แล้วคุณเป็นคนประเภทไหน
😎 Generalist คือคนที่ไม่รู้ลึก แต่รู้กว้าง ๆ ในการทำงาน บางครั้งเรื่องที่เรารู้อาจจะยังทำไม่ได้ เพราะความรู้มีหลายระดับ สิ่งสำคัญคือรู้แล้วต้องลงมือทำให้ได้
🤓 Specialist คือคนที่รู้ลึกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เรียนให้แคบแต่ต้องลึก ต้อง Deep ลงไปในเรื่องนั้น ๆ คนกลุ่มนี้มักจะรู้ลึก รู้จริงในเรื่องที่ตัวเองสนใจ หรือเรียนมาทางด้านนั้นเป็นพิเศษ
ค้นหาตัวเองจนค้นพบกับความเป็นเป็ดโปร
ไม่ว่าคุณจะเป็นสายไหน จะ Generalist หรือ Specialist ไม่มีถูก ไม่มีผิด
คุณทอยได้บอกไว้ว่า สมัยเรียนป.เอก อาจารย์คุณทอยบอกไว้ว่า ‘ยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่’ เพราะระดับการเรียนยิ่งสูงจะยิ่งแคบ เช่น เรียนป.ตรี ด้านการเงิน เราจะเรียนกว้าง ๆ แต่ยิ่งเรียนป.โท และ ป.เอก ระดับความรู้จะแคบลงลึกขึ้น Deep ขึ้น ในเรื่องที่เราสนใจเป็นพิเศษ เพื่อที่จะเป็น Expert ในด้านนั้น
และในที่สุดคุณทอยก็มาค้นพบตัวเอง ว่าเราเป็น ‘Generalist’ เพราะเนื้อแท้ของเราคือการอยากรู้กว้าง เสมือนเป็น ‘เป็ดโปร’ มันคือการที่เรารู้เยอะขึ้น รู้มากขึ้น เราจะเก่งขึ้น และมีความสุขขึ้น และไม่ใช่แค่รู้นะ แต่ต้องลงมือทำทุกเรื่องที่เรียนรู้ให้ได้! เช่น เขียน Code ได้, รู้เรื่องการตลาด, รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์, รู้เรื่องการทำ Market Research, รู้เรื่อง SEO ทำเว็บไซต์ ซึ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้คุณทอยทำด้วยตัวคนเดียว ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความสุขที่ได้เรียนรู้และลงมือทำ
วันนี้คุณทอยจะมาแชร์เคล็ดลับจากการค้นพบว่าเราเป็น ‘เป็ดโปร’ ไม่ว่าคุณจะเป็น Specialist หรือ Generalist ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้กับ 8 เทคนิคที่ทำให้เราเก่งขึ้นได้ในทุกวัน
🎯 เทคนิควัดความพอใจด้วยพิซซ่า (Utility)
หลักการพัฒนาตัวเองแบบเป็ดโปร คือ เมื่อเรารู้ว่าเรารู้เรื่องนั้นเยอะแล้ว เราจะหยุดทันที แล้วสวิตช์ตัวเองไปเรียนเรื่องอื่น ลักษณะคล้าย ๆ กับ เวลาเราหิวพิซซ่ามาก ๆ เราอาจจะสั่งพิซซ่าถาดกลาง 6 ชิ้น เรื่องนี้ในทางเศรษฐศาสตร์คือ Utility หรือความพอใจของเรา
🍕 ชิ้นที่ 1: เราอร่อยมาก เพราะเราหิวมาก
🍕🍕 ชิ้นที่ 2: ก็ยังอร่อยนะ แต่เริ่มอิ่มนิดนึง
🍕🍕🍕 ชิ้นที่ 3: เริ่มอิ่มมาก ๆ แล้ว ความพอใจเราจะเริ่มลดน้อยลง
🍕🍕🍕🍕 ชิ้นที่ 4: กินจนจุก ความพอใจเป็น 0
🍕🍕🍕🍕🍕 ชิ้นที่ 5: เรากินจนอ้วก ความพอใจติดลบ
เวลาเรายิ่งบริโภค (Consume) กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไปสิ่งเหล่านั้นจะยิ่งลดน้อยลง แปลว่าถ้าเราเปลี่ยนจากพิซซ่าเป็นวิชาการตลาด สิ่งนี้ในทางทฤษฎีเราเรียกว่า ‘Diminishing Returns’ หรือ กฎผลตอบแทนลดน้อย คือถ้าเราเรียน 1 ชม. เราได้ความพอใจความสุขเยอะมาก แต่ถ้ายิ่งเรียนมากขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือเรียนหนักขึ้น ใช้ชั่วโมงมากขึ้น ผลตอบแทนที่ได้จะน้อยลง เทคนิคคือหาวิชาใหม่ หรือเอาเวลาไปเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น
