💼 ซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) อาจทำให้ใครหลายคน “อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ” แต่บอกเลยว่าชีวิตเจ้าของธุรกิจไม่หมูอย่างที่คิด มาอุ่นเครื่องความรู้กันแบบเบา ๆ ก่อนเริ่มงาน CTC2025 กับบทเรียนธุรกิจจากพี่หมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์
ซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) จุดไฟให้หลายคนอยากลุกขึ้นมาเปิดธุรกิจ อยากเป็น "หัวแถว" ในสนามจริง แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณอยากเริ่มทำธุรกิจแต่กลับไม่มีทีม, ไม่มีทุน, ไม่มีชื่อเสียง คุณจะยังมีสิทธิ์สร้างธุรกิจให้มันเกิดขึ้นจริงได้ไหม
วันนี้ CREATIVE TALK ได้รับเกียรติจากทาง พี่หมู - ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ CEO and Co-Founder Ookbee หนึ่งในผู้ประกอบการและนักลงทุนผู้คลุกคลีทั้งฝั่ง Startup และ SME มาพูดเรื่อง "การเริ่มต้นทำธุรกิจ" ซึ่งไม่ใช่เรื่องของใจเพียงเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของมุมมอง วิธีคิด และความกล้าเสี่ยงอย่างชาญฉลาด รวมถึงพี่หมูยังเป็นหนึ่งใน Special Guest คนสำคัญจากงาน CTC2025 ที่มาจัดความรู้กันเบา ๆ ให้เราก่อนเริ่มงาน
💼 ถ้ารอพร้อมก่อน คุณอาจไม่ได้เริ่ม ธุรกิจเริ่มได้ ถ้ากล้าลอง แต่ต้องลองอย่างฉลาดรู้ รวม 8 บทเรียนสำคัญจากประสบการณ์ของ ‘Shark หมู’
🎯 1. อย่ารอให้พร้อม...เพราะคุณจะไม่มีวันพร้อม
หลายคนเข้าใจผิดว่าการเริ่มธุรกิจต้องรอพร้อมก่อน ต้องมีเงิน, ต้องมีทีม, ต้องมีแผนเป๊ะ ๆ แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะคนที่เริ่มต้นส่วนใหญ่ไม่มีใครพร้อมหรอก แต่ที่เริ่มได้เพราะ ‘กล้าเริ่ม’ ต่างหาก ซึ่งพี่หมูเองก็ได้แนะนำว่า วิธีที่ดีที่จะเริ่มต้นในการเป็นเจ้าของธุรกิจคือเริ่มจาก “ทำอะไรที่มันเล็ก ๆ ก่อน” ตัวอย่างเช่น
- ขายของที่ไม่ต้องสต็อกเอง อย่าง Affiliate ก็เป็นหนึ่งในเคสที่ดี
- ลองเริ่มต้นเป็นเจ้าของอย่างการสร้างเพจ, ทำช่อง TikTok
สิ่งสำคัญมาก ๆ ของการเริ่มต้นที่ดี คือการใช้เงินน้อยแต่เรียนรู้เยอะ อย่าเริ่มโดยการ All-In ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเก็บทั้งหมด ลองเล็ก ๆ ก่อน ผิดก็ถือเป็นค่าเล่าเรียนที่ดี
🎯 2. ถ้าไม่มี ‘ของใหม่’ ก็หา ‘ตลาดใหญ่’ ไว้ก่อน
อยากสร้างธุรกิจให้ไปได้เร็ว ไม่ต้องมีไอเดียที่เวอร์วัง บางครั้งถ้าเจอตลาดที่ใหญ่พอก็สามารถสำเร็จได้ พี่หมูแนะนำชัดเจนว่า ควรเริ่มจากตลาดที่ใหญ่พอจะทำให้ธุรกิจโตได้จริง เช่น ตลาดอาหาร, ตลาดแฟชั่น, ตลาดความงาม เพราะมีพฤติกรรมการจับจ่ายอยู่แล้ว ตลาดพวกนี้มีผู้เล่นเยอะก็จริง แต่ถ้ามี Innovation เล็ก ๆ หรือสร้างความแตกต่างในธุรกิจที่จับใจลูกค้าได้ ก็มีโอกาสชนะได้เหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น ลัคกี้สุกี้, MizuMi, GENTLEWOMAN แบรนด์เหล่านี้ไม่ได้เริ่มจากการสร้างอะไรใหม่ แต่ “ปรับใหม่ให้ตอบโจทย์กับลูกค้า” เพราะบางครั้งนวัตกรรม ไม่ได้แปลว่าเทคโนโลยีใหม่เท่านั้น แต่มันคือ ‘มุมใหม่ในการขายของเดิม’
