ในยุคที่สินค้าใหม่เกิดตลอดเวลา จะทำยังไงให้คนเห็นว่าสินค้าของเราแตกต่าง?
รู้จักกับศาสตร์การสร้างแบรนด์ให้แตกต่างแบบที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ จาก Session: The Art of Uniqueness ศาสตร์แห่งการสร้างแบรนด์ ให้เลียนแบบไม่ได้ โดยคุณระริน ธรรมวัฒนะ, Chief Icecream Artist and Founder, Guss Damn Good และคุณเอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์, CEO La Glace ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025
อยากสร้างสินค้าให้แตกต่าง ต้องมอบประสบการณ์ที่มีความหมาย
สำหรับ ‘Guss Damn Good’
Guss Damn Good แบรนด์คราฟต์ไอศกรีมที่แตกต่าง และน่าจดจำในยุคนี้ เริ่มมาจากคุณระริน ธรรมวัฒนะ และคุณนที จรัสสุริยงค์ ได้เจอกับคราฟต์ไอศกรีมที่มีรสชาติอร่อยที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และได้พบ Insight สุดประทับใจ คือ คนที่บอสตันกินไอศกรีมตอนหน้าหนาว เพราะว่ามันทำให้เขาคิดถึงช่วงฤดูร้อน ไม่ว่าจะเป็นพื้นหญ้าสีเขียว แสงแดดอ่อน ๆ รวมถึงการออกไปปิกนิกกับครอบครัว ซึ่งทั้งสองคนก็เห็นว่าไอศกรีมมันลึกซึ้งและมีความหมายมาก ทั้งเรื่องของ Moment และ Feeling จึงอยากนำสิ่งเหล่านี้กลับมาที่ประเทศไทย
Guss Damn Good มี Tagline ที่ว่า ‘Feeling" Crafted Ice-Cream’ คือเป็นคราฟต์ไอศกรีมที่มีความรู้สึกอยู่ภายใน และมีปรัชญาในการทำ Product Development คือ ‘Story to Flavor’
ส่วนของ Product Development กับแบรนด์อื่น ๆ Guss Damn Good มีการไป Collaboration กับแบรนด์มากมายกว่า 200 แบรนด์ จากปรัชญาดังกล่าว ทำให้ Guss Damn Good คราฟต์เรื่องราวของแบรนด์นั้น ๆ ให้มาเป็น Feeling และพัฒนาต่อมาเป็น Flavor ซึ่งก็จะทำให้สามารถส่งผ่านเรื่องราวของแบรนด์ต่าง ๆ ให้มาอยู่ในไอศกรีมได้อย่างลงตัว ซึ่งส่วนของขั้นตอนการพัฒนานั้น ทาง Guss Damn Good ก็ได้มีการพูดคุยกับแบรนด์ และเอา Key Message หรือโจทย์ของเขา เช่น สิ่งที่ต้องการสื่อ, วัฒนธรรม, สีของสินค้า มาอยู่ในรสชาติของไอศกรีม Guss Damn Good ให้ได้
ส่วนของ Product Development ของ Guss Damn Good ในตอนนี้ Guss Damn Good มี Outlet มากถึง 18 สาขา คุณระริน ธรรมวัฒนะ เล่าว่าลูกค้าที่มากินไอศกรีมก็จะชอบกินไอศกรีมที่เป็นสกู๊ป และทางแบรนด์เองก็อยากที่จะขยี้ประสบการณ์ของลูกค้า ให้มากกว่าการกินไอศกรีมแค่หนึ่งสกู๊ป จึงออก ‘Sundae in a cup’ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากว่าลูกค้าได้กินไอศกรีมที่มี Texture หลากหลาย เช่น อุณหภูมิของไอศกรีม
โดยจะเห็นว่าสินค้าที่ออกมานอกจากสามารถมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้แล้ว ยังมอบความแปลกใหม่จากสิ่งที่ดูไม่น่าเข้ากันให้ออกมาลงตัวได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ Guss Damn Good ทำเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์นั่นเอง
สำหรับ ‘La Glace’
