ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายเต็มไปหมด เป็นปีที่เต็มไปด้วยความเร่ง ความด่วน “อะไรคือทักษะ บทเรียน ที่จะพกติดตัวไปด้วยในปี 2026” เปิดปีนี้ผม..เก่ง - สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม CEO and Founder at RGB72 and CREATIVE TALK ได้รวมมาให้ 26 บทเรียนที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน!
ว่าแล้ว เริ่ม!!...
1. Keep Learning!! ความรู้คืออาวุธสำคัญที่คุณสามารถใช้หากิน, ต่อสู้กับคู่แข่ง, ช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้น.. เรียนรู้ตลอดเวลา ยิ่งโลกหมุนไว ก็ต้องยิ่งเรียนรู้ ไม่ต้องเรียนลึกทุกเรื่องก็ได้เดี๋ยวจะไม่มีเวลาทำมาหากิน ไม่มีเวลากับครอบครัว แต่ “แตะ ๆ ไว้หน่อย” จะได้ไม่ตกรถ ตั้งแต่เรียนจบมา เข้าใจเลยว่า ความรู้คืออาวุธที่เมื่อมีแล้ว ใครก็พรากมันไปจากเราไม่ได้
2. Freedom = No Fear จากหนังเรื่อง One Battle After Another และได้ยินซ้ำอีกครั้งจากคุณเอ๋ นิ้วกลม มันคือความจริง “เมื่อเราไม่กลัว เราจะมีอิสระ” หรือพูดกลับกันก็ได้ว่า “เราจะมีอิสระได้ เมื่อปราศจากความกลัว” แต่เราจะปลดล็อกความกลัวได้อย่างไร สำหรับผมมี 2 วิธี หนึ่งคือ ปลดปล่อย.. บางเรื่องไม่จำเป็นต้องยึดติด ไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่สังคมกำหนดไว้ และ สองคือ ความรู้.. เรากลัวเพราะเราไม่รู้ ทุกเรื่องที่เรารู้ เราจะไม่กลัว
3. มองหา Ultimate Goal: คนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะไม่เคยรู้ว่าประสบความสำเร็จอยู่ตรงไหน ดังนั้นถ้าไม่อยากขยันแทบตายแต่ไม่ประสบความสำเร็จซักที ก็ต้องเริ่มจาก “ค้นหาคำว่าประสบความสำเร็จในแบบของตัวเองให้พบก่อน” รู้ว่าเป้าหมาย Ultimate Goal คืออะไร ถึงจะรู้ว่า “สำเร็จคืออะไร” และวันนี้เราเข้าใกล้มันแล้วหรือยัง
4. คุยกับตัวเอง: เราคุยกับคนมากมาย แต่คนที่เราคุยด้วยน้อยที่สุดคือตัวเราเอง วางมือถือ ปิดคอมฯ ปิดอินเทอร์เน็ต แล้วหาเวลาคุยกับตัวเอง ผมใช้วิธีเขียน โดยตั้งคำถามให้ตัวเองได้ตอบ อาจจะเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ แต่ตอบยาก เช่น “เป้าหมายปีนี้คืออะไร”
5. สื่อสารดีขึ้นเมื่อเข้าใจ Ultimate Goal ของผู้อื่น: อยากสื่อสารให้โดนใจคน ให้คนประทับใจ คุยรู้เรื่อง ต้องเข้าใจว่าผู้ฟังอยากได้ยินอะไร มองหาอะไร ซึ่งจะรู้ได้ก็ต้องกลับไปเริ่มจาก “ฟังอย่างตั้งใจ” > “ทำความเข้าใจ” > “พูดให้ชัดเจน”
6. Your story is the most interesting thing in the world: แม้ว่าจะอ่านหนังสือมามาก เข้าใจ framework มากมาย แต่ประสบการณ์ของเราคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะไม่มีใครจะได้พบเจออย่างเราอีกแล้ว เราจัดการปัญหาอย่างไร สำเร็จได้อย่างไร ถอดออกมาเป็นบทเรียนได้ ในแบบที่ “ไม่มีหนังสือเล่มไหนหรือนักเขียนระดับโลกคนไหนจะเขียนได้” ดังนั้น อ่านหนังสือแล้ว เรียนรู้แล้ว ให้ออกไปเจอโลกภายนอกมาก ๆ ด้วย
