จากคำถามในวัยเด็ก สู่คำตอบที่เปลี่ยนชีวิต กับพี่ซุป - ซูเปอร์จิ๋ว

"โตขึ้นอยากเป็นอะไร?" อาจไม่สำคัญเท่ากับ “เรามีโอกาสเป็นอะไรได้บ้าง" ผู้ใหญ่ไม่ใช่แค่ถามคำถาม แต่ต้องสร้างเส้นทางให้เด็กได้เดิน บทความนี้จะนำทุกคนไปลงลึกถึงวิธีคิด ผ่านการเล่าเรื่องของ พี่ซุป แห่งซูเปอร์จิ๋ว

Last updated on มี.ค. 22, 2025

Posted on มี.ค. 4, 2025

ถ้าหากถามว่า ‘SuperJeew’ คืออะไร เราคือกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่ขออาสาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ พลังเล็ก ๆ ของเราคือการทำงานอยู่กับอนาคต

บทความเล่มนี้ จาก CREATIVE TALK จะขอนำทุกคนไปลงลึกถึงวิธีคิด และเรื่องราวที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับทุกท่านที่ได้อ่าน ผ่านการเล่าเรื่องของ คุณวิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ กรรมการบริหาร บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด, พิธีกรรายการ Super 10 และ Super 100 หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม “พี่ซุป Superjeew” รายการในความทรงจำวัยเด็ก ที่ฟูมฟักความหวังในวันนั้น ต่อยอดมาสู่พลังที่ยิ่งใหญ่ โดยมีเป้าหมายอันใหญ่ยิ่งอย่างการเปิดเส้นทางสู่อนาคตให้กับเด็ก เพราะ “เด็กคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด และเป็นสิ่งที่สำคัญในประเทศ”


คำถามที่เรามักได้ยินจากคุณครูถามพวกเราในวัยเด็กว่า “โตขึ้น “เรา” อยากเป็นอะไร ?

“พี่ไม่มีความฝัน และพี่ไม่รู้ว่าพี่อยากเป็นอะไร”

พี่ซุปเล่าให้เราฟังว่า พี่ไม่รู้ความฝันของตัวเอง ว่าอยากจะทำอะไร อยากเป็นอาชีพอะไร จนกระทั่งสอบเข้ามหาลัยก็ตาม พี่เป็นเด็กที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราโตขึ้นอยากเป็นอะไร ตอน ป.5 ครูถามว่าอยากเป็นอะไร เพื่อน ๆ ในห้องก็อยากเป็น หมอ, พยาบาล, ตำรวจ ซึ่งตัวเราก็ไม่ได้อยากตอบเหมือนเพื่อนคนอื่น เพราะเราก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น และที่สำคัญไม่อยากตอบซ้ำ

พอถึงคิวพี่ซุปต้องตอบ ก็ตอบว่าโตขึ้น
“อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่เหยียบดวงอาทิตย์คนแรกแล้วไม่ตาย”

ครูบอกว่า ‘บ้า!นั่งลง’ เรื่องในวันนั้นพอมานั่งย้อนในวันนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องตลก แต่ถ้ากลับมานั่งนึกย้อนในวันนี้การตอบในครั้งนั้นก็ไม่ได้แย่นะ พี่ซุปบอกกับเราว่า เพราะคนอื่นเหยียบดวงจันทร์ แต่พี่เหยียบดวงอาทิตย์ แล้วคิดต่อด้วยว่าเหยียบแล้วต้องไม่ตายนะ นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ตอบส่ง ๆ แต่เรามี Solution คิดหาวิธีแก้ปัญหาให้กับตัวเองได้

อีกมุมนึงที่น่าสนใจเรื่องของ โตขึ้นเราอยากเป็นอะไร คือเรื่องของเพื่อนพี่ซุป ที่มีนามว่า ‘คุณประสิทธิ์’ ซึ่งเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ในวันที่เรายังเด็ก เมื่อถึงคิวประสิทธิ์ที่ต้องตอบว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร แต่ประสิทธิ์ยังไม่ทันจะตอบเลย เพื่อน ๆ ทุกคนในห้องเชียร์ตะโกนว่า ‘เป็นหมอ’ แม้กระทั่งคุณครูก็บอกว่าประสิทธิ์เป็นหมอได้นะ และในที่สุดเพื่อนประสิทธิ์คนนี้ก็เป็นหมอจริง!


