ในงาน Ai Thailand Conference 2024 กับ Session: Back to the Next Future – Business Transformation though Past, Present, and Future ที่จะมาเล่าภาพใหญ่ของ Business Transformation ทั้ง อดีต - ปัจจุบัน - อนาคต ผ่านมุมมอง ผู้บริหารสิงห์ คุณวรภัทร ชวนะนิกุล CSO & CFO of BOON RAWD TRADING ซึ่งสิงห์เป็นหนึ่งในองค์กรที่ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง ทรานฟอร์มทั้งองค์กร-พนักงาน และยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของงานนี้อีกด้วย
🔙 [ ในอดีต ] 🔙
ถ้าเราย้อนเวลากลับไป 5 ปีก่อน โลกยุคนั้นสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการพัฒนาธุรกิจคืออะไร ?
▪️ คุณวรภัทร ชวนะนิกุล ได้เล่าว่าแต่ละยุคมีความท้าทาย มีการเปลี่ยนแปลงไป อย่าง 5 ปีก่อนคือยุคเริ่มต้น E-Commerce, Social Commerce ถ้ามองก่อนหน้ายุคนั้นอีกที มันมีบางอย่างที่เหมือนกัน เช่น คุณจะขายใคร, ลูกค้าคือใคร แล้วคุณทำอะไรได้ดี ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจในยุคสมัยไหนก็ตาม เรื่องเหล่านี้สำคัญ เราต้องตอบให้ได้ว่า Competitive Advantage ของเราคืออะไร ลูกค้าเราคือใคร เราจะขายใคร สำคัญมาก
▪️ การ Communicate ในอดีตมีทั้งสื่อสารผ่านหน้าจอทีวี, ติดป้ายตามห้องน้ำ หรืออย่าง 5 ปีก่อนมีทั้งออนไลน์ และออฟไลน์เกิดขึ้น เราคุยกับลูกค้าใน แพลตฟอร์ม E-commerce เจ้าดัง หรือแม้กระทั่ง TikTok ก็พึ่งเริ่ม ๆ มาด้วยซ้ำ เพราะช่วง Covid ในยุคนั้นมีแต่ Content เต้น ดังนั้นสิ่งสำคัญของความท้าทายในแต่ละยุคสมัยคือ เราต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการคุยกับลูกค้า
🔙 [ ในอดีต ] 🔙
สิ่งที่เคยได้ผล แต่ปัจจุบันกลับใช้ไม่ได้แล้ว มันมีอะไรบ้าง ?
▪️ การเข้าถึงลูกค้าในอดีตคือ One Size Fit all เน้นเจาะกลุ่มใหญ่ อยากคุยกับลูกค้าก็เลือกคุยช่วงเวลาเดียวกันไปเลย แต่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว เพราะคนสมัยนี้พฤติกรรมเปลี่ยนไป ถ้าเรายังทำเหมือนเดิมมันล้าสมัยแล้ว
▪️ ในแง่ค้าปลีกเอง คนที่ชนะคือคนที่เก็บ Scale หรือ Economies of Scale ได้เยอะที่สุด เพราะยิ่งเปิดร้านใหญ่เท่าไหร่ การสั่งผลิตของในครั้งหนึ่งเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตนั้นถูกลง เมื่อต้นทุนถูกลงจะส่งผลให้ Margin กำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ใคร ๆ ก็อยากมาวางขายสินค้ากับเรา แต่ในปัจจุบันเป็นยุคของ Convenient และ E-Commerce ตามมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารายใหญ่ก็อาจจะไม่ได้เปรียบอีกต่อไป!
🌎 [ ยุคปัจจุบัน ] 🌎
Ai มีบทบาทในการทำธุรกิจ แล้วธุรกิจ หรือองค์กรควรต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ?
🔹 ในฝั่งของยุคปัจจุบันนี่คือยุค Ai โดย คุณวรภัทร ชวนะนิกุล ได้เน้นย้ำเรื่องของ Ai มันคือ Tools เราต้องคิดและนำ Ai มาแก้ไขปัญหา ทำอย่างไรให้เราวิ่งได้เร็วกว่าเพื่อน ทำอย่างไรให้เราตามเขาทัน ถ้าทุกคนเขาวิ่งหมดแล้วเราเดิน จะทำให้เราเสียเปรียบ แต่กลับกันถ้าเขาวิ่งแล้วเราติดจรวด มันจะกลายเป็น Competitive Advantage เพราะเราเริ่มใช้ก่อนจึงได้เปรียบ เราเห็นก่อน เรารู้ก่อน เพื่อลองทำได้ก่อน
🔹 อีกประเด็นที่น่าสนใจจากคุณวรภัทร คือ Ai ไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เช่น ธุรกิจนวด ทำไมทุกวันนี้เราถึงชอบให้คนไปนวดจริง ๆ แม้ปัจจุบันจะมี Robotic ที่นั่งนวดต่าง ๆ มากมายก็ตาม เหตุเพราะคนเรายังต้องการ Human Touch ดังนั้นการจะนำ Ai มาใช้เราต้องเลือกใช้ ไม่ใช่ใช้ทุกอย่าง
🔹 Singha Ventures เมื่อ 2 ปีก่อนมีไปลงทุนใน Open Ai ซึ่งการ Learning เมื่อ 2 ปีก่อนทำให้เรารู้ก่อน และรู้ทันว่า Ai จำเป็นต้องมีมนุษย์ และมนุษย์ต้อง Validate จากข้อมูลว่าอันไหนเลือกที่จะเชื่อ! จากข้อมูลที่ Ai หามาให้เรา
🌟 [ อนาคต ] 🌟
ในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า โลกธุรกิจจะเป็นอย่างไร อะไรจะเป็นโอกาสในอนาคต ?