7. รวยไม่ได้แปลว่าต้องใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายไม่ได้แปลว่าจน: ปล่อยวางกับคนที่ใช้เงินหรูหรา ฟุ่มเฟือย ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน เราอาจจะมีเป้าหมายในการใช้เงินที่แตกต่างกัน จำไว้ว่ามีเงินไม่จำเป็นต้องใช้เพื่ออวดคนอื่น แต่มีเงินไว้ใช้เพื่อความสุขของเราและคนรอบตัว ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
8. การเงิน การเงิน การเงิน: คนทำธุรกิจมากมายมีฝีมือไม่น้อย แต่กลับทำธุรกิจไม่รอดเพราะเรื่องการเงิน, บางคนขยันทำงานหนักทุกวัน แต่เงินไม่มีเหลือเก็บ ในเมื่อเงินคือสิ่งสำคัญในการดำรงชีพ การเงินจึงเป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้ รู้จักบริหารจัดการ, รู้จักต่อยอดเงิน, รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด, รู้จักบันทึกรายรับรายจ่าย ฯลฯ
9. คนส่วนใหญ่เป็น นักคิด นักประดิษฐ์ แต่น้อยคนจะเป็น นักธุรกิจ: ปี 2025 ผมไปดูงาน Startup ดูผลงานน้อง ๆ นักศึกษา คนรุ่นใหม่ทำงาน หลายคนมีไอเดียดีมากมาย มีความตั้งใจอยากสินค้ายอดเยี่ยม แต่น้อยคนจะรู้ว่าต้องทำเงินอย่างไร ขายเท่าไหร่ ใครจะซื้อ ดังนั้นถ้าอยากทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่คิดจะทำ แต่ต้องคิดถึงธุรกิจด้วย
10. No Money kills Creativity เมื่อไม่มีเงิน ไอเดียก็ไม่เกิด: ไม่ได้หมายความว่า Creativity ต้องใช้เงินมาก แต่โอกาสคิดไอเดียระหว่างคนที่ต้องดิ้นรนหาเงินให้พอใช้ในทุกวัน กับคนที่มีเงินเหลือเฟือให้ทดลองทำงานแปลกใหม่ นั้นแตกต่างกันมาก ดังนั้นอยากสนุก อยากมีอิสระในการคิดหรือลองทำอะไรใหม่ ๆ ต้องสร้างอิสระทางด้านการเงินควบคู่ไปด้วย
11. Storytelling is the engine to human connection: ผมเรียนรู้ว่าการเล่าเรื่องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และเรื่องที่เล่าได้ดี คือเรื่องที่มาจากประสบการณ์ตัวเอง วันที่ผมเข้าใจเรื่องนี้คือวันที่นั่งหาความแตกต่างระหว่าง Human vs AI แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ AI ไม่มี ก็คือ “ประสบการณ์ของตัวเอง”
12. ค้นหาจุดแข็งของคุณและคนรอบตัว: เทคนิคนี้ผมใช้มาตลอดเกือบ 10ปี เพราะเชื่อว่ามนุษย์เราจะพัฒนาได้ไวขึ้นถ้าได้พัฒนาจากจุดแข็งของตัวเอง คนที่ไม่เก่งเลขแต่ต้องสอบเลขให้ได้ A จึงยากกว่าคนที่คำนวณไว ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร รวมถึงคนรอบข้างเป็นอย่างไร เราจะพัฒนาตนเองและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
