ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจที่อยู่มานานขนาดไหน มันไม่มีคำว่าช้าเกินไป ที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโต
🍔 👑 Burger King อีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการสร้างเซอร์ไพรส์ มีแคมเปญ Viral มากมายให้ผู้บริโภคได้ตื่นเต้นกับทุกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้แท้จริงแล้วนั้น ไม่ได้ถูกคิดให้เกิด Viral แต่กลับถูกคิดจาก Insight ของผู้บริโภคเป็นตัวตั้ง!
โดย CTC CREATIVE BUSINESS AWARDS 2024 เล็งเห็นถึงความน่าสนใจของแบรนด์ Burger King ที่ได้ถึง 2 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ CREATIVE BUSINESS สาขา Corporate และ CREATIVE VISION ซึ่งการได้มาของรางวัลอันทรงเกียรตินี้ เกิดจากการสร้างสรรค์ผลงานมากมาย อย่าง The Real Cheese burger ที่ถือเป็นไวรัลโดนใจคนทุกกลุ่ม
แน่นอนว่างานที่ประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากการรู้ Insight ของผู้บริโภคอย่างแท้จริงแล้ว อีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับที่ทำให้ Burger King ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง คือการเริ่มต้นจากคนทำงาน หรือการทำ “Team Building” คุณชนินทร์ นาคะรัตนากร, อดีต senior digital marketing manager Burger King ได้เล่าถึงเบื้องหลังที่น่าสนใจถึงแกนสำคัญที่สุดของการสร้างสิ่งใหม่ และเกิดแคมเปญสุดสร้างสรรค์มากมาย
โดยความสำเร็จในการทำงานของคนคือ ‘Work with the best’ ไม่ว่าเราจะทำงานกับ
- Partner ก็ต้องเป็น Best Partner
- Workforce ก็ต้องเป็น Best Workforce
- Leader ก็ต้องเป็น Best Leader
การจะสร้าง The Best ต้องเกิดจากการใส่ใจ ซัพพอร์ตร่วมกัน เพราะหัวใจสำคัญของความสำเร็จคือเรื่องของคน โดยองค์ประกอบสำหรับในการทำ Team Building ของ Burger King นั้นประกอบไปด้วย 5 เรื่องนี้
👑 1. Creativity จะเกิดขึ้นต้องเริ่มจาก Culture ในองค์กร
คำว่า Creative หรือความคิดสร้างสรรค์นั้น Burger King เชื่อว่าเกิดจากจังหวะที่เรามีความสุขกับการทำงาน มองเห็นภาพรอบ ๆ ตัวเราในเชิงบวก และรู้ว่าเชิงบวกเหล่านั้นจะเอามาทำอะไรกับงานของเราได้บ้าง การที่มีทีมที่ดี บวกกับการที่ลงแรง Invest กับคน ให้คนในทีมไปเจอคนอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่ในแผนกตัวเอง หรือไปเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ นอกจากในองค์กร ตัวอย่างเช่น ส่งทีมไปเรียน หรือไปงานสัมมนาต่าง ๆ
ซึ่งบางครั้งมันอาจไม่ได้ผลลัพธ์แรกในวันที่เขาไปเรียน หรือเจอคนใหม่ ๆ ทันที แต่วันใดวันนึงการที่เขาเก็บคลังความรู้ไว้มากพอ ในวันนั้นเขาจะสามารถดึงความสามารถ นำไอเดียที่น่าสนใจกลับมาทำได้ในที่สุด ซึ่งเรื่องพวกนี้มักจะเป็นสิ่งใหม่เสมอ
เพื่อน ๆ ลองจินตนาการดูว่า หากวันนี้ทีมงานของเราทำงานแต่ในออฟฟิศไปวัน ๆ ก็มักจะจมอยู่กับตัวเลข อยู่กับงานเดิม ๆ การอยู่แต่อะไรเดิม ๆ คือปัญหาอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ไม่เกิด Creativity อย่างแน่นอน ดังนั้นการที่คนทำงานของเราออกไปเผชิญโลกภายนอก เขาจะได้สิ่งใหม่ ๆ กลับมาและนำมาใช้งานได้จริงในองค์กร เรื่องนี้ถูกพิสูจน์ไว้มากมายในบริษัทระดับโลก
👑 2. เป้าหมายที่ใช่ ต้องทำให้คนในทีมเห็นภาพ!
การทำ Team Building จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนจะรับคนเข้ามาทำงาน โดยเริ่มจาก Vision สู่ Mission ให้คนในทีมเห็นภาพเดียวกันว่าเราจะไปสู่เป้าหมายใด แต่เชื่อว่าบริษัทใหญ่ หรือแม้กระทั่งบริษัทขนาดกลางเองก็มักจะติดกับดักของคำว่า “ทีม” ในแต่ละบริษัทก็จะแผนกย่อยมากมาย เช่น แผนกการตลาด, แผนก Operation, แผนก R&D เป็นต้น
แต่สำหรับที่ Burger King ทุกทีมจะเห็นภาพเดียวกัน ไม่ใช่แค่ทีมใดทีมหนึ่งเป้าหมาย (Goal) ของการทำงาน เพราะผลสุดท้ายมันไม่ได้ทำเพื่อทีมใดทีมหนึ่ง หรือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่กระทำของทุกทีม ของทุกแผนก จะนำไปสู่เป้าหมายสุดท้ายนั่นคือบริษัท เมื่อเป้าหมายสำเร็จ บริษัทแฮปปี้ ทุกคนในทีมก็จะแฮปปี้เช่นกัน
👑 3. Team Building ต้องทำให้คนทำงานเก่ง!
