เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา Facebook เริ่มทดสอบในวงกว้างมากขึ้น สำหรับการแสดงผลหน้าเพจแบบไม่มียอด Page Like (Like Count) และไม่มีปุ่มกดไลก์เพจในหน้าแรก จากก่อนหน้านี้ได้มีการทดสอบกับเพจของบุคคลมีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง ตั้งแต่นักแสดง นักเขียน วงดนตรี หนังสือ และเพจสำนักข่าวบางส่วน ล่าสุดทาง Facebook ระบุว่ากำลังขยายการทดสอบนี้กับเพจที่ใช้ภาษาอังกฤษในวงกว้างขึ้นอีกด้วย
ล่าสุดวันที่ 6 ม.ค. 2021 Facebook ประกาศยกเลิกปุ่มไลก์ในหน้าเพจ เหลือแค่เพียงปุ่มกดติดตาม (Follow) โดยจะเริ่มปรับใช้กับทุกเพจภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ก่อนเราจะไปดูรายละเอียดของเรื่องการยกเลิกแสดงยอดเพจไลก์ และผลกระทบที่จะมีต่อการทำการตลาดบน Facebook เราลองไปทบทวนประวัติของเจ้าเพจไลก์กันก่อนครับ
ก่อนจะเป็น Page Like เคยเป็น Fan Page มาก่อน
หากใครยังพอจำได้หรือโตทันในยุคแรก ๆ ที่เริ่มมีการทำ Facebook Marketing ในเมืองไทย ช่วงนั้นยังไม่มีระบบโฆษณาใด ๆ เลยครับ ทุกอย่างล้วน Organic ซึ่งการจะทำให้ผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายเห็นโพสต์ที่เรานำเสนอได้มีวิธีเดียวคือต้องให้พวกเขากดเป็น “fan” ของเพจเราก่อน ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ที่เราจะวัดกันว่ามีคนติดตามและกดไลก์เพจเรามากน้อยแค่ไหน เราเคยวัดกันที่ยอดของแฟนเพจมาก่อน ยุคนั้นจึงเรียก Facebook Page ว่า Fan Page
ดังนั้น ยอดของแฟนจึงมีความสำคัญมาก ๆ ในยุคนั้น ถึงขนาดที่มีแคมเปญชวนคนมากดเป็นแฟนเพื่อลุ้นรับของรางวัลใหญ่มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวก iPhone iPad ที่เป็นฟีเวอร์มากในเวลานั้น แต่ละเพจจึงแข่งกันเพิ่มยอดแฟนเพจกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะการมีแฟนเพจเยอะหมายถึงแบรนด์จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งมีเดียและโฆษณาใด ๆ เป็นยุคที่เหล่าแบรนด์สามารถสร้างฐานคนดูของตัวเองได้เอง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่การแสดงยอดแฟนในหน้าเพจจะมีความสำคัญมาก ๆ และเป็น KPI หลักของผู้บริหารและนักการตลาดในช่วงนั้น ทำอย่างไรก็ได้ให้มีแฟนเยอะ ๆ และถ้าเยอะกว่าคู่แข่งได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
บทความแนะนำสำหรับคุณ : ตั้ง KPI การทำ Social Media Marketing ด้วย Audience Experience 4 แกน
แต่หลังจากที่ Facebook พัฒนาระบบโฆษณาให้ดีขึ้นและแม่นยำขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับ Organic Reach ของเพจก็ค่อย ๆ ต่ำลงไปเรื่อย ๆ มาเข้าสู่ยุคที่ หากต้องการให้แฟนและกลุ่มเป้าหมายนอกเพจเห็นโพสต์ จำเป็นต้องใช้โฆษณาช่วยเท่านั้น หรือที่เรียกว่า Paid Reach ช่วงเวลานั้นเองที่ Facebook ทยอยให้ความรู้นักการตลาดเพื่อให้เปลี่ยนจากการนับยอดแฟนเป็นนับยอด Page Like แทน พร้อมกับออกรูปแบบโฆษณาที่จะช่วยโปรโมตเพจและช่วยเพิ่ม Page Like ได้ หรือที่นักการตลาดคุ้นเคยกับคำว่า “Page Like Ads”
Page Like ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องปรับอีกและที่มาของ Page Follower
แม้ Facebook จะสร้างรายได้มากโขกับการขาย Page Like Ads ผมเองเคยมีประสบการณ์ช่วยลูกค้าซื้อโฆษณาเฉพาะ Page Like Ads มากถึงเดือนละ 3 แสนบาท เพราะผู้บริหารตั้งเป้าต้องการให้ยอด Page Like แซงหน้าคู่แข่งนั่นเอง
อย่างไรก็ดี หากใครติดตาม Facebook อย่างใกล้ชิดและอัปเดตเทรนด์อยู่เรื่อย ๆ จะพบว่าช่วงประมาณปี 2017 เป็นต้นมา ทาง Facebook เริ่มรุกหนักในการให้ความรู้กับผู้ลงโฆษณาและนักการตลาดว่า การที่มีคนกดไลก์เพจเยอะ ๆ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นจะซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งเป้าหมายการทำ Facebook Marketing ให้คนมากดไลก์เพจเยอะ ๆ อีกต่อไปแต่ควรกลับไปตั้งเป้าหมายที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการให้เกิดยอดขาย เพิ่มคนเดินเข้าร้าน เพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลของลูกค้าจากการลงทะเบียนต่าง ๆ