🎯 อย่าให้ใครมาเปรียบเรา
การจะเป็นเป็ดโปร คือการอย่าให้ใครมาเอาเปรียบเวลาเรา เพราะเราควรได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเวลาที่เราเสียไป คือการได้กำไรการเรียนรู้ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ เรื่องของการออกกำลังกาย สมมุติว่าเราอยากจริงจังในการ ‘วิ่ง’ เพื่อทำให้สุขภาพร่างกายเราแข็งแรง มันจะมีจังหวะที่ทำให้เราวิ่งเพื่อทำระยะ 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้าง ซึ่งช่วงนั้นเป็นเวลาการเรียนรู้แบบมีแรงจูงใจไปให้ถึงเป้าหมาย ช่วงเวลานี้คือ Eagerly หรือความกระหายอยากที่จะเรียนรู้ ได้ความสม่ำเสมอ, เข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง หรือเผลอ ๆ ได้รู้เรื่องแฟชั่นรู้จักรองเท้ายี่ห้อใหม่ ๆ มากขึ้น คู่ไหนเหมาะกับวิ่งบนพื้นปูน คู่ไหนเหมาะกับการวิ่งบนลู่วิ่งนั่นเอง
🎯 เรียน เขียน แชร์ คาถาที่ใช้ได้ตลอดชีวิต
การมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ทำให้เราพัฒนาขึ้น ปัจจัยหลักที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้คือการทำเพจ DataRockie มันคือจุดที่ทำให้เราไม่สามารถหยุดนิ่งได้ เสมือนเป็นการบังคับตัวเองให้ขยันขึ้น เพื่อเรียนมากขึ้น หลายคนติดกับดักใบเซอร์ แต่ไม่ได้ความรู้
เทคนิคของคุณทอยคือ เปลี่ยนจากการเรียนเยอะ ๆ เป็นการเรียนรู้ที่ช้าลง เพื่อเรียนให้เข้าใจในเรื่องนั้น ๆ มากยิ่งขึ้นนั่นคือ
👉 เรียน: เรียนเพื่อให้รู้ และเพื่อตกตะกอนความรู้
👉 เขียน: เมื่อเขียนเยอะความคิดที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างจะตกผลึก และเขียนเรื่องราวนั้นได้ดีขึ้น
👉 แชร์: ความรู้จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าเราเก็บเอาไว้คนเดียว จึงจำเป็นต้องแชร์ต่อ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณทอยต้อง “เรียน เขียน แชร์” ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
🎯 กับดักเพราะรายได้ดีถึงทำ
คุณทอยเคยได้ไปทำงานที่ Ipsos บริษัทวิจัยตลาดที่ต่างประเทศ โดยเริ่มจากการเป็น Market Research โดยเริ่มต้นเป็น Junior Research และในท้ายที่สุดเมื่อผลงานเข้าตาจึงกลายเป็น Senior Research Executive เงินเดือนขึ้น 20% โดยคุณทอยยอมรับว่าตอนนั้นรายได้ดีมากถึงยอมทำ แถมอยู่มาถึง 3 ปี เงินเดือนขึ้นสูงทุกปี เพราะบริษัทวิจัยจากต่างประเทศค่อนข้างจ่ายหนัก
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเราตกผลึกได้ว่า คนส่วนใหญ่มักติดกับดักการทำงาน คือยิ่งงานไหนรายได้ดี คนจะหยุดตัวเองทันที แม้จะยิ่งทำงานไปเรื่อย ๆ เราจะเกิดความชำนาญมากขึ้น แต่เมื่อคุณทอยรู้ตัวเองว่าเราจะหยุดนิ่ง จึงตัดสินใจออกจากงาน เพราะเราอยากรู้รอบ คือไม่ใช่รู้เรื่องเดียว แต่อยากรอบรู้เรื่องอื่น ๆ ในสิ่งที่อยากทำมากขึ้น เพื่อที่จะไม่หยุดในการพัฒนาตัวเอง