เทคนิคสำคัญคือ การมองหาความแตกต่างในโมเดล เช่น ร้านเปิด 24 ชม., ราคาย่อมเยา, ขายผ่าน TikTok, แบรนด์สำหรับคนแพ้ง่าย เป็นต้น จงจำไว้ว่าอย่าโฟกัสแค่ ‘Idea’ แต่ต้องมอง ‘Execution’ ว่าใครทำได้ดีกว่ากัน เพราะไอเดียที่ดี มีโอกาสโดนก๊อปปี้กันได้ แต่สุดท้ายผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินจากการที่แบรนด์ หรือธุรกิจได้ลงมือทำ พิสูจน์ให้เขาได้เห็น
🎯 3. การมี Partner ไม่ได้แปลว่าเสี่ยงโดนขโมยไอเดียในโลกธุรกิจ
ไม่มีใครรอดได้คนเดียว การมีเพื่อนร่วมทางที่รู้จักเติมเต็มในสิ่งที่คุณไม่มี เป็นเรื่องจำเป็น และการกลัวว่าไอเดียจะถูกขโมยอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่สำคัญกว่ามาก เพราะ "ไอเดียไม่ใช่สิ่งที่มีมูลค่าที่สุด แต่ความสามารถในการทำให้ไอเดียนั้นสำเร็จต่างหากที่สำคัญ"
หนึ่งในเทคนิคจากพี่หมูคือ อย่ากลัวที่จะเปิดเผย Business Model เพราะคู่แข่งสามารถเรียนรู้จากผลิตภัณฑ์จริงในตลาดได้อยู่แล้ว ถ้าหากใครได้ดูซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) จะเห็นฉากที่ ตัวละครอย่าง ‘สันติ’ ได้เดินทางไปที่จีนแล้วเห็นธุรกิจขนส่งที่นั่น จึงเกิดเป็นไอเดียที่อยากจะนำมา
เพราะในท้ายที่สุดของการทำธุรกิจ คนที่โฟกัสไปที่ Execution หรือการลงมือทำอย่างเต็มที่ โฟกัสที่เป้าหมาย กลุ่มลูกค้า, ความต้องการของผู้บริโภค และสร้างทีมที่ไว้ใจได้ มีการแบ่งผลประโยชน์ชัดเจนตั้งแต่ต้น มักจะเป็นผู้เล่นในตลาดที่อยู่รอดได้ มากกว่าคนที่กลัวโดนก๊อบไอเดียจนไม่กล้าลงมือทำ
🎯 4. ไม่มีเงินเยอะ ไม่ใช่ปัญหา ถ้าคุณเข้าใจ “Cash Flow”
80% ของบริษัทที่เจ๊ง ไม่ใช่เพราะของไม่ดี แต่เพราะ “เงินหมด” อย่ามองข้ามการบริหารเงินตั้งแต่วันแรก พี่หมูบอกว่า “ในช่วงแรกยังไม่ต้องมี CFO ก็ได้ แต่ต้องมีคนหนึ่งในทีมที่รู้ว่า เงินเดือนจ่ายได้อีกกี่เดือน กำไรจริงเท่าไหร่ ใช้เงินเพื่ออะไร”
แรก ๆ ใช้ Excel ธรรมดา ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย และเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น เราค่อยจ้าง CFO หรือหา Co-founder ที่ถนัดตัวเลขมาช่วย
🎯 5. การเงินสำคัญกว่าที่คิด จัดการ Cash Flow ตั้งแต่เริ่ม
การบริหารกระแสเงินสดคือหัวใจของธุรกิจ ถ้าไม่มีคนดูแลการเงินให้ดี ต่อให้ยอดขายสูงแค่ไหนก็ไปไม่รอด พี่หมูย้ำว่าอย่างน้อยต้องมีคนในทีมที่ดูแลการเงิน หรือมีระบบบัญชีที่ชัดเจน
"เจ้าของธุรกิจต้องรู้ว่าเดือนหน้าเราจะจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ไหม ไม่ใช่แค่ขายดีวันนี้"
