ทำไมปีใหม่ผ่านไปเร็วจังน้าาาา ใครกำลังยิ้มทั้งน้ำตาแบบเดียวกับแอดบ้าง 😂
วันนี้อยากชวนเพื่อน ๆ มานั่งอ่าน Guide on Productivity at Work for 2024 ที่ได้รวบรวมเทคนิคทำให้ ‘มนุษย์ทำงาน’ อย่างพวกเรา สามารถรีชาร์จกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ มันจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
🎯 1. อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา “ออกกำลังกาย”
99.99% ของคนที่ประสบความสำเร็จมักมีรูทีนที่คล้ายกันคือ ‘ออกกำลังกาย’ อย่างสม่ำเสมอ
👉 Tim Cook CEO Apple เข้ายิมฟิตเนสตอนตี 5 ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
👉 Jack Dorsey อดีต CEO Twitter วิ่งจ๊อกกิ้งทุกเช้าทุกวัน
👉 Anna Wintour บรรณาธิการบริหารของ Vogue ตื่นทุกเช้าเวลา 05:45 น. เพื่อเล่นเทนนิส
👉 Richard Branson CEO Virgin Group สนุกกับการว่ายน้ำ, Bikram Yoga (โยคะร้อน), วิ่ง, ยกน้ำหนัก และบอกไว้ว่าการออกกำลังกายเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 4 ชั่วโมงในทุกวัน
👉 Mark Cuban นักลงทุนจาก Shark Tank ตั้งเป้าออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างน้อย 1 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์
👉 Aaron Patzer ผู้ก่อตั้ง Mint.com ชอบยกน้ำหนัก, วิ่ง และปีนป่ายหน้าผา
ขนาดคนระดับที่เป็นผู้บริหารยักษ์ใหญ่ระดับโลกยังทำได้
เพื่อน ๆ เองก็ทำได้น๊า ลองเริ่มต้นจากการวิ่งสั้น ๆ 15-20 นาที หรือหากีฬาที่ตัวเองชอบ มีเป้าหมายที่ตัวเองทำได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายไม่ใช่แค่ทำให้สุขภาพดีอย่างเดียว แต่ยังช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับการทำงานได้เช่นกัน
🎯 2. อย่าลืมที่จะ “อ่านหนังสือให้มาก”
มนุษย์กองดองปีก่อน กลับมากองหน้าโต๊ะเพื่อเริ่มอ่านกันได้แล้วน๊า เพราะการอ่านหนังสือเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง! มีการศึกษาที่น่าสนใจโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอมอรี ในแอตแลนตา (Emory University in Atlanta) แสดงให้เห็นว่าการอ่านนวนิยายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 'การเชื่อมต่อสถานะพักผ่อน' ของสมอง
การศึกษานี้ดำเนินการกับนักเรียน 12 คน เป็นเวลา 19 วัน พวกเขาอ่านนวนิยายเล่มเดียวกันคือ Pompeii นักเรียนกลุ่มนี้จะถูกขอให้นั่งเครื่อง fMRI (functional magnetic resonance imaging) เพื่อสแกนสมองในวันถัดไป ศาสตราจารย์ Gregory Berns ผู้เขียนรายงานวิจัยกล่าวว่า ผลการศึกษาแสดงการเชื่อมต่อในสมองขมับด้านซ้าย (เกี่ยวข้องกับการรับรู้ภาษา) และร่องกลาง (กลไกประสาทสัมผัสหลักของสมอง) ชี้ให้เห็นว่าการอ่านนวนิยาย สามารถเชื่อมต่อ ‘จิตใจของตัวละครในนวนิยายได้’ เสมือนเราเป็นเหมือนตัวเอกในนวนิยาย และช่วยทำให้จดจำเรื่องราวใหม่ ๆ ไปสู่การพัฒนาเรื่องราวใหม่ ๆ ได้
โดยเทคนิคนี้ ‘อ่านอะไรก็ได้ที่คุณสามารถหาได้’ ไม่ใช่แค่หนังสือเพื่อการพัฒนาตนเองหรือด้านอาชีพเท่านั้น
อย่าเสียเวลากับหนังสือที่ไม่คลิกกับเรา มีหนังสือดี ๆ มากมายจนไม่คุ้มกับการเสียเวลาอันมีค่าไปกับหนังสือที่คุณคิดว่าไม่ถนัด ไม่ชอบอ่าน ลองสังเกตจากการอ่าน หากคุณไม่ชอบหนังสือภายใน 15-30 นาที ให้ลองหยุดเล่มนั้น และไปอ่านเล่มอื่นได้เช่นกัน เทคนิคนี้จะช่วยให้เราเริ่มหลงใหลในการอ่าน แล้วค่อย ๆ ขยับไปอ่านเรื่องใหม่ ๆ ความสนใจใหม่ ๆ ต่อไปในอนาคต
🎯 3. อย่าละเลยการ “ทานมื้อเช้า”
หลายคนเร่งรีบกับทุกเช้า บางคนไม่กินข้าวเช้าเลยและเก็บไปกินมื้อใหญ่แทน
ไหน ๆ ก็เข้าสู่ปีใหม่แล้ว ลองมาปรับวิถีการใช้ชีวิตกันดีกว่าไหม ☺️🫰
คุณคาเมเลีย โซอิก้า (Camelia Zoica) ผู้เขียนบทความจาก Paymo ได้แนะนำว่า
