รู้หรือไม่? ว่ามี Digital Nomad อยู่ 35 ล้านคนทั่วโลก และมีไทยติด Top3 ที่คนกลุ่มนี้ตั้งหมุดหมายอยู่มากที่สุด!
ถ้าพูดถึง Digital Nomad ก็คือกลุ่มคนทำงานที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีอุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยงานได้ก็พอ และแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก พวกเขาสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ถึง 7.8 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
จากผลสำรวจเว็บไซต์ shelter global ระบุว่าสาเหตุที่กลุ่ม Digital Nomad ชอบประเทศไทยมีหลายเหตุผลด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพที่ไม่แพง มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตดี ความเร็วสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับ Digital Nomad อาทิ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และพื้นที่ที่ตอบโจทย์การทำงานอย่าง coworking space เป็นต้น
ก็เลยจะมาสู่เรื่องหลักของเราที่ว่า ทำไม❓coworking space ถึงกลายเป็นเทรนด์ที่ตอบโจทย์คนเหล่านี้ได้ รวมถึงเทรนด์การทำงานยุคใหม่ด้วย
🙋♂️ คนทำงานต้องการอะไรจากการไป coworking space
อยากให้ทุกคนลองตอบคำถามนี้ดู ว่าเพราะอะไรเราถึงชอบไปนั่งทำงานตามสถานที่เหล่านี้มากกว่าการนั่งในออฟฟิศ? ถ้าย้อนกลับไปแต่ก่อนเราอาจจะนึดถึงแค่ร้านกาแฟ ที่มีโต๊ะกับเก้าอี้ให้นั่งทำงานได้นาน ๆ แต่ต่อมาก็เริ่มมองหาสิ่งซัพพอร์ตมากขึ้น เช่น ร้านที่มีปลั๊ก มีสัญญาณไวไฟ มีห้องประชุม มีห้องจัดงานขนาดย่อม เป็นต้น
รู้หรือไม่ว่าจากผลการสำรวจในเดือนมิถุนายน ปี 2022 พบว่ามี coworking space ทั่วโลกกว่า 28,000 แห่ง และเทรนด์ที่เราจะได้เห็นมากขึ้นจากการเติบโตของ coworking space นั้นก็จะมีตั้งแต่
👉 Coworking as a Service (CaaS): อนาคต coworking space จะมาในรูปแบบของการบริการมากขึ้น มีคีย์การ์ดเข้าได้ 24 ชั่วโมง รวมถึงการเข้าถึงเงินทุน และอื่นๆ อีกมากมาย
👉 Tech-Enabled Spaces: จากพื้นที่นั่งทำงานเฉย ๆ จะเริ่มมีเครื่องมือ เทคโนโลยีซัพพอร์ตมากขึ้น บางแห่งอาจมีเทคโนโลยี Augmented หรือ Virtual Reality
👉 Innovative Working Spaces: อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรง พื้นที่ทำงานจะถูกออกแบบให้ล้ำสมัยขึ้น มีการจัดวางที่ถูกออกแบบมาแล้วอย่างดี ตอบโจทย์การทำงานหลายรูปแบบ
👉 Niche Spaces for Niche Communities: จะเริ่มเกิดพื้นที่การทำงานแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น coworking space ที่เน้นเทคโนโลยี, coworking space ที่เน้นเรื่องสุขภาพ และ coworking ที่สร้างสรรค์โดยศิลปิน เป็นต้น
จากที่ว่ามา คงไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศไทยจึงเป็นหมุดหมายในดวงใจของฟรีแลนซ์ หรือกลุ่มทำงาน Digital Nomad หลายคน เพราะในเทรนด์ต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นไทยเกือบจะทั้งหมดแล้วเลย อย่างล่าสุดในตัวเมืองกรุงเทพฯเอง ที่สยามพารากอน ชั้น 4 ก็พึ่งเปิดตัวโซน “Siam Paragon Next Tech x SCBX” เทคคอมมูนิตี้แห่งใหม่ ที่ใช้งานได้หลากหลาย และเน้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์คอมมูนิตี้มากขึ้น
🙋♂️ Your Futurescape ของคุณเป็นแบบไหน?