13. อยากทำงาน หรืออยากทำเงิน: อีกคำถามง่ายที่ตอบยาก บางคนอยากทำงานจริง ๆ รักในสิ่งที่ทำแม้ว่ารายได้น้อย แต่มีความสุข แต่บางคนอยากรวยขยันทำงานแต่ไม่ขยันทำเงิน ไม่มองหาลู่ทางหรือโอกาสที่จะสร้างรายได้เพิ่ม ดังนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองทำงานไปวัน ๆ ถามตัวเองว่าเราตั้งใจอยากทำงาน หรืออยากทำเงิน ถ้าได้คำตอบแล้ว ปรับเข็มทิศตัวเองแล้วเดินทางใหม่
14. ลงทุน = ศึกษา, มั่นใจ, รอผลลัพธ์: ปีนี้เป็นปีที่ผมตั้งใจลงทุนขึ้นมาก และเทคนิคไม่มีอะไรมากไปกว่าการเรียนรู้ ศึกษาสิ่งที่เราลงทุน ความรู้จะทำให้เราเข้าใจว่าเราลงทุนในอะไร มีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน ทำไมวันนี้ราคาลง ทำไมวันนี้ขึ้น เมื่อเราเข้าใจในทุกสิ่งแล้ว เราจะใจเย็นลง ไม่ลงทุนด้วยหู แต่ลงทุนด้วยหัว ไม่ฟังแค่คนบอกมา แต่เข้าใจและคิดได้ว่าควรจะลงทุนในอะไร
15. Trends = Opportunities: เทรนด์ใหม่คือโอกาส ช่วงอินเทอร์เน็ตมาใหม่ ๆ มีคนได้รับโอกาสด้านธุรกิจ ร่ำรวยเพราะเข้าใจเทรนด์ สามารถขี่คลื่นลูกใหม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีเทรนด์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคริปโต, AI, Quantum, Longevity ใครก็ตามที่เกาะคลื่นใหม่ได้ คลื่นใหม่เล่านั้นจะให้โอกาสใหม่กับคุณ
16. จงเป็นผู้เลือก ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก: เบื่อบริษัทแต่ลาออกไม่ได้ อยากเข้าทำงานที่ใหม่แต่เขาไม่รับ นั่นเป็นเพราะเราไม่ใช่ผู้เลือก แต่เราเป็นผู้ถูกเลือก จงสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง สร้างคุณค่าให้มากพอจนหลายคนต้องยอมให้เราเป็นผู้เลือก
17. บางคนถนัดลากดินสอตามเส้นประ: บางคนเราสามารถสอน สามารถบอก แล้วเขาสามารถเรียนรู้แล้วทำได้ด้วยตัวเอง เหมือนตอนเด็กที่เราเขียนตัวอักษรตามเส้นประ หลังจากเขียนได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีเส้นประอีกเลย แต่ในชีวิตจริงบางคนไม่สามารถเขียนเองได้ ทำงานได้เอง แม้ว่าจะเคยเขียนตามเส้นประมาแล้วก็ตาม ซึ่งนั่นไม่ผิด แต่เราต้องเข้าใจ ว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเรียนรู้ และทำเองได้โดยไม่ต้องมีใครบอก
18. Health is new luxury: แข็งแรงไว้ ยังไงก็ดี อยากวิ่ง อยากเดิน อยากทำงาน อยากทำอะไรก็ได้ทำ แต่ถ้าไม่แข็งแรง อยากทำอะไรก็อาจจะไม่ได้ทำ ดังนั้นแข็งแรงไว้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จัดการน้ำหนักตัวให้พอดีกับที่ควรจะเป็น ถ้าจัดการตัวเองไม่ได้ ก็ต้องจ้างคนอื่นมาจัดการ จ้าง trainer แม้จะเสียเงิน แต่ได้สุขภาพคืนมาก็คุ้ม
19. ได้เงินก็สำคัญ แต่บริหารเงินสำคัญกว่า: หลายคน “เคยรวย” เพราะมีเงินแล้วบริหารไม่เป็น สำคัญกว่าการหาเงินได้คือการทำอย่างไรให้เงินนั้นอยู่กับเราไปนาน ๆ และต่อยอด เพิ่มพูนให้เราเพิ่มได้
