อนาคตของแวดวงธุรกิจที่ยังไม่เห็นแสงสว่างหลังจากนี้

Last updated on พ.ค. 28, 2020

Posted on พ.ค. 28, 2020

“คลังงดประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1 – 2 ชั่วคราว”

นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดที่ไทย ทำเอาคนในแวดวงเศรษฐกิจและธุรกิจหลาย ๆ คนต่างเป็นกังวลใจอย่างมาก ทำให้เกิดความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นที่ว่าการไม่ประกาศตัวเลขนั้น เป็นเพราะว่า ตัวเลขของ GDP ที่ออกมาอาจเลวร้ายมากกว่าที่คิด และน่าจะเลวร้ายต่อเนื่องนานกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้ตอนนี้คนที่ทำธุรกิจต้องเริ่มวางแผนว่าจะสามารถประคองตัวเองอย่างไรหรือจะให้ตัวเองอยู่รอดได้อย่างไรต่อไปในวิกฤตครั้งนี้

         สิ่งที่น่ากลัวกว่า COVID-19 ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องตัวเลขผู้ป่วย หรือผู้เสียชีวิตแล้ว จากสถานการณ์ในตอนนี้หลายที่ทั่วโลกเริ่มจัดการ COVID-19 ทำการ Flatten the curve ลงมาจนพอต่อการรองรับทางด้านสาธารณสุขของตัวเองขึ้นมา แต่สิ่งที่ตามมาคือการล่มสลายของสภาพเศรษฐกิจจนไม่สามารถกลับมาได้  จากข่าวที่เห็นคือไม่ว่าจะการท่องเที่ยวที่กระทบตั้งแต่โรงแรม กิจการท่องเที่ยว จนกระทั่งสายการบิน และ Booking Agent ต่าง ๆ อีกทั้งโรงงานต่างปิดกิจการหรือย้ายไปยังที่ที่ถูกกว่า มีความมั่นใจในการที่จะสามารถส่งสินค้าได้มากกว่า หรือประเทศที่สามารถประคับประคองเศรษฐกิจและสภาพสังคมให้สามารถมีกิจการที่ดำเนินต่อไปได้หรือเปิดกิจการต่อไปได้ ในช่วงนี้

         เหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นนี้หลายประเทศรับมือด้วยการอัดเงินลงไปในเศรษฐกิจตัวเองเพื่ออุ้มกิจการต่างๆ ให้สามารถทำกิจการต่อไปได้ หรือให้สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็น Furlough pay ของอังกฤษ และ Universal Income ที่จ่ายให้คนที่ตกงานหรือต้องหยุดกิจการมีรายได้เพื่อเลี้ยงชีพ ซึ่งการที่จะทำแบบนี้ได้นั้นจะต้องเป็นประเทศที่ประชากรมีฐานผู้จ่ายภาษีส่วนบุคคลในระดับจำนวนมากของประเทศ และเก็บภาษีส่วนบุคคลในระดับอัตราที่สูงมาก เพื่อสะสมเงินมาจ่ายในช่วงนี้ได้ แต่ประเทศที่ไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีที่สูงหรือมีอัตราการจ่ายภาษีส่วนบุคคลที่น้อย ทำให้การแก้ปัญหาโดยการจ่ายเงินแบบนี้ไปตลอดนั้นเป็นไปได้ยากอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุการณ์ที่กิจการทั้งหลาย ทยอยปิดตัวลงไปอย่างมากมาย และคนจะตกงานเป็นจำนวนมาก

อนาคตของแวดวงธุรกิจ

         ด้วยการที่เศรษฐกิจทั้งโลกเป็นแบบนี้ หันกลับมาที่ไทยเศรษฐกิจส่วนใหญ่ผูกกับเศรษฐกิจทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้อันดับ 1 ของประเทศ และการส่งออกซึ่งหารายได้ให้ประเทศเข้ามา เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้เครื่องจักรของประเทศจึงพังขึ้นมา และทำให้อนาคตดูน่ามืดมนจนไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร แต่ในวิกฤตยังมีโอกาสหลาย อย่างที่รอคนไทยอยู่ในช่วงนี้ที่ยังสามารถทำได้คือ การอย่าจมปลักกับปัญหา และเริ่มหาไอเดียและโอกาสใหม่ในช่วงเวลาเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือนวัตกรรมใหม่ๆ หรือธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอในอดีต  ไม่ว่าจะเป็น General Electric, General Motors, IBM, Disney, HP, FedEx, Microsoft, Electronic Arts ธุรกิจเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วง Regression ของอเมริกาไม่ว่าจะจากสภาพหลังสงครามที่เกิดขึ้น หรือ การล่มสลายของตลาดหุ้นอเมริกาในช่วงเวลาต่างๆ 

         ดังนั้นช่วงนี้กิจการไหนที่กำลังเริ่มรู้สึกขายไม่ได้หรือขาลง สิ่งที่ดีที่สุดในช่วงนี้คือการคิดแบบ Startup ยุคใหม่ที่เกิดขึ้น คือการเริ่ม Explore Idea ออกมาให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ และลองว่าไอเดียไหนที่จะสามารถอยู่รอดต่อไปในช่วง COVID-19 นี้ได้ และยอด Pivot ธุรกิจแบบเดิมที่ไม่ทำกำไร หรือไม่สามารถหารายได้ในช่วงนี้ไป พร้อมทั้งพยายามโละสินค้าต่างๆ ที่ขายไม่ได้ช่วงนี้ออกไปเพื่อให้ได้เงินลงทุนมาลงทุนไอเดียใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากการลงทุนใหม่นี้ กลยุทธ์เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญ อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นที่คนจะตกงานเพิ่มมากขึ้นหรือรัฐไม่สามารถอัดเงินลงมาฐานรากได้เหมือนบางประเทศ  ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อเหลืออยู่ไม่มาก และส่วนใหญ่คือคนไทยเพราะต่างประเทศนั้นยังไม่สามารถมาเที่ยวไทยได้อีกนาน การเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อเหล่านี้ เป็นใคร ซื้อเพราะอะไร และมีกำลังซื้อเท่าไหร่ หรือจะขยับ Segment เป็นสำหรับกลุ่มคนที่ Exclusive ขึ้นในยามนี้ก็ได้ขึ้นมา

         ทั้งนี้การสร้างธุรกิจในช่วงนี้สำคัญพอๆ กับการเอาตัวรอดให้ได้ สำหรับนักธุรกิจทั้งหลายที่กำลังพยายามฝ่าฟันธุรกิจของตัวเองอยู่ เพราะไม่มีช่วงไหนแล้วที่เกิดเหตุการณ์ที่แทบล้างกระดานธุรกิจและเริ่มต้นพร้อมกันได้แบบนี้ ใครที่สามารถเห็นช่องโอกาสในช่วงนี้ได้ ผมเชื่อว่าจะสามารถเติบโตกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอนาคตได้อย่างแน่นอน

เรื่อง : ฉกาจ ชลายุทธ Co-Founder&Visionary Chaos Theory
ภาพ : สุธาทิพย์ อุปสุข


บทความอื่นที่คุณอาจสนใจ

trending trending sports recipe

Share on

Tags