🍏 อย่าลืมต้นมื้อเช้าด้วยการดื่มกาแฟด้วยการที่คิดว่าจะทำให้พลังงาน กรณีที่คุณเร่งรีบมากจริง ๆ ควรเริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำผลไม้ (เน้นตระกูลพืชใบเขียว) หรือ น้ำขิงใส่มะนาวแทนจะช่วยให้รู้สดชื่นและดีกว่ามาก ๆ แถมยังทำให้ตัวเราไม่รู้สึกเหนื่อยล้าภายใน 2-3 ชั่วโมงแรกของวัน
🍏 ส่วนมื้อเช้าอื่น ๆ ที่แนะนำ คือ แอปเปิลแดงหรือเขียว, ข้าวโอ๊ต, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, อะโวคาโด, น้ำผักผลไม้สมูทตี้ (ไม่ใส่น้ำตาล) หรือถ้ารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้หายาก ลองเริ่มจากทานของมีประโยชน์ที่หาได้ง่ายก่อนก็ได้เช่นกัน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘เราต้องทานมื้อเช้า’ ให้ได้ทุกวัน
🍏 การทานอาหารมื้อกลางวัน บางคนชอบคิดว่าต้องกินเยอะ ๆ แต่ยิ่งเรากินเยอะร่างกายจะนำพลังงานจำนวนมากไปย่อยอาหาร ซึ่งทำให้ตัวเพื่อน ๆ มักจะง่วง! ใครชอบง่วงหลังพักเที่ยงนี่แหละคือเหตุผลที่เรากินมากเกินไป ลองปรับมาทานอะไรเบา ๆ หรือไม่ต้องสั่งพิเศษ เน้นกินธรรมดาก็ช่วยได้เช่นกัน
🍏 มื้อว่างก็สำคัญ มื้อนี้กินพวกชา, กาแฟใส่น้ำตาลได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เราตื่นตัว มีสมาธิมากขึ้น หรือจะหาขนมขบเคี้ยวทาน แนะนำให้กินตระกูล ‘ถั่ว’ ทั้งหลาย (กินในปริมาณที่พอเหมาะ)
🎯 4. อย่ามองข้ามเรื่องของ “การนอนหลับ”
ฮั่นแน่! รู้นะว่าหยุดยาวแบบนี้หลายคนนอนดึก!
ตี 1 ตี 2 ไม่หลับไม่นอนเหมือนแอดเป๊ะเลยจ้า 😂
แต่ถ้าจะเราจะกลับมาทำงานให้มีประสิทธิภาพจริง ๆ อยากชวนทุกคนปรับเปลี่ยนทีละนิดกัน มีเรื่องที่น่าสนใจของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) และ Rand Europe ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับพนักงานมากกว่า 21,000 คนในสหราชอาณาจักร ปรากฏว่า คนที่นอน 6 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า จะลดประสิทธิภาพลงทันที ซึ่งจะต่างกับคนที่นอน 7-8 ชั่วโมงอย่างมาก (เน้นย้ำว่ามาก!) แล้วเราจะสามารถนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง ให้ได้ต่อวันยังไงกัน ซึ่งจะขอแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค
4.1 ปรับเวลาชีวิตตัวเองใหม่อีกครั้ง
ตามหลักการแล้ว ควรอยู่ระหว่างเวลา 20:00 - 22:30 น. (CEO ระดับโลกก็มักจะนอนในช่วงเวลานี้) เพราะร่างกายจะฟื้นฟูประสิทธิภาพได้ดีกว่าในช่วงเวลานี้ ลองสังเกตตัวเองว่าตอนเรานอนหลังเที่ยงคืนบ่อย ๆ ร่างกายเราทุกเช้าสภาพจะเหมือนซอมบี้ตลอดเวลา แต่ถ้าหากใครติดดูซีรีส์ หรือ TikTok พยายามลดการใช้เวลาตรงนั้นลง อาจจะไม่ต้องหักดิบเลิกเด็ดขาด แต่ขอให้ลดลงมาได้ 10-15 นาทีต่อสัปดาห์ ก็นับว่าเพื่อน ๆ ทำได้ดีมาก ๆ แล้ว
4.2 ถ้าทำข้อบนยังไม่ได้ ข้อนี้คือตัวช่วย!
มีหลายบริษัทให้ความใส่ใจในการ Nap หรือนอนหลับระยะสั้น ตั้งแต่ 15-30 นาที ซึ่งจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้จริงหลังจากตื่นขึ้นมาจากการหลับระยะสั้น แต่ด้วยเงื่อนไขข้อนี้ คือเราในฐานะพนักงานต้องโฟกัสกับการทำงานให้ได้จริงก่อน ยกตัวอย่างเช่น คุณต้ามาทำงานที่ออฟฟิศตอน 8 โมงเช้าแล้วง่วงมาก แต่มีแพลนแล้วว่าจะหลับระยะสั้นช่วงบ่าย ดังนั้นตั้งแต่ 8:00 - 12:00 น. คือเวลาโฟกัสงาน 4 ชั่วโมงแรกที่สำคัญที่สุด หลังจากนั้นค่อยไปเบรกทานข้าว และหลับสั้น ๆ ต่อ เพื่อกลับมาโฟกัสในครึ่งหลังการทำงานต่อได้ เป็นต้น
🎯 และอย่างสุดท้ายคือ….
อย่าพึ่งหยุดอ่าน ‘ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่เริ่มทำ’
เทคนิคนี้ที่ดี ก็ไม่ดีเท่า ‘เพื่อน ๆ ได้นำไปปรับใช้’ อ่านกันแล้ว ต้องแน่วแน่ทำตามกันด้วย
แอดก็จะเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มาพยายามด้วยกันน๊า สู้ววว 🥰 👍
แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
ที่มา
- A Comprehensive Guide on Productivity at Work for 2024
- 121 Best Healthy Snack Ideas That Are Easy & Delicious In 2023 For Every Type of Snacker
- How the World’s Top CEOs Stay Productive All Week Long