3 วิธีแก้ปัญหาธุรกิจเพื่อนำไปสู่ “โอกาส” โดยคุณศุภจี จากงาน Prachachat Exclusive Forum

Last updated on มิ.ย. 25, 2025

Posted on มิ.ย. 25, 2025

หนึ่งในปีที่ยากที่สุด ปัญหาเยอะที่สุด ปีหนึ่งของโลก
แต่ความน่าสนใจคือปัญหาที่ซุกซ่อนเหล่านั้น “กลับมีโอกาสซ่อนอยู่”

ในหัวข้อ ปัญหาที่นำไปสู่ “โอกาส” โดย คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี ผู้บริหารหญิงแกร่ง ได้ชื่อว่าเป็น "นักแก้ปัญหา" ผ่านมาแล้วทุกวิกฤต โดดเด่นด้านการบริหารธุรกิจและบริหารคน ทั้งระดับประเทศและระดับโลก ตั้งแต่เป็นผู้บริหารสูงสุดของไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) และก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารบริษัทแม่ที่อเมริกา กระทั่งมาเป็น CEO ไทยคม พาบริษัทก้าวข้ามวิกฤตครั้งสำคัญ และ 9 ปีกับ "ดุสิตธานี" และสร้างโอกาสใหม่จากวิกฤต


3 วิธีแก้ปัญหาธุรกิจเพื่อนำไปสู่ “โอกาส”

1. มองปัญหาที่นำไปสู่โอกาส

  • มองให้เป็น = มองให้เห็นปัญหา มองว่าปัญหาคือข้อมูล คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้
  • เห็นด้วยใจ = เราต้องแก้ปัญหาร่วมกับคนหมู่มาก (ผู้นำต้องทำงานกับคน) การมองเห็นและคำนึงถึงสถานการณ์สำคัญมากคือการใช้ความเข้าใจ ความเมตตา และการเปิดใจ

1.1 ปัญหานำสู่โอกาสได้

  • ปัญหานั้น - บอกบางสิ่งที่เรายังไม่รู้
  • ปัญหานั้น - เปิดช่องให้เราคิดใหม่ ทำใหม่
  • ปัญหานั้น - สร้างโอกาสในการเติบโตและเปลี่ยนแปลง

1.2 ปัญหา 3 กองในชีวิตเรา

  • แก้ได้ → การแก้ปัญหาประเภทนี้คือแก้ได้แก้เลย อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
  • แก้ไม่ได้ → ปัญหาที่เกิดจากอดีต หรือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เราควรปรับตัวเอง ปรับกระบวนยุทธ์ ปรับใจ
  • ไม่ควรแก้ → ปัญหาบางอย่างไม่ต้องแก้ก็ได้ เพราะมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาที่เป็นเรื่องของเรา แล้วเราก็ไปเสียพลังงานกับการไปแก้ปัญหาคนอื่น

ไม่ใช่ทุกปัญหาที่ต้องแก้ บางปัญหาต้องเข้าใจ บางปัญหาต้องปล่อยวาง จำไว้ว่าปัญหาต้องแก้ด้วยวิธีคิด ถ้าแก้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนวิธีเดิน


2. วิธีแก้ปัญหาในมุมมองของคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์

2.1. Purpose เราทำอะไร เราทำเพื่อใคร

  • คีย์สำคัญคือทุกคนในองค์กรต้องรู้สิ่งนี้ ต้องเข้าใจเป้าหมายขององค์กร
  • ถ้าเป้าไม่ชัดไปต่อยากมาก จุดเริ่มต้นที่ดี คือการทำให้ทีม และเป้าหมายชัดเจน และต้องรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร
  • การมีขั้นตอนที่ชัดเจน และความยืดหยุ่น ในการทำให้คนทำงานตัดสินใจได้ มีส่วนร่วมในองค์กรสำคัญมาก นั่นคือการสร้างวัฒนธรรมในองค์กร
  • ทำดีต้องมีคนเห็น ทำไม่ดีต้องมีคนเห็นสำคัญมาก ไม่ใช่ว่าทำไม่ดีแล้วเงียบ หรือทำดีแล้วเงียบ

2.2 รู้ใน รู้นอก รู้จังหวะ (รุก-รับ-ปรับ-ถอย)

  • รู้ใน+รู้นอก สำคัญ การที่เราจะแก้ปัญหาหรือกลยุทธ์ที่ลงมือทำ เราต้องรู้จากข้างในก่อนเสมอ ว่าเรามีข้อดีอะไร ข้อด้อยอะไร เราทำอะไรได้ และทำอะไรไม่ได้ รวมไปถึงเมื่อรู้ในแล้ว ต้องรู้นอกให้เป็น ว่าข้างนอกเป็นอย่างไร
  • รู้จังหวะ รู้ว่าเราจะรุก เราจะรับ เราจะปรับ เราถอยอย่างไร จังหวะถึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องผ่อนได้ ต้องรุกเป็น