คุณผู้อ่านคิดว่า ‘คุณประสิทธิ์’ เพื่อนของพี่ซุป เขาอยากเป็นหมอจริงหรือไม่!

จนกระทั่งวันหนึ่งพี่ซุปได้ไปเจอเพื่อนประสิทธิ์ในวัยที่เราอายุใกล้ ๆ 30 กัน พี่ซุปเห็นประสิทธิ์ที่สยามก็รีบวิ่งเข้าไปคุยกับเพื่อนเลย ด้วยเจตนารมณ์อันแรงกล้าในครั้งนั้นที่คิดถึงเพื่อนมาก และมีคำถามที่อยากจะถามด้วยเช่นกันว่า “ประสิทธิ์ถ้าย้อนเวลาได้ ประสิทธิ์จะเรียนอะไรถ้าไม่ใช่หมอ ?”

ประสิทธิ์นึกย้อนแปปนึง แล้วก็ตอบได้ทันทีว่า
“อยากทำอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์”

ในวันนี้ เพื่อนประสิทธิ์เป็นหมอที่ดีนะ เป็นหมอที่ประสบความสำเร็จมากด้วย แต่ประเด็นคือมันไม่ใช่คำถามที่ว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” แต่มันเป็นคำถามที่ควรจะต้องถามผู้ใหญ่ในวันนั้นว่าทำอย่างไรให้เด็กรู้ว่า “เขามีโอกาสที่จะเป็นอะไรได้บ้าง”

เพราะผู้ใหญ่มักจะเลือกถาม เวลาถามเด็กไปแต่กลับไม่ถามตัวเองว่าเขาเปิดทางให้เด็กมากน้อยแค่ไหน เปิดเวที, เปิดพื้นที่, เปิดถนนเส้นทางให้เด็กเดินไปสู่อนาคตได้กี่รูปแบบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน Inspiration ให้กับ Superjeew ที่ปีนี้ขึ้นมาเป็นปีที่ 35 แล้ว ซึ่งหนึ่งในคำถามที่เราอยากให้เกิดขึ้นจริงคือ “เราจะเป็นเวที เป็นพื้นที่ให้ เด็กได้ค้นหาตัวเอง” เพื่อให้เด็กไม่ได้แค่โชว์ความสามารถ แต่เด็กได้เห็นเพื่อน ๆ แล้วถามตัวเองว่าเขามีศักยภาพอะไรซ่อนอยู่ในตัวเองนะ แล้วมันพอจะพาเขาไปสู่อะไรได้บ้าง

ดังนั้นคำถามของเรื่องนี้ที่นอกเหนือจากถามเด็กว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” สิ่งสำคัญของผู้ใหญ่คือ คุณต้องทำเส้นทางให้เด็กด้วย ว่าทางสู่อนาคตมันมีกี่เส้น แล้วพาเด็กไปเรียนรู้จริง ๆ เพื่อให้เข้าใจ เขาจะได้ชัดเจนกับตัวเองได้ว่า “อนาคตเขาอยากเป็นอะไร และเขาจะเพิ่มศักยภาพตามฝันนั้นได้อย่างไร”


นิสัยหนึ่งอย่างที่น่าสนใจของพี่ซุปคือ ถ้าเราไม่ได้มีความเชื่อต่อสิ่งนั้น! เราจะไม่สามารถพูดออกมาได้

ระหว่างการสัมภาษณ์อยู่นั้น พี่ซุปก็นึกย้อนกลับไป ในวันที่พี่ซุปทำงานวันแรก ๆ ซึ่งช่วงเวลานั้นเราเรียนหนังสืออยู่ด้วย และเริ่มต้นเข้าสู่อาชีพด้วยการเป็น Creative + พิธีกร โดยได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสอย่าง ‘พี่แอ้ กรรณิกา ธรรมเกษร’ มาเป็นพิธีกร ซึ่งในวันนั้นพี่แอ้ถามพี่ซุปว่า “ซุปรักเด็กไหม ?”