นอกจากนั้นทาง Facebook เองก็พัฒนาและเสนอโฆษณาที่ตอบโจทย์ให้กับธุรกิจได้ดีและหลากหลายมากขึ้น การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ยอด Page Like อย่างเดียวไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะแม้มีคนกดไลก์เยอะแต่ถ้าต้องการให้พวกเขาเห็นโพสต์เราก็ยังต้องใช้ Paid Reach อีกอยู่ดี หรือไม่ก็ต้องชวนให้ลูกเพจกด “See First” ให้วุ่นวาย
ลองคิดดูว่าหากคนหนึ่งกดติดตามเป็นสิบ ๆ เพจ เขาจะกด “See First” กับทุก ๆ เพจได้หรือ แถมทั้งหมดทั้งมวลการกดไลก์และ See First ก็ไม่สามารถช่วยเรื่องยอดขายได้ด้วย ดังนั้นการนับยอดคนกดไลก์เพจจึงลดความจำเป็นลงไปเรื่อย ๆ
ก่อนหน้านี้เมื่อคนกดไลก์เพจ พวกเขาจะถูกจัดว่าเป็น Follower หรือผู้ติดตามเพจทันที และผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ภายหลังว่าจะยกเลิกไลก์เพจเหลือแค่กดติดตามอย่างเดียวก็ได้ ความหมายของการติดตามหมายถึงว่า พวกเขามีความสนใจในเนื้อหาหรืออยากรับข้อมูลจากแบรนด์นั้น ๆ จริง และสนใจมากพอที่อยากจะติดตามเพจของแบรนด์ บวกกับ Social Platform อื่น ๆ ก็นิยมใช้คำว่า Follower เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว แทนที่จะแสดงยอดคนกดไลก์ การเปลี่ยนให้เป็นการแสดงจำนวนคนที่ติดตามเพจแทนก็ดูเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายกว่า
สิ่งที่ปรับเปลี่ยนบนหน้าเพจ
ภาพจาก Techcrunch.om และ Facebook
เปรียบเทียบระหว่างแบบเดิมด้านซ้าย และของใหม่ด้านขวา ที่ไม่มีปุ่มให้กดไลก์ ไม่แสดงว่ามีเพื่อนของเราคนไหนไลก์เพจอยู่บางและไม่มียอดจำนวนคนกดไลก์เพจทั้งหมด ถูกแทนที่ด้วยยอดคนกดติดตามแทน และมีปุ่ม Follow เด่นชัดตามเดิม และยังปรับหน้าตาให้สะอาดและเรียบง่ายมากขึ้น ทำให้ผู้เข้ามาในเพจเห็นข้อมูลของเพจได้ทันทีว่าเป็นเพจเกี่ยวกับอะไร
ภาพจาก Techcrunch.om และ Facebook
นอกจากนั้น ยังปรับหน้าตาหลังบ้านสำหรับเพจแอดมินให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย (กรณีไม่ได้บริหารเพจผ่าน Business Manager)
หาก Facebook ยกเลิกโชว์ Page Like ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ
การปรับเปลี่ยนนี้ในความเห็นของผม เพจของแบรนด์เองไม่ได้มีผลกระทบมากนัก เพราะการจะเข้าถึง Follower และกลุ่มเป้าหมายบน Facebook ในยุคนี้ จำเป็นต้องใช้โฆษณาหรือ Paid Reach ช่วยอยู่แล้ว แถมยังสามารถเข้าถึงพวกเข้าได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
แต่กลุ่มที่อาจจะมีผลกระทบอยู่บ้างคือเหล่า Creator และ Influencers ต่าง ๆ ที่มักจะคำนวณค่าเผยแพร่งานโดยอ้างอิงเลข page like เมื่อต่อไปหน้าแรกไม่มีระบุยอดคนกดไลก์เพจแล้วต้องอาศัยตัวเลขผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว จะมา Boots ยอดผ่าน Page Like Ads ไม่ได้แล้ว หากเนื้อหาไม่เจ๋งจริงคงไม่สามารถสร้างฐาน Follower ตัวจริงได้นะครับ
สิ่งที่ต้องทำหลังจากการปรับครั้งนี้เกิดขึ้นจริง
สำหรับเพจแบรนด์ของนักการตลาด เพื่อเตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผมมีข้อแนะนำดังนี้ครับ
- เริ่มจากการปรับแนวคิดและแผนการตลาดของแบรนด์ ตั้งเป้าหมายที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประโยชน์กับแบรนด์เรามากกว่าแค่ชวนคนมากดไลก์เพจ
- วางแผนและผลิตเนื้อหา สินค้า บริการ ให้น่าสนใจและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบตัวหนังสือ รูปภาพ หรือวิดีโอ
- ลงโฆษณาอย่างแม่นยำ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นโพสต์ของเพจเรา โดยอาศัยระบบโฆษณาอันทรงพลังของ Facebook (ลองศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง core audience,custom audience, และ lookalike audience ของ Facebook ดูนะครับ)
ทุกท่านน่าจะเข้าใจและเห็นภาพกันแล้วว่าทำไม Facebook ถึงจะเลิกการแสดงยอดคนกดไลก์เพจในหน้าแรกนะครับ เพราะตอนนี้การนับ Page Like กลายเป็นเรื่องรองไปแล้วสำหรับการทำ Facebook Marketing ในยุคปัจจุบัน ดังนั้นลองหาแนวทางที่เหมาะสมกับแบรนด์เพจเรามากกว่าแค่ชวนคนมากดไลก์เพจกันนะครับ
เรื่อง : ณรงค์ยศ มหิทธิวาณิชชา Chief Digital Officer & Co-Founder The Flight 19 Agency
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ Digital Marketing ของคุณด้วย Social Media Customer Care
- ทำการตลาดบน Facebook ยังได้ผลอยู่ไหม?
- 5 คำศัพท์ ที่คนซื้อ Facebook Ad ต้องรู้!