🔸 คุณวรภัทร ชวนะนิกุล มองภาพไว้น่าสนใจถึงเรื่องวิธีการทำงานใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น การสร้างร้านอาหาร ไม่ต้องจบ Interior Designer ก็สามารถใช้ Ai มาทำได้เช่นกัน หรือใครที่ทำธุรกิจ FMCG ก็สามารถใช้ Ai ได้ โดยนำ Data อย่าง demand + supply ทำให้เกิด accuracy หรือความแม่นยำ ความถูกต้อง สิ่งที่คุณได้คือ จะช่วยให้เราบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น กำไรคุณก็ดีขึ้น แล้วเมื่อกำไรขึ้นก็นำไปลงทุนต่อได้ หรือแม้กระทั่งนำกำไรบางส่วนไปปรับราคาให้ลูกค้า ก็จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ สิ่งสำคัญคือใครไม่ใช้ต่างหาก จะโดน left behind อย่างแน่นอน
🔸 อีกส่วนที่น่าสนใจเรื่องของ Autonomous Vehicle หรือรถยนต์ไร้คนขับมาแน่นอน อย่างจีนที่อู่ฮั่น บริษัท baidu เองทำหลายธุรกิจ ซึ่งมีธุรกิจหนึ่งที่เขาทำคือ Autonomous Vehicle ซึ่งถ้าเราได้ไปที่อู่ฮั่น จะเห็นรถยนต์นี้ประมาณ 30 คันมาวิ่งเป็นแท็กซี่ เขาได้เริ่มลองกันแล้ว!
แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ถ้าเรามองอนาคตไปอีกขั้น เรื่องของ Autonomous Vehicle จะกลายเป็น Commercial โดยเฉพาะเรื่องของ รถบรรทุก เพื่อใช้ในการขนส่ง ซึ่ง Autonomous Vehicle จะเข้ามาช่วยมนุษย์ทำให้ปลอดภัยมากขึ้น เพราะในอดีตกว่าคนขับจะขนส่งจากเมืองหนึ่ง ไปอีกเมืองหนึ่ง ก็ใช้เวลาหลายวัน มีความเหนื่อยล้า และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเวลาขับกลางคืนได้ ซึ่งจะทำให้การขนส่งแม่นยำขึ้น และลดอุบัติเหตุได้ดี
🔸 การเก็บ Data เพื่อเตรียมความพร้อมไว้สำคัญ ตัวอย่างที่น่าสนใจจาก Singha Ventures คือในอดีตเวลาเราให้ Sale ไปเยี่ยมชมร้านต่าง ๆ เช่น ร้านค้าปลีก, โชห่วย, Modern Trade เราให้ถ่ายรูป เพราะรูปเหล่านั้นคือ Share of Shelf ว่าบน Shelf สินค้ามันตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง ในทางกลับกันอย่างปัจจุบัน เราสามารถใช้ Ai ในการ back tag ข้อมูลย้อนหลังว่ามันมี Movement ใด ๆ เกิดขึ้นบ้าง นี่แหละคือหนึ่งในประโยชน์สำคัญของการมีถัง Data ไว้พร้อม เพราะเราจะไม่ต้องคาดเดาว่าสิ่งไหนเวิร์ก หรือไม่เวิร์ก แต่การมี Data โดยใช้ Ai ในการช่วยจะทำให้ประสิทธิภาพของข้อมูลแม่นยำขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง
อีกส่วนที่น่าสนใจในมุมมองของคุณเจมส์ - ธีรานนท์ คือเคสที่มีคนนำผ้าไหม โดยให้ Ai ช่วยออกแบบได้แล้ว กลายเป็นว่ามันเกิดขึ้นแล้ว มันมีโอกาสใหม่ ๆ จากยุคสมัยนี้
🎯 คุณสมบัติอะไรที่ ‘ผู้นำ’ ในอนาคตจำเป็นต้องมี เพื่อปรับตัวให้เท่าทัน!
✅ ผู้นำในอนาคตต้องมี Strategic Mindset เข้าใจธุรกิจคุณ คุณต้องรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร เจ๋งกว่าคนอื่นยังไง ทำไมคนอื่นจะมาสู้คุณไม่ได้
✅ ผู้นำในอนาคตต้องสามารถบริหารจัดการทีมได้ คุณต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ทีมคุณทำอะไรได้ การบริหารจัดการในองค์กร
จะขับเคลื่อนไม่ได้เลยหากขาดทีมงานที่มีคุณภาพ
✅ ผู้นำในอนาคตต้องมี Agility ต้องมีความยืดหยุ่น เข้าใจเทคโนโลยี และที่สำคัญต้องเลือกให้ได้ว่าเทคโนโลยีตัวไหนเหมาะกับองค์กรเรา หรืออันไหนไม่เกี่ยวกับเรา ซึ่งสำคัญมาก
เรียบเรียง: กองบรรณาธิการ CREATIVE TALK