3. วิธีดูแลใจตัวเอง มีทั้งหมด 3 เรื่องใหญ่ ๆ

3.1 ยึดมั่นในคุณค่า ไม่ยึดติดกับคำพูดของคน

คุณค่าของเราคืออะไร อย่าไปฟังเสียงรอบข้างแล้วลดคุณค่าตัวเอง

3.2 ฝึกการแยกแยะ ระหว่างข้อเท็จจริง กับเสียงรบกวน

ยุคนี้โซเชียลมี เราตอบรับเปิดใจได้ ในการแก้ปัญหา แต่เราต้องไม่จมกับเสียงรบกวน

3.3 เข้าใจในเหตุและปัจจัย ไม่ยึดติดผลลัพธ์

ปัจจัยภายนอกมีทั้งสิ่งที่แก้ได้, แก้ไม่ได้, และไม่ต้องแก้ ดังนั้นเราต้องเข้าใจเหตุและปัจจัยต่อสถานการณ์ พยายามมองปัญหาให้เป็นโอกาสในการพัฒนา


เคล็ดไม่ลับในแก้ปัญหาเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จของคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์

การสร้างความเชื่อมั่นของทีมในการแก้ปัญหา Quick Win สำคัญ เพราะทีมจะมั่นใจกับความสำเร็จเล็ก ๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายใหญ่ ๆ

เราต้องมี Model อย่างตัวอย่างของคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ คือโมเดล ‘TAM’

  • Think Big - มองให้กว้าง มองให้ยาว รู้กว้างว่าอุตสาหกรรมใกล้เคียงมีอะไรบ้าง ต้องคิดใหญ่และมองไปถึงนอกประเทศ

  • Act Small - คิดใหญ่ได้ แต่ทำให้เล็ก และซอยเป้าหมายให้คนทำงานทำต่อได้ ให้เขาเดินได้อย่างมั่นคง ไม่ใช่เดินแล้วเหนื่อยไปไม่ถึง รวมไปถึงทำตัวเล็ก ๆ เพื่อให้เรามีพันธมิตร หาคนมาช่วยให้เราเดินไปข้างหน้าได้

  • Move Right - เดินไปในทิศที่ควรจะเป็น หมั่นเช็กกลยุทธ์เสมอว่าถูกต้องเหมาะสมไหม และขยับเดินไปข้างหน้าอย่างถูกต้องตามจังหวะ

หลักเศษส่วน ปัญหาต้องแก้ทีละเปลาะ เวลาเจอปัญหาใหญ่ เราต้องรวมทั้ง ‘เศษ’ และ ‘ส่วน’ เข้าไว้ด้วยกัน พยายามแก้ไปทีละเปลาะ ไม่จำเป็นต้องแก้ทีเดียวทุกอย่าง และสุดท้ายจะนำไปสู่การ Focus เพราะทุกคนในทีม ในองค์กรต้องรู้ว่าเรากำลัง Focus อะไร ทำอะไรก่อน-หลัง เสมอ ย้ำ! ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา

วันนี้ลูกค้าเปลี่ยนไป พฤติกรรมเปลี่ยนไป สิ่งสำคัญที่ คุณศุภจี เน้นย้ำ! คือเราต้องกล้าเปลี่ยน กล้าปรับกลยุทธ์ กล้าปล่อยสิ่งเดิม แม้ธุรกิจเราจะมีอยู่มานานอย่าง Dusit ที่มาสร้างสิ่งใหม่อย่าง Dusit Central Park ที่เดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว ในวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่าเป็นผู้นำไม่กล้าเติมสิ่งใหม่ และไม่กล้าปล่อยสิ่งเดิม

วิกฤต COVID19 ที่ผ่านมา คุณศุภจีใช้โอกาสในการเป็นผู้นำที่เริ่มทำให้คนในองค์กรเห็น การเปลี่ยนแปลงเริ่มจาก “การทำให้ดู” ไม่ใช่ “แค่สั่งให้ทำ” ผู้นำที่นำเป็น และทำให้ดูมีความสำคัญในการนำช่วงวิกฤตมาก

ในทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ มองให้เห็นโอกาส และมองให้เห็นด้วยใจ รวมไปถึงตั้งต้นด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนสำคัญมาก


เมื่อใจเปลี่ยน มุมมองก็จะเปลี่ยน และโอกาสก็จะปรากฎกับทุกคน


เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ

trending trending sports recipe

Share on

Tags