ไม่สามารถตื่นเช้าได้คือคุณรัน เจ้าของแพลตฟอร์ม MarketAnywhere และคุณหมู Ookbee ที่ก็ทำงานดึก นอนดึกเหมือนกัน
สุดท้ายแล้วจะตื่นเช้าตื่นสาย ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเหมาะกับการตื่นแบบไหน