“ถ้าคุณไม่สามารถเป็น Entrepreneur ในองค์กรได้ คุณไม่มีทางที่จะออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้เลย”
แนวคิดแห่งความสำเร็จของ คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ในฐานะ Entrepreneur ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างมากมาย ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัท การเติบโต ผ่านวิกฤตต่าง ๆ มากมาย จนถึงปัจจุบัน กับสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมี ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือคนทำงาน นั่นคือ “Outward Mindset”
ในงาน Creative Talk Conference 2020 คุณอนุพงษ์ ได้เล่าถึงเส้นทางที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มจากการเป็น Startup ที่เริ่มต้นจากการวาง Personal Goal ก่อนว่าตัวเองอยากทำอะไร และมองเห็นตัวเองเป็นแบบไหนในอนาคต โดยคุณอนุพงษ์ กล่าวว่า เราเองอยากเห็นธุรกิจที่เป็นธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Business) จนนำไปสู่การตั้ง Company Goal หรือ Vision ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Personal Goal ที่สำคัญคือ เราต้องวิเคราะห์ด้วยว่าสามารถทำตามแผนกลยุทธ์นั้นได้จริงหรือไม่ โดยการทำ Profile Test เพื่อวิเคราะห์ว่าจุดที่เราขาดไปคืออะไร แล้วถึงจะนำไปต่อยอดกับกลยุทธ์ได้อย่างไร
ในช่วงเศรษฐกิจโลกที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยคงที่ คิดว่าผู้ประกอบการไทยควรเตรียมตัวหรือปรับตัวอย่างไร?
คุณอนุพงษ์ กล่าวว่า สำหรับ Startup ส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องการเงินและลงทุนน้อยมาก เช่น ระบบบัญชีบริหาร (Management Account) หรือการตั้งระบบต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งอย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะเมื่อบริษัทเริ่มขยายตัวแล้ว การที่จะไปใส่ระบบให้พนักงานจะเป็นเรื่องยากมาก สำหรับบริษัท Startup เอง ทุกคนทำทุกอย่าง แต่เมื่อบริษัทโตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าทุกคนทำทุกอย่างการทำงานจะชนกัน ดังนั้น เราควรจะกำหนดวิธีและกระบวนการทำงานตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อที่จะควบคุมข้อมูลและรักษาเวลาในการสื่อสารได้มาก เพราะถ้าไม่มีระบบการทำงานที่ดี Output ที่ดีก็จะไม่เกิด
ผู้ประกอบการต้องปรับตัว โดยการดูจุดมุ่งหมายองค์กรว่ามันใช่จริงไหม ผู้นำองค์กรต้องคอยจุดไฟให้พนักงาน ผลักดันให้คนในองค์ไปในทางเดียวกัน Leader ต้องมี Passion ไม่งั้นบริษัทก็เดินไปไม่ได้ ต้องคิดว่าอะไรก็แก้ได้ ไม่มีอะไรบนโลกทีคิดไม่ได้ ถึงจะทำให้สามารถไปสู่ Goal ได้ สอนให้ทุกคนเป็นอิสระ แต่ละคนสามารถที่จะเป็นผู้นำตัวเอง รับผิดชอบงานตัวเองได้
สำหรับคนทำงาน จะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานได้?
คุณอนุพงษ์ กล่าวว่า “Outward Mindset” สำคัญมาก เราต้องกลับมามองตัวเอง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เปิดใจรับฟัง ฟังให้เยอะ ๆ ต้องฟังอย่างมีจุดมุ่งหมาย ต้องรู้ว่าเรามีปัญหาอะไร แล้วหาวิธีเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
คนที่ทำงานบริษัทต้องสามารถเป็นเหมือน Entrepreneur ในองค์กรได้ เวลามีสิ่งที่พลาด จะ “ชี้ออก” หรือ “ชี้เข้า” ? ชี้ออก คือ คนนั้นพลาด คนนี้ผิด ในขณะที่ “ชี้เข้า” คือ การมองที่ตัวเองก่อน ดังนั้นต้องรู้จักชี้ตัวเองให้เป็น ถ้าคุณไม่มี Entrepreneurship ในองค์กรที่ทำงานอยู่ คุณก็ไม่สามารถไปเป็น Entrepreneur เองได้ ให้มองย้อนไปที่ Company Goal กับ Personal Goal ถ้าไม่ได้ไปทางเดียวกัน ให้ลาออกแล้วไปหางานใหม่
คุณอนุพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่จะเติบโตในองค์กรได้ คุณต้องรู้จักริเริ่ม กล้าเสี่ยง กล้านำเสนอเป้าหมายให้เจ้านายได้เห็น นำเสนอโปรเจ็กต์ที่ช่วยบริษัทได้ พร้อมที่จะทำลายกำแพงการทำงานแบบเดิม ๆ เพื่อทำให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าได้
อีกทั้งบริษัทที่ดีจะต้องเสริมให้พนักงานมีความรู้ความสามารถ เมื่อทำผิดต้องสอน ไม่ใช่ว่าไล่ออก เพราะฉะนั้นถ้าต้องการเติบโตในองค์กร ต้องกล้าและต้องยอมรับผลของงานได้ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี คนที่จะเป็น Entrepreneur ต้องพร้อมที่จะ Fail และยอมรับกับสิ่งที่ตามมา ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือคุณเรียนรู้จากสิ่งที่ Fail หรือเปล่า เพราะคนที่ Fail คือ คนที่ไม่มี Output จากสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ซึ่ง Output เป็นคุณค่าของคุณ เป็นคุณค่าขององค์กร
ทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่คุณอนุพงษ์ได้เรียนรู้และยึดมั่นมาโดยตลอด ไม่แปลกใจเลยว่า เอพี ไทยแลนด์ จึงประสบความสำเร็จและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีมาได้จนถึงทุกวันนี้ และยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง คุณอนุพงษ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ไม่มีบริษัทไหนเป็น Perfect Company เพราะฉะนั้น ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและมองที่ตัวเองก่อน”