🎯 อย่าเป็นคนปฏิเสธไม่เป็น
คุณทอยเป็นหนึ่งในคนที่ไม่กล้าพูดว่าไม่ เพราะเราเกรงใจคนอื่น แต่กลับกันการปกป้องตัวเองสำคัญ เราสามารถให้ Utility ผลประโยชน์ที่กลับมาหาเรา เช่น วันนั้นเราอาจจะอยากออกกำลังกายตอนเย็นเพื่อฝึกวินัย แต่มีคนชวนเราไปบรรยายเนื้อหาที่มหาวิทยาลัย เรามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธบ้างก็ได้ เพื่อให้กับตัวเองเพิ่มศักยภาพอะไรบางอย่างให้กับชีวิตในด้านใหม่ ๆ ได้
🎯 ปัญหาของ Curse Of Knowledge
ส่วนใหญ่คนที่เป็น Specialist มักจะมีปัญหาในด้าน Curse Of Knowledge คือไม่สามารถอธิบายเรื่องที่เรารู้ได้แบบเข้าใจง่าย เรียกง่าย ๆ ว่า อธิบายเรื่องที่ยาก ให้ยากขึ้นไปอีก คนกลุ่มนี้จะรู้เรื่องนั้นเยอะมาก แต่ไม่สามารถอธิบายเรื่องที่พูดให้เข้าใจง่ายได้ ดังนั้นเราสามารถใช้เทคนิค “เรียน เขียน แชร์” เพื่อให้เราตกผลึกเรื่องราวออกมาให้ย่อยง่ายได้ จงทำให้เรื่องยาก ๆ เป็นเรื่องที่เล่าให้ใครฟังก็ง่ายอยู่เสมอ
🎯 เปลี่ยนจากคนรู้จักเป็นรู้ใจ
คุณทอยเคยทำโพสต์ ‘สอนทำรันโมเดล Regression ด้วยการคลิกเมาส์เพียงอย่างเดียว’ โพสต์นั้นมีคนแชร์มากถึง 8,000 แชร์ เรื่องบางเรื่องที่ง่ายสำหรับเรา แต่กับคนอื่นเขาอาจจะไม่รู้ ยิ่งเราแชร์ความรู้เยอะเท่าไหร่ เราก็ได้ช่วยคนจำนวนมากให้รู้ไปพร้อม ๆ กัน นี่คือเป็นจุดหนึ่งในการทำเพจ DataRockie เพื่อแชร์ความรู้ให้ผู้คนในเพจ สิ่งสำคัญคือข้อมูลนั้นต้องถูกต้อง หรือถ้าผิดได้รับ Feedback ต้องปรับปรุงและแก้ไข การจะทำให้ใครรัก เราต้องให้ใจเขาก่อน คุณทอยมอบความรู้ที่เป็นประโยชน์ ด้วย เรียน-เขียน-แชร์ จึงได้ใจคนในเพจเป็นจำนวนมาก เพราะลูกเพจก็ได้ความรู้ไปต่อยอดธุรกิจ
🎯 สกิลที่สำคัญในยุคนี้
สรุปจากทั้งหมดนี้ สกิลที่สำคัญในยุคนี้คือ ‘การเขียน’ เขียนสิ่งที่เรารู้ออกมา เมื่อเราเขียนเป็น เขียนเก่งขึ้น มันจะสามารถสร้างรายได้ สร้างธุรกิจได้ การเขียนเป็น และมอบความรู้ให้ใครต่อใครได้ มันสามารถสร้าง Magic Moment ที่ดีได้ เพราะคุณทอยก็เริ่มจากเขียน จึงเกิดเป็นเพจ DataRockie
☀️ 😊 วันนี้คุณเป็น ‘Version ที่ดีที่สุด’ แล้วหรือยัง ?
ไม่ว่าคุณจะเป็น Specialist หรือ Generalist สิ่งสำคัญที่สุดคือ
“คุณต้องเริ่มเป็น Version ที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง” เริ่มจากการ ”เรียน - เขียน - แชร์” อย่าต่อเนื่อง ฝึกให้เป็นนิสัย ฝึกให้เกิดความสม่ำเสมอ
อย่ารอที่จะแชร์ความรู้คนอื่นเพียงอย่างเดียว
แต่จงเป็นคนที่แชร์เรื่องดี ๆ เพื่อให้สังคมการเรียนรู้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ดูย้อนหลังแบบจัดเต็ม The ORGANICE ในหัวข้อ Specialist กับ Generalist จัดการชีวิตอย่างไร โดยคุณทอย DataRockie