20. Sleep is number one priority: อยากทำงานให้มีประสิทธิภาพ อยากตื่นมาแล้วสดชื่น อยากแข็งแรง ไม่อยากป่วยง่าย การนอนคือหนึ่งในคำตอบที่สำคัญที่สุด เพราะมนุษย์ซ่อมตัวเองและพัฒนาตัวเองช่วงเวลานอน ดังนั้นจัดการการนอนให้ดี นอนให้เพียงพอ และนอน-ตื่น เวลาเดิม หรือใกล้เคียงเดิมในทุก ๆ วัน คือสิ่งที่สำคัญ
21. The huge learning gap, where are you: ชัดเจนแล้วว่าหลังจากนี้ด้วยเทคโนโลยีและความรู้ที่เติบโตไว Knowledge gap ของคนบนโลกจะแตกต่างกันมากเป็น “K-shape” จงตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า เมื่อแตกต่างกันขนาดนั้น คุณจะเป็นคนที่อยู่ด้านบน หรือด้านล่างของ K-shape นั้น
22. Never Give Up! อย่าหมดหวัง: เพราะความหวังเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นอนาคต เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีพลังและกำลังใจ ถ้าคุณหมดหวัง คุณจะทำงานไปวัน ๆ ไร้จุดหมาย คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนเป็นคนมีความหวัง ความหวังในเป้าหมายที่วางไว้ระยะไกล ระยะใกล้, ความหวังในฝีมือตัวเอง, ความหวังในตัวเพื่อนร่วมทีม และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น อย่าหมดหวัง
23. Only the paranoid survived เฉพาะคนที่กังวลเท่านั้นจึงจะอยู่รอด: คนจำนวนมากเฝ้ารอวันที่เศรษฐกิจจะกลับฟื้นขึ้นมาดี แต่ไม่ทำอะไรเลย ส่วนคนอีกกลุ่มกังวลว่าปี 2026 เศรษฐกิจจะแย่กว่าเดิมและพยายามทำทุกอย่างเพื่อรอด และผมเองก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นอย่าได้ไว้ใจ และอย่าได้หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นได้เอง กังวลไว้ก่อนแล้วเตรียมตัวทำทุกอย่าง ถ้า 2026 ไม่ได้แย่อย่างที่คิด เราก็ได้ขยันขึ้นดีเสียอีก
24. แข่งกับตัวเอง: ไม่มีใครขับรถได้ดีถ้ามองแต่กระจกข้าง ชีวิตเราก็เช่นกัน จะไปได้ตรง จะไปได้เร็ว ต้องมองไปข้างหน้า เช็คคู่แข่ง เช็คกระจกข้างเป็นระยะ แต่อย่ามัวแต่มองคนอื่นจนลืมที่จะมองข้างหน้า เพราะคนที่เราควรแข่งขันมากที่สุดคือตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องกลัวคนอื่นจะเก่งกว่า แต่คุณต้องกลัวว่าจะไม่เก่งกว่าตัวเองในวันเมื่อวาน
25. ในยุคที่ควรมีพาร์ทเนอร์ทำงานร่วมกัน แต่ถ้ายังไม่เจอพาร์ทเนอร์ที่ดี การทำเองก็อาจจะดีกว่า การเลือกพาร์ทเนอร์ไม่ใช่เรื่องที่จะให้ใครมาร่วมงานกันได้ง่าย ๆ เพราะนอกจากจะต้องรู้จักนิสัยใจคอกันดีแล้ว ยังต้องเคารพซึ่งกันและกันด้วย
26. ขอบคุณตัวเองที่ได้ตื่นขึ้นมาในทุกเช้า ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณเพื่อน ๆ มิตรสหายดี ๆ ที่อยู่รอบกาย ที่ช่วยส่งเสริม ช่วยเหลือ และผลักดันให้เราสามารถผ่านพ้นในแต่ละปีไปได้ด้วยดี