ESG จะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับสตาร์ทอัพอย่างไร แล้ว Climate Tech ที่มาแรงในไทยตอนนี้ จะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ทำไมธุรกิจต้องหันมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้
วันนี้ CREATIVE TALK จะมาสรุปเรื่องเกี่ยวกับ ESG ที่เหล่าสตาร์ทอัพไม่ควรพลาด ผ่านมุมมองของคุณมด-ธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC), คุณเต๊ะ-ปริวรรต วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรมและวิสาหกิจเริ่มต้นประเทศไทย (Startup Thailand) และคุณโบ๊ท-ไผท ผดุงถิ่น CEO of Builk One Group
• Climate Tech = คือเทคฯหรือนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยควบคุม แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• ESG = แนวทางสู่ความยั่งยืน ที่ประกอบด้วยสามประเด็นใหญ่ ๆ ได้แก่
สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)
หมดยุคสตาร์ทอัพตามแฟชั่น สู่ยุคปั้นแพชชันประยุกต์ให้เติบโต
ตอนนี้เราแยกออกมาเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้ จะเริ่มมีภูมิคุ้มกันระดับหนึ่ง มีพื้นฐานที่ดี สตาร์ทอัพกลุ่มนี้จะเจาะไปที่เรื่องควบรวมมากขึ้น เป็นที่ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนมากขึ้น ในขณะที่สตาร์ทอัพกลุ่มน้องใหม่ จะเริ่มมีคนสนใจปัญหาใหม่ ๆ มากขึ้น ถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นในการทำสตาร์ทอัพมากขึ้น และอาจจะเป็นกลุ่มที่มาตามแฟชั่น เหลือรอดมาน้อย ส่วนกลุ่มที่สามคือกลุ่มที่เห็นทั้งสองกลุ่ม แล้วมาปรับตัวประยุกต์ และน่าจะเป็นความหวังใหม่ เติบโตได้อย่างเข้มแข็ง
อาจดูเหมือนช่วงนี้สตาร์ทอัพเหี่ยวแห้งไป แต่ตอนนี้เหมือนเป็นช่วงปรับฐาน ไม่ใช่แฟชั่นอีกต่อไป
“สตาร์ทอัพเกิดจากที่ไหนมีปัญหา ที่นั่นมีโอกาส”
แล้วทำไม ESG ถึงสำคัญกับสตาร์ทอัพต่อจากนี้
เมื่อหยิบยกประเด็นคำถามนี้ถึง 3 ท่าน ต่างก็ได้หลากหลายมุมมองที่น่าสนใจ ด้านคุณโบ๊ทกล่าวว่า สตาร์ทอัพเองก็มีส่วนมาก ๆ ในวันที่ทั้งเบอร์เล็กและเบอร์ใหญ่ต่างก็มุ่งไปที่เรื่องของ ESG เหมือนกัน คือมองว่าสิ่งนี้เป็นปัญหาที่รอวันแก้ และเป็นโอกาสครั้งสำคัญ
ทางฝั่งของคุณมดเองมองว่าสตาร์ทอัพไทยเองก็ยังมีพื้นที่อีกมากในเรื่องนี้ ตลาดในบางเรื่องอย่างอีคอมเมิร์ซ ดิจิทัลแพลตฟอร์มอาจจะมีเยอะ อิ่มตัว ในขณะที่ ESG ยังเป็นเรื่องใหม่ ไม่ล้าหลังจากต่างประเทศ ถ้าเราได้เริ่มทำในตอนนี้ก็สามารถเทียบเท่าต่างประเทศได้ มี Demand ที่พร้อม มีบริษัทใหญ่ ๆ ที่ให้ความสนใจมากมาย
ส่วนของคุณเต๊ะเอง ในมุมภาครัฐก็ได้เล่าเสริมว่าจากการที่ประเทศไทยมีการประกาศเรื่อง Net zero ไปนั้น ก็ทำให้ภาคธุรกิจเล็กใหญ่ ภาครัฐเองก็ต้องมีการปรับตัว และปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้กลายเป็นบริษัทที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่างที่คุณมดกล่าวไว้ข้างต้นว่ามี Demand มากมาย แต่สิ่งที่ขาดตอนนี้คือ Solution นวัตกรรม หรือคนที่จะมาผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งสตาร์ทอัพจะสามารถเข้ามาตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี
4 เรื่องที่สตาร์ทอัพควรรู้เกี่ยวกับเทรนด์ ESG
- Climate Tech เป็นเทรนด์ที่มาแรงในไทย บริษัทใหญ่ ๆ กำลังขับเคลื่อน มี Demand แต่ยังขาด Solution
- บทบาทของสตาร์ทอัพในเรื่อง Climate Tech จะเพิ่มขึ้น เพื่อเข้าไปสร้าง Green Transformation ให้กับองค์กรใหญ่ รวมถึงตัวเองได้
- สตาร์ทอัพจะเริ่มทำ ESG ได้ต้องมี Purpose และหา Community เพื่อหาความรู้ และลองผิดลองถูก
- สตาร์ทอัพที่ทำ Climate Tech อยากได้เงินลงทุน ต้องทำสิ่งที่ Impact และสามารถวัดผลได้ ทั้งแง่บวก และแง่ลบ
เทรนด์สตาร์ทอัพต่อจากนี้
- สตาร์ทอัพจะมองเรื่อง Impact เยอะขึ้น
- สตาร์ทอัพจะไม่ได้มองเรื่อง Valuation อย่างเดียว
- ESG จะกลายเป็นหนึ่งหมุดหมายใหม่ของการทำธุรกิจยั่งยืน ที่ตัวเองต้องยั่งยืนด้วย
- นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับเรื่อง Governance มากขึ้นในกลุ่มสตาร์ทอัพ
“วันนี้สตาร์ทอัพเราควรฉลองกันที่ Impact ที่เราสร้างให้กับโลก
มากกว่าจำนวน Valuation ที่เราจะทำหรือเปล่า?”