La Glace เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้ ซึ่งคุณเอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ ก็ได้กล่าวว่า แกนหลักของ La Glace คือการแบ่งการออกสินค้าใหม่เป็น ‘50/50’
50% แรก ในส่วนแรก มาจาก การทำตามใจสิ่งที่ต้องการจะออก ไม่ได้ดูในเรื่องของเทรนด์ตลาด และ Data แต่แค่รู้สึกว่าบางครั้งการที่เราสร้างสิ่งใหม่บางอย่าง เราไม่สามารถที่จะถามลูกค้าได้ ซึ่งสินค้าในส่วนนี้จะเน้นในความ Creative หรือเรียกอีกอย่างว่า Fresh Idea
คุณเอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ ก็ได้แชร์ว่า Fresh Idea ที่ได้มาบางครั้งมันก็เกิดจากการปล่อยใจ หรือการเสพอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การหาไอเดียจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว, ต่าง Industry หรือหาจากสิ่งที่ไม่คิดจะทำแล้ววันหนึ่งมันก็จะค่อย ๆ ประกอบร่างออกมาเป็น Idea เอง
50% ที่สอง ในส่วนนี้จะทำโดยการ Matching ในเรื่องของ Data ดูว่า เทรนด์ไหนกำลังมา เช่น ตอนนี้เทรนด์ผิวฉ่ำวาวกำลังมาแรง ก็จะออกสินค้าประมาณนั้นและดัดแปลงบางอย่างที่เป็นตัวตนของ La Glace เข้าไปในสินค้าชิ้นนั้น แล้วจึงปล่อยสินค้าชิ้นนั้นออกมาสู่ตลาด
สร้าง Branding ให้น่าจดจำ จากการทำตัวเป็นนักเล่าเรื่อง ฉบับ ‘Guss Damn Good’
สำหรับ ‘Guss Damn Good’
เรื่องของ Branding ทาง Guss Damn Good มี 4 เรื่องที่เป็นสิ่งที่แตกต่าง ประกอบด้วย
1. Fun: โดย Guss Damn Good เองสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูมีความสนุกสนาน ให้กับคนที่มองเข้ามาที่แบรนด์
2. Attention to Detail: สำหรับ Guss Damn Good เองก็พยายามที่จะส่ง Attention to Detail ต่าง ๆ ให้ลูกค้า เช่น ไอศกรีมที่มีลูกเล่นในการกิน กินเข้าไปแล้วเจอส่วนผสมต่าง ๆ หรือทางฝาของ Product เองก็เป็นลายมือ
3. Bold: ทาง Guss Damn Good กล้าทำในสิ่งที่หลาย ๆ แบรนด์ไม่กล้าทำ เช่น ทำไอศกรีมรสชาติห่านพะโล้ เป็นต้น
4. Storyteller: แบรนด์ Guss Damn Good เองเป็นนักเล่าเรื่องอีกหนึ่งคนที่เล่าเรื่องผ่านไอศกรีม
สำหรับการ Collaboration กับแบรนด์อื่น นอกจาก Guss Damn Good จะเข้ามาช่วยในการเล่าเรื่องแล้ว ก็ยังเข้ามาช่วยสร้างอารมณ์ (Emotional) ให้กับลูกค้าแบรนด์นั้นด้วยเช่นกัน
สร้าง Branding และ Marketing ให้น่าสนใจ ด้วยการใส่ ‘จริต’ ที่ใช่ลงไปในแบรนด์ ฉบับ ‘La Glace’
สำหรับ ‘La Glace’
เรื่องของ Branding ทาง La Glace มองว่า Branding คือ สิ่งที่เราเป็นและพยายามจะสื่อสิ่งที่เป็นออกให้กับลูกค้าที่มองมา สิ่งนั้นคือ ‘ความมั่นใจ’ เพราะความมั่นใจคือแกนสำคัญที่จะทำให้เราใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องกังวล ทั้งความมั่นใจในตัวเอง, หน้าตา, เสื้อผ้า, ทรงผม และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่ง La Glace ต้องการจะสื่อว่า ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์เครื่องสำอาง แต่เป็นแบรนด์ที่ต้องการสื่อจริตให้ลูกค้า และไม่ว่าเดินไปที่ไหนก็สามารถที่จะ Empower คนอื่น ๆ ได้ โดยส่งมอบจริตเหล่านั้นได้ผ่านการถ่ายแบบที่ La Glace อยากนำเสนอ
