จาก Insight สู่ Innovation เจาะกลยุทธ์แคมเปญ “หมอไหน” จาก “THE KLINIQUE”

ส่องกลยุทธ์ THE KLINIQUE กับการสร้าง “Proud to be New” ความสวยในแบบที่เราภูมิใจ พร้อมอินไซต์ผู้บริโภคที่กล้าเปิดเผยเรื่องศัลยกรรมมากขึ้น สู่แคมเปญ “หมอไหน”

Last updated on พ.ย. 21, 2024

Posted on พ.ย. 21, 2024

ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน และ บราซิล

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โดยภาพรวม ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของประเทศไทยปี 2566 มีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) และคาดว่ามูลค่าธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยจะเติบโตราว 10% CAGR ในช่วงปี 2022-2030 (ที่มา : SCB EIC) แต่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) เติบโตมากกว่า 2-3 เท่าของอุตสาหกรรม เป็นการเติบโตสวนกระแส ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)

ภาพรวมการเติบโตของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มี Market Share เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มธุรกิจคลินิกความงามขนาดใหญ่ในประเทศไทย มีการเติบโตในระดับ 2 หลัก โดยในปี 2566 มีรายได้จากแผนกผิวหนังและความงาม 80.7% แผนกศัลยกรรมตกแต่ง 10.3% แผนกชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ 6.3% และแผนกลดน้ำหนักและดูแลรูปร่าง 2.7% มีการขยายสาขา 20 สาขาในปีนี้ รวมทั้งได้รับรางวัลชนะเลิศในระดับเอเชียแปซิฟิกคือ “Winner of the Ulthera Lifting Highest Achievement Asia-Pacific Award” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มีการเติบโตและได้รับความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและระดับสากล


4 กลยุทธ์ที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ใช้ในการดำเนินธุรกิจปี 2567 คือ

1. การขยายสาขา มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 20 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพ ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ย 25-30 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

2. การพัฒนานวัตกรรมความงาม เน้นนวัตกรรม เทคโนโลยี และความปลอดภัย ด้วยงบลงทุน 200 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มเครื่องมือใหม่ๆ

3. การตลาดและการสื่อสาร มุ่งเน้นกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Omnichannel สร้างการรับรู้แบรนด์และ Engagement กับผู้บริโภค จนเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยประมาณ 85% ต่างชาติ 15% ทั้งจากประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง

4. การบริการ พัฒนาด้านบริการให้มีความเฉพาะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และใส่ใจผ่านทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 คน พร้อมพยาบาลกว่า 200 คน รวมถึงพนักงานให้บริการกว่า 1,000 คน ที่ได้รับการเทรนนิ่งพร้อมรองรับลูกค้าอย่างครบวงจร

“Proud to be New” ผู้บริโภคปัจจุบันภูมิใจและกล้าเปิดเผยว่ารับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงามกันมากขึ้น

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า จากการเฝ้าสังเกตผู้บริโภคพบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีความมั่นใจและกล้าเปิดเผยในการรับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น พร้อมจะบอกต่อด้วยความภูมิใจว่าตัวเองมีวิธีการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือต้องปิดบังอีกต่อไป โดยดูได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้

  • ผู้บริโภคของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มากกว่า 75% เป็นลูกค้าที่ยินดีให้ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ทำเคสไปรีวิวต่อในโซเชียลมีเดีย และกลุ่มลูกค้าที่เข้ารับบริการการศัลยกรรมที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มากกว่า 75% กลับมาทำศัลยกรรมเพิ่มในส่วนอื่น แสดงถึงความมั่นใจที่ผู้บริโภคมีต่อ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) และแสดงถึงความต้องการในการศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้นด้วย
  • อายุของผู้บริโภคที่เข้ารับบริการคลินิกความงามมีแนวโน้มอายุน้อยลง แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่เคยทำศัลยกรรมความงามมากที่สุด คิดเป็น 35% และยังเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนของคนที่ยังไม่เคยทำ แต่มีความสนใจสูงสุดอีกด้วยเมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นอื่นๆ (ที่มา: SCB EIC)
  • คีย์เวิร์ดสูงสุด 5 อันดับแรกที่มีคนค้นหาเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามคือ
    1. ทรงจมูก 2. เสริมจมูก 3. จมูก Open (โอเพ่น) 4. ทำจมูก 5. แก้จมูก

จาก Insight สู่ Innovation แคมเปญ “หมอไหน” จาก THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อผู้บริโภคปัจจุบันมีความภูมิใจในการรับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงาม และมีความต้องการมากขึ้น THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  เองจึงใช้กลยุทธ์ “Proud to be New” ซึ่งหลอมรวมมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคปัจจุบันที่มีต่อการศัลยกรรมความงาม เข้ากับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  ภูมิใจ เกิดเป็นแคมเปญ “หมอไหน” เพื่อสื่อสารว่า การทำศัลยกรรมเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ไม่ใช่จะทำกับหมอที่ไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของหมอผู้ชำนาญการเฉพาะเท่านั้น  โดยสื่อสารผ่านบทเพลงและมิวสิควิดีโอ “หมอไหน” ร้องโดยน้ำชา ชีรณัฐ Feat. นัท นิสามณี โดยชื่อเพลงมีที่มาจากคำค้นหาที่ติดอันดับสูงสุดทางอินเตอร์เน็ตในเรื่องการทำหัตถการและศัลยกรรมที่ทีมการตลาดของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง

“แคมเปญ ‘หมอไหน’ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ที่ทำการสื่อสารรูปแบบใหม่ผ่าน Music Marketing ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คลินิกความงามจับมือกับพันธมิตรค่ายเพลงระดับโลกอย่าง Warner Music Thailand โดยมีเนื้อหาที่สะท้อนนิยามความสวยแบบใหม่


ความสำเร็จของ “หมอไหน” และก้าวต่อไปของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)

“แคมเปญ ‘หมอไหน’ เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมคลินิกเสริมความงามของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ทั้งในแง่การนำเสนอนวัตกรรมใหม่แบบ Music Marketing ร่วมกับพันธมิตรด้านดนตรีระดับโลกในการสะท้อนถึงบริบทความงามในปัจจุบันของผู้บริโภค และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น และแสดงถึงความแข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพทีมแพทย์ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) โดยปัจจุบันเพลง ‘หมอไหน’ มียอดวิวมากกว่า 1 ล้านวิวแล้วใน TikTok เป้าหมายของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) คือการไม่หยุดพัฒนาและมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อความงามมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและสามารถดูดีขึ้นในแบบที่ตัวเองต้องการ”

trending trending sports recipe

Share on

Tags