การสื่อสาร เป็นทักษะพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของชีวิต เราจะพบว่าคนที่สื่อสารได้ดี จะมีแต้มต่อในการพัฒนาตัวเองมากมาย
ทว่าในสถานการณ์ที่มีแรงกดดันอันตึงเครียด แม้แต่นักสื่อสารที่เชี่ยวชาญก็ยังประสบปัญหาในการถ่ายทอดความคิดออกมา โดยในรายการ The ORGANICE เราจึงชวนทุกคนมาพูดคุยถึง 5 เทคนิคสื่อสารได้อย่างมั่นใจ จากในหนังสือ 'Think Faster Talk Smarter’ ของคุณแมทท์ เอบราแฮมส์ (Matt Abrahams) กัน
คุณเอบราแฮมส์ เป็นนักจัดพอดแคสต์ และที่ปรึกษาให้คนที่มักจะต้องขึ้นไปกล่าวต่อหน้าคนหมู่มาก อาทิคนที่ต้องพูดตอนรับรางวัล หรือคนที่ไปขึ้น TED Talks บนเวที จนทำให้เขาตกตะกอนได้ว่าจะจัดการสิ่งเหล่านี้ยังไง
ต้นตอของปัญหาความความตึงเครียด
- ความตื่นเต้น ที่เกิดจากความแปลกใหม่ เวลาที่เราอยู่ในสถานที่ ที่ไม่คุ้นชิน
- ความกลัว ที่เกิดจากความคิด เป็นเพราะจิตบอกเราว่า ถ้าทำเรื่องนี้พลาด หรือพูดออกไปไม่ดี จะส่งผลเสียยัง
- ความคาดหวัง ถ้าสิ่งนี้ออกมาสำเร็จแล้วเราจะทำอะไรต่อนะ มันคือการแบกความคาดหวัง ว่าอยากทำบางอย่างหลังจากสิ่งนั้นสำเร็จ
วิธีขจัดสิ่งเหล่านี้ด้วยวิธีของคุณเอบราแฮมส์
⚡ 1. SYMPTOMS & SOURCES ⚡
การเตรียมการรับมือถึงสิ่งที่ต้องเผชิญ ยกตัวอย่างเราเป็นนักเล่าเรื่องก็จริง แต่วันนึงมีคนชวนให้เราไปพูดที่อื่น จนเรารู้สึกตื่นเต้น มือสั่นเพราะถูกจ้องมองจากที่นั่งผู้ฟัง
การจะจัดการสิ่งนี้ ก็คือสำรวจให้เจอว่าเรามักจะมีอาการแบบไหนในสถานการณ์ตึงเครียด และอาการเหล่านั้นเกิดจากอะไร จากนั้นหาวิธีจัดการสิ่งนั้น ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีจัดการที่ต่างกัน
⚡ 2. MAKE MISSED TAKES ⚡
เวลาอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เราจะสื่อสารยังไงให้มั่นใจ เทคนิคนี้หมายความว่าเวลาที่เราอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เรามักจะคาดหวังความสมบูรณ์แบบ อาทิ ไปขายงานวันนี้ เราจะต้องขายผ่านได้ โดยเราคาดหวังมันเพราะเราเห็นจากนักพูดหลายคนทำได้ ซึ่งเรามักจะคิดว่าพวกเขาไม่เคยพลาด แต่ความจริงคือเขาก็มีจุดผิดพลาด แต่แค่ไม่ได้เอามาใช้ให้เราเห็น
ในสถานการณ์ตึงเครียด แทนที่เราจะคาดหวังให้เพอร์เฟกต์อย่างเดียว เราต้องบอกตัวเองเลยว่าเราสามารถพลาดได้ ซึ่งความผิดพลาดเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งของการสื่อสาร ฉะนั้นเวลาที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ถ้าเรารู้ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดให้ซักซ้อมมาก่อน จากนั้นก็จงจำไว้ว่าถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ให้คุณรู้ไว้เลยว่านี่เป็นแค่หนึ่งในกระบวนการของสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
⚡ 3. NEXT PLAY ⚡
เทคนิคนี้ คุณเอบราแฮมส์ แนะนำว่ามาจากโค้ช K (Mike Krzyzewski) โค้ช K เรียกว่าเป็นระดับตำนานของทีมชาติสหรัฐอเมริกา โดยเขาสร้างเฟรมเวิร์กให้นักบาสเกตบอลไว้ คือบาสเกตบอลเกมเนี่ยเป็นเร็ว ถ้าทำแต้มได้หรือโดนทำแต้ม ก็จงอย่ามัวตกตะลึงต่อสิ่งตรงหน้าต่อสิ่งที่เกิดไปแล้ว เพราะมันจะทำให้ NEXT PLAY ต่อไปเกิดขึ้นได้ช้าลง ซึ่งในสนามเองคู่ต่อสู้เค้าไม่ได้มาร่วมแอ็กชันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขามัวแต่จะรอเราหาโอกาสผ่อนการ์ดลง เพราะเมื่อไหร่ที่เราผ่อนการ์ด มันคือจังหวะที่เขาจะทำแต้มเพิ่มได้
Next play คือการที่บอกว่าให้เราพุ่งไปที่ข้างหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะละเลยกับสิ่งที่ผ่านไป โค้ช K สอนว่า Next จะทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบที่โอเคกับเราที่สุด เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไร จงอย่าหลงระเริงหรือเสียใจกับสิ่งตรงหน้า แต่ต้องนึกต่อเลยว่าสเตปต่อไปเราจะต้องทำยังไง
⚡ 4. PACE, SPACE, GRACE ⚡
เวลาที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน เรามักจะอยากฟังในสิ่งที่เราอยากได้ยิน จนใจร้อนตัดสินอะไรไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายครั้งเรากลายเป็นนักฟังที่ไม่ดี ซึ่ง PACE, SPACE, GRACE จะทำให้เราหาวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้
Pace คือการดึงให้ช้าลง ฟังอย่างตั้งใจฟังให้จบประโยค อย่าพึ่งพูดแทรกหรือมีคำถาม
SPACE คือมีพื้นที่ทั้งด้านกายภาพ และจิตใจในสถานการณ์ที่กดดัน ซึ่งเราควรจัดระเบียบความคิด เตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมกับการพูด ทั้งพื้นที่ในหัว และพื้นที่ข้างนอก
Grace คือการรู้คุณค่าของสถานการณ์ที่กำลังเจอในตอนนี้ เผชิญเพื่ออะไร แล้วจะมีเรื่องแบบไหนต่อจากนี้ ซึ่งเราต้องรับกับสิ่งตรงหน้าเพื่อปรับปรุง
⚡ 5. WHAT, SO WHAT, NOW WHAT ⚡
เทคนิคนี้ทำให้เราสามารถสื่อสารอย่างมีระเบียบแบบแผนมากขึ้น WHAT, SO WHAT, NOW WHAT แค่ถาม 3 คำถามนี้ก่อนที่เราจะพูด จะทำให้เราสามารถเตรียมตัวได้ดีก่อนการสื่อสาร เพราะถ้าไม่เตรียมพร้อม การฟังอาจจะพังได้
- WHAT คือจะพูดอะไร
- SO WHAT ทำไมถึงอยากจะพูดเรื่องนี้ ซึ่งต้องมากกว่าบริบทเดิม
- NOW WHAT เราจะสื่อสารยังไง แล้วต้องทำแบบไหนให้คนฟังเข้าใจ
ดูอีพีนี้เต็มรูปแบบได้ที่