คำถามนั้นนำมาสู่การคิดในใจ เสมือนการทดเลขอยู่ว่า จริง ๆ แล้วเรารักเด็กไหม พี่ซุปมั่นใจว่าเราไม่ได้รักเด็กมากขนาดนั้น เราเชื่อว่ามีคนที่รักเด็กมากกว่าเรา นิสัยหนึ่งของพี่ซุป คือถ้าเราไม่ได้มีความเชื่อต่อสิ่งนั้น! เราจะไม่สามารถพูดออกมาได้ จากคำตอบที่พี่แอ้ถามนั้น พี่ซุปได้ให้คำตอบที่รู้สึกจากใจว่า ‘ผมชอบเล่นกับเด็กครับ’ วินาทีนั้นมันเร็วกว่าคำอธิบายในบทความนี้ด้วยซ้ำ แต่นั่นคือความรู้สึกที่จริงใจต่อคำพูดของเรา

เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง เราได้เรียนรู้กระบวนการต่าง ๆ เราได้ทำงานกับเด็กมากขึ้น ใกล้ชิดมากขึ้น มันจึงเกิดความคิดว่า ‘เรากำลังทำงานอยู่กับอนาคต’ ซึ่งไม่รู้ด้วยว่าเด็กที่เราเจอ เขาจะโตขึ้นมาเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันเลยทำให้พี่ซุปเห็นถึง “Value ของการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น” โดยมีจุดเริ่มมาจากความผูกพันกับเด็ก และความตั้งใจในการทำงานอย่างมาก จนเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ศรัทธาอันแรงกล้า’


การมี Passion เป็นสิ่งที่ดีนะ แต่ในวันที่หมดไฟมันจางหายได้ แต่การมี ‘ศรัทธา’ แม้ในวันที่หมดใจ แต่ศรัทธาไม่เคยหมดตาม!

พี่ซุปมักพูดอยู่เสมอว่า พี่ทำงานโดยเชื่อใน ‘ศรัทธา’ ในวันนี้มันเป็นมากกว่างานไปแล้ว แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต! เราอาจจะไม่ใช่นักธุรกิจขนาดนั้น แม้เราจะทำธุรกิจก็ตาม ความหมายคือ เรามีศรัทธาและหลงใหลในงานที่ทำมาก เวลาทำงาน เราจะภูมิใจตัวเอง ในทางกลับกันถ้าเราอยากจะทำสิ่งเหล่านี้ได้นาน ๆ นั่นหมายความว่าสิ่งนี้ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเขาเอง หรือต้องไม่ขาดทุน และยังต้องหล่อเลี้ยงไปให้ได้เรื่อย ๆ แค่ไม่ได้แสวงหากำไรสูงสุด

มันมีหลายเรื่องที่ถ้าเราทำ เราได้กำไรมากก็มี แต่พี่ซุปเลือกที่จะไม่ทำ เพราะเราเชื่อว่าทุกเรื่องที่ทำต้องสร้าง Value และไม่ขัดกับศรัทธาอันแรงกล้านี้ เพราะจุดเริ่มของพี่ซุปไม่ได้มากจาก Passion แต่เกิดจากการลองทำทุกเรื่องที่เรามีศักยภาพพอที่จะทำได้ จนนำไปมาสู่การเห็น “Value ในสิ่งที่ทำ”

ซึ่งสิ่งนี้แหละมันเลยเกิดเป็นศรัทธาในการไปต่ออย่างไม่หยุดยั้ง มันมีความเข้มข้นมากกว่า Passion มันมีความยากและท้าทายเต็มไปหมด แต่บอกไว้เลยว่า ไฟอันแรงกล้าที่ปะทุนี้ใน จะไม่มีวันดับลง!

