หากคุณเดินเข้าเซเว่น ช่วงนี้แล้วพบชั้นวาง ‘แหนมตุ้มจิ๋ว’ ของแบรนด์ ‘แหนมดอนเมือง กม. 26’ ว่างเปล่า นั่นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นผลจากกระแส #แหนมบอร์ดดอนเมือง
ซึ่งถูกจุดประกายโดย ‘แม่ตุ๊ก’ อินฟลูเอนเซอร์คุณแม่สายลองที่หยิบแหนมดอนเมือง กม. 26 มาจัดคู่มะม่วงเปรี้ยว ผักสด และน้ำพริกกากหมู วางบนเขียงสวยๆ ราวกับชีสบอร์ด คอนเทนต์นี้โดนใจชาวเน็ตทันทีเพราะใช้ของที่หาได้ในเซเว่นทั้งหมด จนถูกตั้งชื่อจากชาวเน็ตว่า 'แหนมบอร์ดแม่ตุ๊ก'
จุดแข็งของไวรัลนี้อยู่ที่ส่วนผสมหาง่ายในร้านสะดวกซื้อ เทคนิคจัดจานที่ถ่ายรูปขึ้น และบุคลิกเป็นกันเองของผู้รีวิว ทำให้ผู้ชมรู้สึก ‘ทำได้จริง’ จึงเกิดกระแสตามรอย ถ่ายคลิป ‘กินตามแม่ตุ๊ก’ พร้อมทั้งคอนเมนต์ ตั้งชื่อ พร้อมเรียกสิ่งนี้ว่า ‘แหนมบอร์ดดอนเมือง’
กระแสดังกล่าวกลายเป็นคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคสร้างขึ้นเอง (User-Generated Content) ส่งต่อพลังบอกต่อแบบไม่ต้องซื้อสื่อ อีกทั้งช่วยยกระดับแหนม อาหารพื้นบ้านของไทยให้กลายเป็นเมนูที่อยู่ได้ทุกที่ทุกเวลาของคนรุ่นใหม่
ผ่านมาไม่นาน ยอดจำหน่าย ‘แหนม Party Pack’ และแพ็กมาตรฐานในเซเว่น พุ่งสูงจนขาดตลาด พร้อมแรงต่อยอดเมนูหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แหนมบอร์ดวันเกิด แหนมบอร์ดสายเผ็ด หรือแหนมบอร์ดโคเรีย ที่จับคู่กิมจิได้อย่างลงตัว
ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำพลัง storytelling ผนวกพลัง อินฟลูเอนเซอร์ ช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงง่าย และการตลาดแบบ organic บนพื้นฐาน insight จริงของผู้บริโภค
นับเป็นตัวอย่างชัดเจนว่า เมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมออกแบบประสบการณ์ แบรนด์ย่อมได้รับทั้งยอดขายและ Brand Equity โดยไม่ต้องใช้เม็ดเงินโฆษณามหาศาล ขณะเดียวกันแบรนด์ได้รับภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะสินค้าร่วมสมัย