โดย La Glace แบ่งการทำ Marketing เป็น 2 เรื่อง ได้แก่
เรื่องแรกที่เป็นเรื่องหลัก คือ การผลิต Content ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีกฎกติกาต่างกัน La Glace ก็พยายามทำให้ถูกกฎกติกาตรงนั้น เพื่อนำส่งให้ถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งทางแบรนด์เองก็มีทีม Content ที่มีโครงสร้างสูตรสำเร็จ ที่รู้ได้ว่าเมื่อเราปล่อยคลิปออกมามันจะออกมาดีแน่นอน ก็เลยทำให้อัตราความสำเร็จสูงขึ้น รวมถึงทำงานกับทีม Data ที่รับฟังลูกค้า เมื่อเวลาปล่อยอะไรไปมันก็จะตรงจุดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
เรื่องที่สอง คือการทำ Billboard โดย Location ที่เลือกใช้ในแต่ละครั้งมาจาก Data Tracking ดูว่าจังหวัดไหนคนซื้อเยอะมากที่สุด ก็จะทำในพื้นที่นั้น ซึ่งใน Billboard ก็จะใช้ Visual และ Tagline เพื่อดึงดูดให้คนอ่านกลับมาอ่านซ้ำ
3 บทเรียนสำคัญที่ต้องรู้ ถ้าอยากเป็นผู้ประกอบการในยุคนี้
1. การเป็นผู้ประกอบการ ต้องมาพร้อมความเสียสละ ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นผู้ประกอบการ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความเสียสละ เพราะไม่มีช่วงเวลาเริ่มงาน-เลิกงานที่ชัดเจนขนาดนั้น และเรายังคิดถึงธุรกิจของเราตลอด เหมือนกับเรา Include ธุรกิจที่ทำเข้ามาจนมันกลายเป็น lifestyle ของเราไปโดยปริยาย ดังนั้นหากใครจะมาเป็นผู้ประกอบการก็ต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ไว้
2. การเป็นผู้ประกอบการ ต้องยอมเหนื่อยเพื่อผลักดันสิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้น เช่น เทคนิค ‘80/20’ ดังนี้
20% คือ บางครั้งเราอาจจะมีความสุขกับสิ่งที่เราทำได้เพียงแค่ 20% ของวันเท่านั้น หรือคือ Joy ของเราในการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ วัน
80% คือ มีงานอีก 80% ที่อาจจะเป็นงานที่เราไม่อยากทำในแต่ละวัน แต่เราต้องทำเพื่อที่จะผลักดันให้ 20% ของเรามันเกิดขึ้นได้
3. อุปสรรคจะทำให้เราเติบโตขึ้น เมื่อเป็นผู้ประกอบการไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงความล้มเหลวได้ แต่ขอให้กล้าที่ลงมือทำมัน เมื่อเราผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ จะทำให้เรามีสติในการจัดการกับเรื่องบางอย่างมากขึ้น ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เพราะบทเรียนที่ดีที่สุดคือ ‘การที่เราล้มเหลว และการที่เราแก้ไขมัน’
และนี่คือสรุปเรื่องราวการสร้างแบรนด์ของ 2 แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำในยุคนี้ จาก Session: The Art of Uniqueness ศาสตร์แห่งการสร้างแบรนด์ ให้เลียนแบบไม่ได้ โดยคุณระริน ธรรมวัฒนะ, Chief Icecream Artist and Founder, Guss Damn Good และคุณเอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์, CEO La Glace ในงาน ลงทุนแมน SUMMIT 2025