8 Creative Trends ที่มาแน่ในปี 2022 (Part II)

ตามต่อกับพาร์ท 2 ของ Creative Trends ประจำ 2022 กับเทรนด์ที่ต้องอาศัยทั้งความเป็นมนุษย์และเรื่องของเทคโนโลยี

หลังจากพาร์ทที่แล้วเราได้พูดถึง 4 เทรนด์ ที่แสดงให้เห็นถึงความย้อนแย้งในวงการครีเอทีฟ ตั้งแต่เรื่องราวเทคโนโลยีจ๋าๆ อย่าง Metaverse และ AI-Generated Music ไปจนถึงแนวทางการออกแบบที่โหยหาอดีตมากๆ อย่าง Psychedelic Art ของยุค 70 ไปจนถึง Y2K Aesthetics คราวนี้เรามาดูกับอีก 4 เทรนด์ที่เหลือกันว่าจะเป็นแนวไหนอย่างไรกันบ้าง

5. Science, not Fiction

แม้ว่าในอดีต นิยายวิทยาศาสตร์จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเทคโนโลยีมาโดยตลอด แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นได้กลายเป็นจริงแล้วในปัจจุบัน เรื่องราวการเดินทางในอวกาศ หรือ รถยนต์ที่บินได้ไม่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจอีกต่อไป ในทางกลับกันเรื่องราวเหล่านี้กลับเป็นแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบแทน เพราะเราจะได้เห็นการออกแบบสิ่งต่างๆ ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ต่างดาว หรือภาพร่างหุ่นยนต์สมองกล หรืออุปกรณ์เดินทางในอวกาศ รวมทั้งสีโทนมืดๆ ทึมๆ และพื้นผิวแบบโลหะถูกนำมาใช้ในสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในมิติใหม่ๆ

แต่ถึงศิลปะการออกแบบและวิทยาศาสตร์จะเป็นเสมือนมือขวาและมือซ้าย แต่ในอีกแง่นึงทั้งนักออกแบบและนักวิทยาศาสตร์ต่างก็ทำงานในลักษณะที่ต้องคอยสังเกตการณ์ มองหาปัญหา และวิเคราะห์ข้อมูลในหลายๆ มุมมอง การออกแบบและวิทยาศาสตร์จึงสามารถหลอมรวมกันเพื่อสร้างสรรค์การแก้ปัญหาที่ดียิ่งขึ้นไปอีกได้ ซึ่งการนำการออกแบบมาประยุกต์ใช้กับวิทยาศาสตร์ก็จะทำให้วิทยาศาสตร์เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นด้วย

ยกตัวอย่างได้จากการตั้งเป้าสร้างอาณาจักรบนดาวอังคารของ NASA หรือ Elon Musk ภายในปี 2030 ก็กำลังทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในวงการสถาปนิก ทั้งสถาปนิกผังเมือง นักออกแบบ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ผู้ประกอบการ หรือแม้กระทั่งนักปรัชญาก็ยังออกมาให้ความเห็นกันว่า การใช้ชีวิตบนดาวอังคารจะเป็นอย่างไรบ้าง

6. Acts of Self-Love

กระแสการรักตัวเองนั้นมีมาได้สักระยะแล้ว อย่างที่เป็นประเด็นหนักๆ ที่เราเห็นกันก่อนหน้านี้ก็มักจะเป็นประเด็นเรื่องเพศอย่าง LGBTQ หรือปีที่แล้วก็มีกระแส Feminism อย่าง “My Body My Choice” ซึ่งส่งผลต่อวงการแฟชั่นครั้งใหญ่ แต่ปี 2022 กระแสนี้จะมาถึงจุดสูงสุดของมันเมื่อถูกนำมาหยิบยกเป็นไอเดียในเรื่องการสื่อสารของแบรนด์ หรือแม้กระทั่งภาพศิลปะต่างๆ ด้วยการเชื่อมโยงเข้าประเด็นเหล่านี้เข้ากับเรื่องสุขภาพจิตของสังคม จุดเป็นกระแสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโลก

ซึ่งปีนี้แบรนด์ต่างๆ ก็จะกลับมาปรับรูปแบบการสื่อสารและภาพลักษณ์ต่างๆ ให้ออกมาในรูปแบบที่ดูสนับสนุนและส่งเสริมความรู้สึกของลูกค้ามากขึ้น การถ่ายงานเพื่อสื่อสารออกไปจะลดการจัดฉาก ใช้องค์ประกอบน้อยๆ สีโทนเรียบๆ เพื่อสร้างบรรยากาศสมจริง ให้เข้าถึงง่าย ซึ่งการสื่อสารแบบนี้นอกจากจะช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในแบรนด์มากขึ้นแล้ว ยังทำให้แบรนด์ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังวัฒนธรรมทางสังคมที่มีคุณภาพ และมีความสุขมากขึ้น

7. The Art of Scrollytelling

การจะเล่าเรื่องหรือสื่อสารอะไรบางอย่างให้คนอยากมีส่วนร่วมด้วยนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมากในปัจจุบัน ซึ่งบรรดาครีเอทีฟท้ังหลายก็ต้องพยายามหาวิธีในการดึงดูดให้คนมาสนใจสิ่งที่จะเล่าด้วยรูปแบบใหม่ๆ และการออกแบบเว็บก็ต้องใส่ทั้ง เสียง วิดีโอ และ Animation ลงไป

ซึ่งเราจะได้เห็นภาพรวมหน้าเว็บไซต์ หรือ แอปฯ ที่มาพร้อมกับองค์ประกอบที่ต่างออกไปจากที่เคยเช่น ภาพรวมที่ดูไม่สมมาตร และการเลื่อนหน้าจอที่ไม่เหมือนเดิม ตัวหนังสือที่ดูใหญ่กว่าปกติ รวมไปถึงภาพเคลื่อนไหวแบบสามมิติ และจะมีการเพิ่มเสียงหรือเพลงเจ๋งๆ เข้าไปด้วย

แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของประสบการณ์การเข้าเว็บหรือแอปฯ ก็คือ การดาวน์โหลดที่รวดเร็ว และเรื่องเล่าเด่นๆ ที่ไม่เหมือนใคร ในขณะเดียวกันก็ต้องเข้าถึงผู้อ่านได้ง่ายด้วย

8. Immersive Everything

ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แบรนด์ต่างๆ ต้องคอยเปลี่ยนรูปแบบการโฆษณา และแผนกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะทำให้แบรนด์ตัวเองโดดเด่นเหนือคนอื่น สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า รวมถึงทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้ายังกลับมาซื้อหรือใช้บริการแบรนด์อย่างต่อเนื่องได้ ก็คือ การผสมผสานโลกแห่งความจริงกับโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน

การโฆษณาแบบสามมิติ หรือ AR Filter อะไรก็ตามที่ใครที่มี Smart Phone สามารถลองเล่นกับสินค้าผ่านโลกออนไลน์ได้กำลังเป็นที่นิยม เราอาจจะเริ่มเห็นการเข้าถึงลูกค้าในลักษณะนี้มาบ้างแล้ว เช่น แบรนด์เครื่องสำอางที่มีการทำโปรแกรมให้ลูกค้าแค่ถ่ายรูปผ่านมือถือก็เห็นแล้วว่าลิปสีนี้จะเข้ากับเขาไหม ปีนี้แบรนด์ต่างๆ จะพยายามใช้สร้างแคมเปญต่างๆ ที่นำเทคโนโลยีมาผสมผสานเข้ากับความจริง ที่สร้างความสะดวกสบายและความสมจริงให้กับผู้ใช้มากขึ้นด้วย

เป็นยังไงกันบ้าง กับทั้ง 8 เทรนด์สำคัญในปี 2022 นี้ ที่สำคัญคือคุณไม่จำเป็นต้องเป็นครีเอทีฟเท่านั้นถึงจะควรรู้เรื่องราวเหล่านี้ เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาด เจ้าของกิจการ หรือนักพัฒนาโปรแกรม ทุกคนต่างสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กับโปรเจกต์หรือการทำงานของตัวเองในเชิงสร้างสรรค์ได้แบบไม่ตกเทรนด์ ผ่านความเข้าใจความเป็นไปของมนุษย์ และการพัฒนาของเทคโนโลยี