ขอมาลงรายละเอียดกันอีกสักหน่อย ว่าทำไมพื้นที่ใหม่อย่าง Siam Paragon Next Tech x SCBX ถึงจะกลายเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคดิจิทัล รวมถึงคนทำงานสายเทคฯด้วย
Siam Paragon Next Tech x SCBX เป็นโซนที่เกิดขึ้นมาจากความร่วมมือของสยามพารากอน และ SCBX เป็นเทคคอมมูนิตี้แห่งแรกในโลก มีหลายโซนหลายพื้นที่ให้ทุกคนได้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น
- AreaX by SCB: พื้นที่สำหรับคนสายเทคฯ ที่แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Developer Lounge แห่งแรกของเมืองไทย มี Workstation ปรับระดับได้ ที่มาพร้อม Coding Monitor สำหรับเหล่า Developer ให้สามารถทำจากที่ไหนก็ได้ และโซน Experience Zone พื้นที่แห่งการเรียนรู้ พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผ่านรูปแบบ ซีรีส์ เวิร์กชอปให้ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากบริษัทในกลุ่ม SCBX และองค์กรพันธมิตรระดับประเทศ
- Bitspace: ชุมชนการเรียนรู้ทางด้านดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น บิทคอยน์ สินทรัพย์ดิจิทัล AI/ML, VR/AR, Metaverse และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล้ำ ๆ
- Connex Space: เป็น Digital Lifestyle Experience ที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็เชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด โดยคุณสามารถใช้ solution pods หรือ live corner ได้
- House of Creator by TikTok: พื้นที่ชุมชนที่สร้างโดย TikTok ซึ่งเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับครีเอเตอร์ และผู้ใช้ TikTok ไว้เจอกัน แลกเปลี่ยนความรู้ หรือใช้พื้นที่ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์บน TikTok ก็ได้
- Focus Co-Working Space: Co-Working เเห่งใหม่ใจกลางสยาม มีทั้ง Co-Creative Space, Private Zone เเละ Shared Space Zone และยังมี Gadgets เสริมให้ยืม เพื่ออำนวยความสะดวกตอนทำงานอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโซนต่าง ๆ ในพื้นที่นี้เท่านั้น ยังมีโซนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาซัพพอร์ตคนทำงานสายเทคฯ รวมถึงกลุ่ม Digital Nomad ให้สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดยที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ ครบเครื่องมากขึ้น
🙋♂️ Space การทำงานที่ดีในยุคดิจิทัลช่วยอะไรคนทำงานยุคนี้บ้าง?
มีคนถึง 74% ที่รู้สึกว่าตัวเองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อทำงานใน coworking space
ดังนั้นการเจอพื้นที่ทำงาน ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ ตรงใจมากขึ้น เลยช่วยเรื่องการทำงานได้กว่า และนี่คือสรุป 4 เหตุผลที่ทำให้ที่นั่งทำงานที่ไม่ใช่ออฟฟิศ โดนใจใครหลายคนมากกว่า
1. ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น และด้วยวิธีแบบที่เราชอบ
จากข้อมูลของ Psychology Today ทุกคนมีสไตล์การทำงานอย่างมี productivity ในแบบของตัวเอง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม coworking space จึงเหมาะอย่างยิ่งในการช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับสไตล์การทำงานของเรา
อย่างที่บอกว่าคนทำงานมีหลายตำแหน่ง รูปแบบการทำงาน ดังนั้น coworking space ก็เลยเป็นเหมือนทางเลือกที่ทำให้คนทำงานสามารถเลือกพื้นที่ที่เหมาะกับพวกเขาได้
3. ช่วยเพิ่มความสมดุลระหว่างชีวิต และการทำงาน
โดยพื้นที่การทำงานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง บวกกับบางที่ก็ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าบ้างอะไรบ้าง ก็ช่วยให้คนทำงานสามารถบาลานซ์ตัวเองกับการทำงานได้ดีขึ้น ออกไปพัก ไปดูของ แล้วกลับมานั่งทำงานต่อได้อย่างสบายใจ
4. เป็นแหล่งระดมไอเดีย และพลังจากคนที่สนใจในสิ่งที่คล้าย ๆ กัน
จากเทรนด์ข้างต้นจะหาว่าเราจะเจอพื้นที่ทำงานที่เฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่นพื้นที่ทำงานสำหรับสายอาร์ต สายเทคฯ สายโค้ดดิ้ง หรือแม้แต่สายครีเอเตอร์ เมื่อเราได้เจอคนที่มีความสนใจเหมือนกัน ก็จะนำไปสู่การต่อยอดไอเดีย หรือพลังงานบางอย่างที่จะได้รับมาระหว่างวันด้วย
สุดท้ายคงต้องติดตามว่าในอนาคตจะมี coworking space แบบใหม่ ๆ อะไรให้เราได้ติดตามกันบ้าง แต่ที่แน่ ๆ เร็ว ๆ นี้รอติดตามรีวิว Siam Paragon Next Tech x SCBX ทั่วทุกพื้นที่กันได้เลย! ที่ผู้เขียนพูดถึงเป็นพิเศษส่วนหนึ่งก็เพราะมีโอกาสได้ไปชม และดูรอบ ๆ มาบ้างแล้ว รู้สึกว่าค่อนข้างแปลกใหม่ และน่าจะเป็นหมุดหมายที่น่าสนใจสำหรับใครหลายคน
ไว้จะมาแชร์ริ่งให้ได้ดู ได้อ่านกันนะ :)
ที่มา
- 6 Reasons Why Thailand is Great for Digital Nomads
- Digital Nomad Statistics for 2023
- Digital Nomad Statistics: How Big Is The Digital Nomad Movement in 2023?
- Trends that will shape the Coworking Sector in 2023
- The Future of Coworking: 10 Trends That Will Shape 2023 and Beyond
- How coworking spaces help improve your productivity