การทำทีม Team Building ไม่ได้หมายถึงต้องเป็น New Staff (กลุ่มพนักงานใหม่) เท่านั้น แต่กลุ่ม New existing Staff (กลุ่มพนักงานเดิม) ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะทุกบริษัทมีทั้งคนใหม่ และคนเก่า ซึ่งบางคนก็จะคิดว่าคนเก่าเขาทำงานได้ ก็ปล่อยเขาได้ เน้นไปโฟกัสคนใหม่ ซึ่งวิธีคิดนี้ผิด! แต่กลับกันเราต้องทำให้ทุกคนในองค์กรเก่ง มีศักยภาพมากพอในการทำงาน
อีกส่วนที่ Burger King ให้ความสำคัญมาก ๆ คือ “ไม่กลัวคนจะออก” การลงทุนกับคนนั้นแน่นอนว่าหลายบริษัทก็จะกลัวว่าถ้าวันนึงเขาลาออกไปจะทำอย่างไร แต่ในมุมมอง Burger King ไม่ได้สนใจเขาลาออกหรือเปล่า แต่กลับกันเมื่อเราได้คนที่เก่งขึ้น มันคือ Benefit ที่มหาศาลกับแบรนด์ โดยไม่ต้องไปนั่งเฟ้นหาคนใหม่ หรือลุ้นว่าจะฟิตกับองค์กรไหม เพราะหนึ่งในปัญหาสำคัญของการทำงาน คือการหาคนที่แมท ที่ใช่กับองค์กรนั่นเอง
👑 4. ทำงานอย่างเข้าใจผู้อื่น
การทำงานโดยส่วนใหญ่เรามักจะทำได้ดีในงานที่เราถนัด แต่กลับกันคนทำงานส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคนในทีมทำอะไรกัน หรือคนต่างแผนกเขาทำอะไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ Burger King ให้ความสำคัญกับความเข้าใจและมีส่วนร่วมในงานของคนอื่น แต่ไม่ได้หมายถึงต้องรับผิดชอบแทนในงานคนอื่น หรือเก่งในด้านนั้น
คีย์สำคัญคือการรู้ว่าคนอื่นทำงานอย่างไร แล้วงานที่ทำอยู่นั้นสร้างผลกระทบอะไรต่อไป เพราะถ้าเรารู้สิ่งนี้มันจะส่งผลกับแบรนด์ในทางที่ดีทันที ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ แต่ก็ต้องรองานจาก Creative ซึ่งจะดีกว่าไหม ถ้าเราสื่อสาร เข้าใจกันรู้ว่า Creative มีงานลักษณะนี้ คนเป็นกราฟิกดีไซเนอร์จากที่ต้องรอ จะเปลี่ยนเป็นคำว่า รอไม่ได้ เรามาหา Reference หรือหาแนวทางพัฒนาสิ่งนั้นให้ดีที่สุดไปพร้อม ๆ กัน การทำแบบนี้จะช่วยให้การทำงานมี Effective มากกว่าเดิมได้อีกด้วย
และเมื่อองค์กรมี Synergy แบบนี้ก็จะเกิดภาพบวกของทีม เสมือนคนผูกเชือกวิ่งไปพร้อมกัน ถ้าคนนึงเดิน คนที่วิ่งไปหน้าสุดจะสะดุดไปด้วย แต่ถ้าทุกคนวิ่งไปพร้อม ๆ กัน ใน Pacing ที่เท่า ๆ กัน มันจะไปสู่เป้าหมายได้เร็วที่สุด!
👑 5. พร้อมรับความเสี่ยง โดยไม่มี benchmark ในอดีต
Key Success Factor สำคัญของ Burger King คือการให้คนทำงานได้กล้าเสี่ยง กล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกมีสิทธิ์ได้ลองทำ ในการลองทำนั้น จะเกิดสิ่งที่เรียกว่าความผิดพลาด ซึ่งการจะทำให้คนเก่งนั้น เกิดจากให้เขาได้ลองผิดลองถูก เรียนรู้ความผิดพลาด เมื่อผิดแล้วทำอย่างไร, จะแก้อย่างไร, เรียนรู้ยังไง แล้วเราจะปรับกับงานครั้งหน้าอย่างไร
หนึ่งใน Key สำคัญของ Burger King คือการ Fail Fast เราต้อง Move ไปข้างหน้าแบบ Faster เมื่อล้มแล้วเจ็บ ต้องเริ่มใหม่เร็วที่สุด และเร็วกว่าเดิม เมื่อทุกคนคิดแบบนี้ก็จะไว และเกิดคำว่าไม่ทำ น้อยลง! ซึ่งถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการจะสร้าง Creativity เราต้องอย่ามองหา Proof of concept หรือ benchmark ในอดีต เพราะมันจะไม่สร้างสรรค์เลยถ้าหากจะหาข้อมูลมา Proof ว่าสิ่งนี้ดี มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความคิดสร้างสรรค์
การลงทุนกับคนทำงานสำคัญ ดังนั้นผู้นำองค์กรคือตัวขับเคลื่อนชั้นดี
จงอย่ายึดติดกับความสำเร็จในอดีต อย่าใช้ท่าเดิมเพื่อหวังว่ามันจะดีต่อเนื่อง และ อย่ายึดติดกับความล้มเหลวในอดีต บางคนเคยทำแบบนี้แล้วไม่ดี แต่บางครั้งมันอาจจะเกิดจาก Timing ก็ได้ ณ เวลานั้นมันอาจจะไม่ใช่ แต่มันเป็นแค่ Execution ที่เราต้องทำเท่านั้น ดังนั้นการหยิบไอเดียเดิมมาใช้ บางครั้งมันอาจจะสำเร็จก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่มันสำเร็จเกิดจากการมาถูกที่ ถูกเวลา เรื่องของคนทำงานก็เช่นกัน