ดังนั้นมันจะเป็นบทบาทที่ทุกคนได้เห็นผ่านรายการมากมาย หน้าที่ของพี่ซุปคือจะทำอย่างไรให้คนทุกคนเชื่อว่า “เด็กคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด เด็กคือสิ่งที่สำคัญในประเทศ” จึงก่อกำเนิดเป็นรายการให้เด็กได้ค้นหาตัวเอง อย่างที่ทุกคนคุ้นเคยกันตั้งแต่ Superjeew ในวัยเด็กของใครหลายคน มาจนถึง Super 10 ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี


เคล็ดไม่ลับที่พี่ซุปให้ข้อคิดไว้สำหรับคนที่หมดกำลังใจ

ในวันที่ใครที่หมดไฟ ในวันที่ทุกคนหมดกำลังใจ สิ่งสำคัญคืออยากให้คิด Worst Case Scenario ไว้เสมอทั้งในการทำธุรกิจ และการทำงาน เคล็ดไม่ลับที่พี่ซุปไม่เคยท้อแท้และมีหวังเสมอ คือการคิดถึงเหตุการณ์ที่ยากและท้าทายตลอดเวลา

เช่น ทำไมการสนับสนุนถึงน้อยจัง, ทำไมเรื่องการศึกษาจึงมักจะมาเป็นตัวเลือกท้าย ๆ อยู่เสมอ หรือทำไมการศึกษาไทยของเราเป็นแบบนี้ เป็นต้น พี่ซุปบอกเสมอว่า เรากำลังทำเรื่องยากมาก ๆ มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่เพราะเราคิดไว้แต่แรกแล้วว่ามันไม่ง่าย เราจึงไม่เซอร์ไพรส์ต่อสิ่งเหล่านี้ และมุ่งหน้าทำตามความเชื่อของเราต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด!


งานที่ดีไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือความภาคภูมิใจ ทั้งต่อตัวเอง, ครอบครัว และคุณค่าที่เราสร้างขึ้นร่วมกัน

หลายคนเห็น Superjeew ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เบื้องหลังการทำงานของทีมนี้เป็นอย่างไร พี่ซุปบอกกับเราว่า รู้ไหมข้อดีของการที่เรา หรือ Superjeew อยู่มานานคืออะไร คือเราแทบไม่ต้องอธิบายว่าเราคือใคร เพราะคนทำงานที่จะมาทำกับเรา เขารู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมาเจออะไร หรืองานเป็นลักษณะแบบไหน คล้าย ๆ กับว่างานที่ทำมันคัดคนที่มีความเชื่อใกล้เคียงกัน มาทำงานด้วยกัน

พี่ซุปเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 Unit ใหญ่ ๆ

  1. Superjeew บริษัทที่มุ่งเน้นผลิตคอนเทนต์ ผ่านทีวี ผ่านโซเชียลมีเดียที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ซึ่งพี่ซุปเรียกตรงนี้ว่า ‘ความฝันของเรา’ เราทำความฝันของเราให้เป็นความจริง ผ่านความเชื่อของเราในรูปแบบต่าง ๆ

  2. Superjeew Events เป็น Full Service Events Agency ซึ่งเราก็ทำงานที่เกี่ยวกับเด็ก และไม่เกี่ยวกับเด็ก โดยมีพอร์ตผู้ใหญ่มากถึง 80% โดยจุดมุ่งหมายการทำสิ่งนี้ไม่ใช่แค่เพียงตัวเลข แต่มันยังนำไปสู่การทำตามความฝันให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 Unit นี้ก็จะช่วยประคับประคองให้ธุรกิจยังอยู่ได้ดี

พี่ซุปมีความเชื่อว่า! คนทำงานในทีมพี่ทุกคน มีความภาคภูมิใจในผลงานที่ออกมา เพราะงานที่ทำมันเป็นมากกว่าการประกอบอาชีพ แต่งานที่ทำมันมีคุณค่ากับตัวเอง ครอบครัวของพนักงานก็ภูมิใจ ที่ลูกของเขาได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่า และที่สำคัญพื้นที่ตรงนี้เป็นมากกว่าการทำงาน มันคือการเติมจิตวิญญาณแห่งความสุข ความปีติให้กับทีมงานทุกคน ซึ่งในท้ายที่สุดคนทำงานจะภูมิใจในคุณค่าที่ได้ทำมันในทุก ๆ วัน

อีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ คือการมีทีมที่ดี จะเป็นพลังในการสื่อสารที่ดีให้กับองค์กร เพราะคนที่ขับเคลื่อนองค์กรที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่ CEO หรือผู้นำเท่านั้น แต่คนทำงาน และน้อง ๆ ทุกคนที่อยู่ในองค์กร ทุกคนคือคีย์สำคัญในการทำให้องค์กรเติบโต และขับเคลื่อนมันได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจน และใช้การสื่อสารผ่านหัวหน้าในแต่ละทีม เพื่อให้ถ่ายทอดความเชื่อ, วิธีการทำงาน รวมถึงนโยบายต่าง ๆ


การทำงานมันคือชีวิต ทุกวันของเราคือ “การฝึกฝน” เพื่อรอวันที่เรา “ค้นพบตัวเอง”

บทความเล่มนี้ อยากขอพาทุกคนมาปิดท้ายด้วยประโยคที่น่าสนใจ ที่เกิดขึ้นระหว่างบทสนทนากับพี่ซุปไว้ว่า เรามักจะได้ยินคำพูดนึงบ่อย ๆ ว่า “ถ้าไม่สามารถทำงานที่รัก ก็ขอให้รักในงานที่ทำ” บางครั้งการฟังอะไรแบบนี้มันเข้าใจง่ายดีนะ แต่มันไม่ได้หมายถึงจะทำกันได้ทุกคน

ดังนั้นวิธีการจริง ๆ มันเป็นเรื่องของ “การมองโลก และให้โอกาสตัวเองมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ” ลองให้เวลาในสิ่งที่ตัวเองทำ ลองให้ใจในสิ่งที่ตัวเองทำก่อน แล้วเราลองดูสิว่า ถ้าผ่านช่วงเวลานึงแล้ว ความรู้สึกนี้ไม่เพิ่มขึ้น มันก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราตามหาอยู่ ดังนั้นถ้าในชีวิตมีเส้นทางที่เลือกได้ ลองพยายามให้โอกาสตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ค้นหาตัวเองได้มากขึ้น

ทุกวันนี้แม้เราจะเห็นพี่ซุปมีความสุขกับงานเหลือเกิน แต่ในบางครั้งพี่ซุปก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่รักตลอดเวลา

  • เรายังต้องเจองานที่ท้าทายแม้จะไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ต้องทำ
  • ต้องเข้าประชุมถกเถียงงานกัน
  • งานดีไซน์ปรับแก้ไม่รู้จบ
  • กล้องถ่ายทำมีปัญหา ต้องถ่ายซ้ำใหม่
  • หรือแม้กระทั่งเรื่องงานขายที่ปราบเซียนซะเหลือเกิน

แม้เราจะไม่ชอบ แต่ก็ต้องทำ เพราะมันคือ ‘ชีวิต’


คำว่า ‘ชีวิต’ คือเราไม่ได้สามารถเลือกจะมีความสุขได้ตลอดเวลา

ในคอนเทนต์ 1 ตอนของรายการ Super 10 มันมีความยากซ่อนอยู่ มันมีหยาดเหงื่อ, น้ำตา เพื่อให้ได้สิ่งนี้มา แต่เราก็ไม่ได้นำเสนอถ่ายทอดตรงนั้น แต่ Learning ในวันนั้นมันคืออุปสรรคหนึ่งของชีวิต ที่เราต้องแก้ปัญหาแล้วเรียนรู้กับมันตลอดชีวิต มันคือส่วนหนึ่งของงาน

ต่อให้เราบอกรักงานที่ทำ มันก็ไม่ได้หมายถึงจะรักทุกวัน เพราะทุกวันในการทำงานที่รัก ก็จะมีอุปสรรคให้เราเจออยู่ทุกวัน

ในขณะเดียวกันถ้าเราไม่ได้รักงานที่เราทำ ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า นี่คือชีวิต ตราบเท่าที่เรายังไม่เจออีกเส้นทางที่รักมากกว่า เราต้องโฟกัสและทำสิ่งที่อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วหาคุณค่าให้เจอ และที่สำคัญต้องให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ เพราะนี่คือก็ความสำเร็จอีกรูปแบบหนึ่งในชีวิตเรา


สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ยังไม่เจอเป้าหมายชีวิต หรือสิ่งที่อยากทำ พี่ซุปแนะนำว่า อย่าพึ่งท้อกับสิ่งที่ยังไม่เจอนะ เพราะถ้าลองมองย้อนกลับมาคิดดูดี ๆ สิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบันนี่แหละ คือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด มีคุณค่าที่สุด

แม้วันนี้ เราจะลังเล ว่าสิ่งที่ทำอยู่ “ใช่สิ่งที่เรารักหรือไม่” สิ่งสำคัญคือ อยากให้ทุกคน ทำมันอย่างสุดความสามารถ

ทุกวันของเราคือ “การฝึกฝน”
เพื่อรอวันที่เรา “ค้นพบตัวเอง”

แล้วเราจะพบว่า ทุกสิ่ง ไม่สูญเปล่า คนเราเกิดมาเพื่อมีคุณค่า และความหมายในตัวเอง ทำมันให้ดีที่สุด แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ได้ชอบมากก็ตาม แต่ต้องทำให้สุดหัวใจ เพราะผลของการทำมันจะงอกงาม และทำให้เราภูมิใจกับตัวเอง


ปิดท้ายนี้เราขออนุญาตฝากถึงงานสำคัญงานหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Alpha Skills Summit 2025 งานเตรียมพร้อมลูกสู่อนาคตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

สิ่งที่สำคัญที่สุดของ Alpha Skills Summit 2025 เราอยากทำให้สปอร์ตไลท์ส่องมาที่เด็ก เพราะเด็กคือคนสำคัญ และผู้ใหญ่อย่างพวกเราต้องช่วยกันเตรียมเส้นทางให้กับเด็ก ๆ ไปสู่อนาคตตามศักยภาพที่แต่ละคนมี เราอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ จึงเป็นที่มาในการจัดงานร่วมกันของ THE STANDARD และ ซูเปอร์จิ๋ว เพื่อช่วยพ่อแม่ยุคใหม่เตรียมลูกให้พร้อมสำหรับอนาคต ด้วยวิธีการที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง

ความน่าสนใจของงาน นอกเหนือจาก Main Stage แล้ว ยังมี ห้อง Workshop ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ให้เด็ก ๆ และครอบครัวได้ลงมือทำจริง และเรียนรู้ทักษะด้านต่าง ๆ ไปด้วยกัน ทั้งการอ่านนิทาน ทักษะด้านการเงิน ทักษะด้านดิจิทัล และทักษะในการเอาชีวิตรอดจากเหตุฉุกเฉิน

และต่อให้บัตรจะเต็ม หรือใครที่ไม่มีบัตร ก็อยากเชิญทุกคนมางานนี้ เพราะภายในงานมีพื้นที่ที่เข้าร่วมงานได้ฟรี รองรับสำหรับท่านที่ไม่มีบัตรด้วย

  • ทั้ง Mini Stage เวทีที่มีทั้งความรู้และโชว์ที่สนุกสนาน ดูได้เพลิน ๆ ทั้งวัน
  • โซน Exhibition ที่รวมบูธสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ทุกพัฒนาการของเด็ก เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าสนใจ
  • รวมไปถึง Play Space พื้นที่ที่เปิดให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุกอย่างเต็มที่
    ซึ่งมี 4 ส่วนด้วยกัน ทั้งเรื่องของ Creativity, การพัฒนา Physical skill, การใช้นิทานเพื่อพัฒนาเด็ก และพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก

เพราะทุกพื้นที่ในงานนี้ ทีมงานตั้งใจให้เป็นพื้นที่แห่งกิจกรรม และการเรียนรู้ของคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง และเด็ก Gen Alpha ทุกครอบครัวจริง ๆ


สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ALPHA SKILLS SUMMIT 2025 งานเตรียมพร้อมลูกสู่อนาคต
ALPHA SKILLS SUMMIT 2025 - งานเตรียมพร้อมลูกสู่อนาคตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทุกความรู้และเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา Generation Alpha ไว้ในงานเดียว
trending trending sports recipe

Share on

Tags