เทรนด์ Creative ในปีนี้จะเป็นยังไง สนุกและน่าเล่นขนาดไหนมาตามดูกัน บอกเลยว่ามีตั้งแต่โลกเสมือนยันความ retro
อย่างที่รู้ว่า ‘Creativity’ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอยู่ในยุคของเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) การจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ได้ เราจึงต้องรู้ก่อนว่า แนวโน้มหรือทิศทางของความคิดสร้างสรรค์จะเป็นอย่างไร แล้วเราควรมุ่งหน้าไปทางไหน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินหน้าไปแบบสะเปะสะปะ
โดยภาพรวมของปี 2022 จะกลายเป็นปีแห่ง “ความย้อนแย้ง” สำหรับวงการครีเอทีฟ ด้วยความที่เทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้าแบบก้าวกระโดด แต่อีกมุมหนึ่งผู้คนบางส่วนก็พยายามหวนหาถึงอดีตในคราเดียวกัน
วันนี้เราเลยขอพาทุกคนมาดูกันว่า Creative Trend แห่งปี 2022 ที่ Depositphotos รวบรวมเอาไว้นั้นมีอะไรบ้าง
1. Metaverse
วินาทีนี้ไม่มีใครไม่พูดถึง Metaverse โลกเสมือนที่เป็นดินแดนแห่งใหม่ที่ทุกคนต่างก็อยากมีส่วนร่วม ความนิยมของ Metaverse วัดได้จากแว่น VR ยี่ห้อ Oculus ที่กลายเป็นของขวัญยอดนิยมในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา ทำให้ยอดดาวน์โหลดแอปฯ สูงขึ้นอันดับ 1 ใน App Store
และหลังการประกาศเรื่อง Metaverse ของ Meta ก็ถือเป็นตัวเร่งให้คนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับโลกเสมือนนี้มากขึ้น ถึงขนาดที่ Microsoft รีบเอา 3D Avatar มาใช้กับ Teams ทันที
และโลก Metaverse ที่กำลังบูมสุดๆ ในตอนนี้ ก็หนีไม่พ้น ตลาดเกมออนไลน์ และแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ที่เด็กรุ่นใหม่นิยมเล่นอย่าง Roblox, Fortnite หรือ Minecraft ที่นับว่าเป็นเพียงก้าวแรกของเกมในโลก Metaverse ที่ผู้เล่นสามารถเป็นใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้ แถมยังสร้างเกมภายในเกมต่อได้อีก สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการใช้เทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ที่ทั้งตอบรับ ปรับตัว และมีส่วนสำคัญในวัฒนธรรมดิจิทัล ซึ่งเราจะได้เห็นการเติบโตในด้านเกมเหล่านี้อีกในอนาคตอันใกล้
นอกจากนั้นแล้วเทคโนโลยี VR/AR (Virtual Reality & Augmented Reality) ก็ยังทำให้ประสบการณ์ในโลกเสมือนมีความสมจริงมากขึ้น เหล่าผู้ออกแบบและนักพัฒนาเองก็พยายามจะหาทางสร้างบรรดาองค์ประกอบสามมิติ ภาพเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่ง Heptic Gloves ที่ทาง Meta กำลังพัฒนาอยู่เพื่อเสริมสัมผัสที่สมจริงให้กับผู้ใช้มากขึ้น เพราะฉะนั้นภายในปีนี้เราก็คงจะได้เห็นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมายที่สร้างขึ้นเพื่อมาตอบโจทย์ Metaverse อย่างแน่นอน
2. Psychedelic Art
เวลาที่ศิลปินต้องการแรงบันดาลใจอะไรสักอย่าง พวกเขามักจะมองย้อนกลับไปหาศิลปะในอดีต แล้วปีนี้ก็เช่นกัน เพราะหนึ่งในใจความสำคัญของการออกแบบจะเป็นศิลปะจากยุค 70 ที่มีความสดใส ขี้เล่น เป็นเสมือนการพยายามปลดแอกจากความน่าเบื่อ ราบเรียบ ด้วยภาพโฮโลแกรม หรือ การเลือกใช้พื้นหลังที่สีสดๆ ไม่เนี้ยบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลับมาฮิตในโลกดิจิทัล
และ Psychedelic Art ก็คือศิลปะที่ทำให้เกิดประสาทหลอนหลังจากดูไปนานๆ และเป็นแนวศิลปะที่เคยฮิตและรุ่งเรืองในยุค 70 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาการหลอนหลังจากเสพยา การออกแบบงานต่างๆ ที่ใช้แนวคิด Psychedelic Art จึงถือเป็นความต้องการที่จะหลีกหนีจากความจำเจ และป่าวประกาศให้ผู้คนได้ออกตามหาทางเลือกใหม่ๆ ได้ค้นหาอะไรใหม่ๆ และกล้าที่จะมีประสบการณ์ที่แตกต่างจากกรอบเดิมที่เคยมี
3. AI-Generated Music
วงการเพลงจะก้าวไปสู่ยุคใหม่ เมื่อสมองกลอย่าง AI เข้ามามีบทบาทมากกว่าเป็นแค่ผู้ช่วยเลือกเพลงเวลาเรากด shuffle ให้เพลงเล่นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเบื้องหลังการเลือกเพลงแบบสุ่มนั้นเกิดจากการเรียนรู้อารมณ์ ประวัติการค้นหา และรสนิยมของคุณที่วิเคราะห์มาแล้วโดย AI
ซึ่งปีนี้แบรนด์พยายามจะสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวให้กับลูกค้าด้วยเพลงที่เลือกโดย AI เพียงแค่คุณคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ หรือ แอปฯ ระบบหลังบ้านก็จะเลือกเพลงสำหรับคุณเท่านั้น ซึ่งจะเลือกให้เข้ากับบรรยากาศและรสนิยมของคุณโดยอัตโนมัติ
แต่แน่นอนว่าการพยายามปรับเพลงหรือดนตรีให้เป็นรูปแบบเฉพาะบุคคลของแต่ละแบรนด์สินค้านี้อาจทำได้ยาก เมื่อเทียบกับการเล่นเกมออนไลน์ แต่ก็สามารถนำไปปรับใช้กับการทำ Virtual Exhibition หรืออีเวนต์ต่างๆ เพราะเมื่อเกิดเพลงเฉพาะบุคคลแล้ว ผลที่ตามมาคือ คนอาจจะเริ่มหันมาสะสมเพลงเหล่านี้และสร้างกำไรจากมันมากขึ้น ด้วยความหายากของตัวเพลงเอง
4. Y2K Aesthetics
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกโหยหาอดีตในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ คุณไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคทำให้เกิดการล็อกดาวน์ ทำให้ในชีวิตของผู้คนในช่วงล็อกดาวน์แทบจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย จึงเกิดเป็นช่วงเวลาที่คุณได้หวนกลับไปรำลึกถึงอดีตแห่งความสุข โดยเฉพาะในวัยเยาว์ที่ทุกอย่างดูง่ายไปหมด และคนรุ่น Millenials และ Gen Z จึงเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่กลับไปดื่มด่ำกับสุนทรียศาสตร์ในยุค Y2K
และสีพาสเทลอย่าง ชมพู เหลือง เขียว ฟ้า สีละมุนโทนอ่อนทั้งหลายจะกลับมาฮิต ภาพถ่ายหรืองานออกแบบจะมีกลิ่นอายของ Retrofuturistic เช่น งานถ่ายที่ดูเหมือนภาพฟิล์มจะปรากฏให้เห็นในผลงานของบรรดาอินฟลูทั้งหลาย รวมถึงแคมเปญของแบรนด์ต่างๆ ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดที่สุด คือ เทรนด์แฟชั่นล่าสุดที่ผู้คนกลับมาฮิตเครื่องเล่น iPod Shuffle อีกครั้งหลังจากโผล่เป็นกิ๊บติดผมใน TikTok และเผลอๆ เราอาจจะได้เห็นการกลับมาของเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นโบราณอีกครั้งก็เป็นได้
จบกันไปแล้วสำหรับ 4 Creative Trends จากทั้งหมด 8 trends ที่เราเอามาเรียกน้ำย่อยให้อ่านกันเพลินๆ ในวันนี้ คราวหน้าเราจะพามาดูกันต่อว่าเทรนด์ที่เหลือของวงการครีเอทีฟในปีนี้จะเป็นอย่างไร Creative Talk บอกได้เลยว่าน่าตื่นเต้นมากๆ รอติดตามกันได้เลย
ที่มาของข้อมูล – Depositphotos Creative Trends 2022: Merging the future and the past
เรื่อง: แพรว – ณัฐธยาน์ รุ่งรุจิไพศาล นักเขียนตัวเปี๊ยกหัวโต ผู้รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ วิ่งไล่ผีเสื้อในทุ่งลาเวนเดอร์