ดังนั้นช่วงแรก ๆ ของการเปิดธุรกิจ ยังไม่จำเป็นต้องมี CFO ตั้งแต่แรกก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีคนที่ดูแลบัญชี และเข้าใจรายรับรายจ่ายพื้นฐาน อาจเป็น Co-founder ที่ถนัดด้านตัวเลข หรือใช้ Outsource ในช่วงเริ่มต้นก็ได้
🎯 6. อย่ากลัวยักษ์ใหญ่ เพราะจุดแข็งของเราคือ ‘เล็กแต่คล่องตัว’
ธุรกิจใหญ่ทำบางอย่างไม่ได้ เช่น การบริการที่เป็นกันเอง, ความเร็วในการปรับตัว หรือการทดลองสิ่งใหม่ ๆ ได้ทันที นั่นคือโอกาสของผู้ประกอบการหน้าใหม่ในการเข้าไปครองใจลูกค้าก่อน
สิ่งสำคัญคือ "การรู้จุดแข็งของตัวเอง และจุดอ่อนของคู่แข่ง แล้วเล่นตรงนั้นให้เต็มที่"
ยักษ์ใหญ่อาจมีทุนมาก แต่เคลื่อนตัวช้า ผู้ประกอบการจึงสามารถเก็บ Pain Point เล็ก ๆ เช่น ความเร็วในการส่งของ, บริการหลังการขาย, หรือความเป็นกันเอง แล้วกลายเป็นความแตกต่างที่ลูกค้าจดจำได้
🎯 7. ธุรกิจคือการเดินทาง: คุณต้องพัฒนาไปพร้อมกับมัน
อย่าเทียบตัวเองกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแล้ว เพราะเขาเคยอยู่จุดเริ่มต้นแบบคุณมาก่อน ทุกก้าวที่คุณลองขาย คุยกับลูกค้า แก้ปัญหา คือการพัฒนาทั้งธุรกิจและตัวคุณเอง
"มันไม่ใช่แค่ธุรกิจโต แต่ตัวคุณเองก็จะเก่งขึ้นจากทุกครั้งที่ลงมือทำ"
ดังนั้นช่วงเริ่มต้น เริ่มจากเพื่อน, ญาติ หรือคนใกล้ตัวเป็นลูกค้าชุดแรก
- ลองรับฟีดแบ็ก, ปรับสูตร, ปรับบริการก่อนออกตลาดจริง
- ทดลองขายแบบ Soft launch กับเพื่อน เพราะมีหลายธุรกิจที่เริ่มเปิดใหม่ ก็จะเริ่มจากการให้ครอบครัว, เพื่อน มาเริ่มอุดหนุนก่อน เพื่อดูว่าสินค้าหรือบริการเราต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ซึ่งเส้นทางนี้อาจช้าหน่อย แต่จะมั่นคง
🎯 8. มี Mentor ดีกว่าคิดทุกอย่างคนเดียว
ถ้าอยากโตเร็วขึ้น ให้หาคนที่เคยผ่านสนามนี้มาแล้วมาช่วยชี้ทาง ไม่ว่าจะในฐานะ Co-founder, ที่ปรึกษา หรือแม้แต่เพื่อนที่เคยทำมาก่อน เพราะการมีคนเตือนเมื่อหลงทิศ คือสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจไม่หลง และหลุดไปจากเส้นทาง
"อย่าเดินคนเดียว เพราะคนที่เคยผ่านมาก่อนจะทำให้เราไม่ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดซ้ำ ๆ"
หนึ่งในเทคนิคจากพี่หมูคือ หากหา Co-founder ที่มีประสบการณ์ไม่ได้ ให้เริ่มจากการมี Advisor หรือ Mentor ที่เข้าใจธุรกิจในสายเดียวกัน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ในวงการที่พร้อมให้คำปรึกษา เช่น นักลงทุนร่วม, รุ่นพี่ธุรกิจ, หรือแม้แต่คนที่เคยล้มมาก่อน
💼 สุดท้ายนี้ถ้าเป็นแค่ Underdog หรือผู้ประกอบการตัวเล็ก จะสู้ยักษ์ใหญ่ได้ยังไง หนึ่งในคำถามที่อยู่ในใจของผู้ประกอบการหน้าใหม่แทบทุกคน
พี่หมูได้ทิ้งท้ายไว้น่าสนใจว่า
“เริ่มจากการรู้ว่าเรา ‘ต่าง’ ตรงไหน และเค้า ‘ช้า’ ตรงไหน” แน่นอนว่า ยักษ์ใหญ่อาจมีเงิน, มีชื่อเสียง, มีทีมพร้อม แต่สิ่งที่เขาไม่มีคือ ‘ความคล่องตัว’ เขาต้องรออนุมัติหลายชั้น เขาปรับเปลี่ยนช้า, เขาอาจไม่ได้ใกล้ลูกค้าเท่าคุณ ในขณะที่คนที่ยังตัวเล็ก ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด คุณเปลี่ยนได้เร็ว, พูดกับลูกค้าเองได้, ลองผิดลองถูกได้ทุกวัน
เพราะสุดท้ายแล้ว
“บริษัทเนี่ยมันจะเติบโตได้ มันขึ้นอยู่กับความฝันของเจ้าของ”
พี่หมูได้เล่าเพิ่มเติมต่อถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากทั้งในซีรีส์และชีวิตจริง ว่าเจ้าของธุรกิจคือ “ต้นทางของทุกอย่าง” ถ้าเจ้าของกล้าฝันใหญ่ ธุรกิจก็มีสิทธิ์โตใหญ่ เหนื่อยเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกจะเหนื่อยแล้ว ผลลัพธ์มันยิ่งใหญ่กว่า ก็คุ้มใช่ไหม?
เพราะเหมือนที่ซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) ได้บอกไว้ว่า “ถอนขนนกตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มันใช้เวลาเท่ากัน”
สุดท้ายไม่ใช่แค่เรื่องจะสู้ใครได้หรือเปล่า ‘แต่เป็นคุณกล้าฝันไกลแค่ไหน’ ถ้าวันนี้คุณมีแค่ไอเดีย แต่เต็มไปด้วยความกล้า กล้าคิดต่าง กล้าลงมือทำ จงเริ่มจากตลาดที่ใหญ่พอ แล้วหาจุดเล็ก ๆ ที่คุณจะทำให้ “ดีกว่า” “เร็วกว่า” “ใกล้กว่า” ได้
เพราะโลกธุรกิจไม่เคยปิดโอกาสให้คนตัวเล็ก มันแค่รอให้คุณกล้าฝันใหญ่ พอที่จะวิ่งเข้าไปแย่งที่ของคุณ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อหาจาก พี่หมู - ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ CEO and Co-Founder Ookbee และแน่นอนว่าภายในงาน CTC2025 เราจะได้มาเจาะลึกอีกมาก! ถึงการทำธุรกิจที่ยังมีอีกหลายมิติให้เจ้าของธุรกิจได้ศึกษา อัปเดตเทรนด์ความรู้ พร้อมจะเป็นพื้นที่แห่งการทดลอง และมอบเครื่องมือสำคัญให้กับทุกคนได้เข้าใจโลกของการทำธุรกิจ ในครึ่งปีหลังต่อจากนี้!
SUPALAI Presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 งานมหกรรมความรู้ ที่จะอัปเดตเทรนด์ มุมมอง เทคนิค และเรื่องราวเบื้องหลังธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร และคนวงการมากมาย
🎟 บัตร Conference ราคา 1,990 บาท
👉 ซื้อบัตรเลยที่ https://bit.ly/44zvbtO

บัตร Conference ทำอะไรได้บ้าง
- ร่วมงานได้ทั้ง 2 วันเต็ม (4–5 ก.ค. 2025)
- ดูย้อนหลังทุก Sessions ได้ 6 เดือน
- After Party สนุกแบบไม่ต้องห่วงเนื้อหา
- ลุ้นของจากพาร์ทเนอร์ & สนุกกับบูธกิจกรรมเพียบ!
ปักหมุดวันให้พร้อม แล้วมาเจอกัน ที่งาน SUPALAI Presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2025
📌 ศุกร์ 4 ก.ค. - เสาร์ 5 ก.ค. 2025 (Conference Day)
📌 ที่ Bhiraj Hall, BITEC Bang na
แล้วพบกับวัน Focus Workshop Day สุดเข้มข้น
📌 พุธ 2 ก.ค. 2025
📌 ที่ Bhiraj Hall, BITEC Bang na
*บัตร Focus Workshop รอติดตามข้อมูล และราคาบัตรเร็ว ๆ นี้
สัมภาษณ์: ชญานิศ จำปีรัตน์
เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