ถอดรหัสการดูแลคน 1,500 ชีวิต ที่ใช้ใจนำหน้าตัวเลข โดยศุภาลัย

ถอดบทเรียน ‘ศุภาลัย’ องค์กรที่ดูแลพนักงานกว่า 1,500 คน เขาทำอย่างไรให้คนอยากตื่นไปทำงานในทุกวัน และยังสร้างงานที่มีความหมาย และสวัสดิการที่เลือกเองได้ ไม่ใช่องค์กรจัดการให้เพียงอย่างเดียว

Last updated on ธ.ค. 19, 2025

Posted on ธ.ค. 19, 2025

ในวันที่โลกการทำงานไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย “เงินเดือน” เพียงอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วย “ความหมาย” และ “ความสบายใจ” คำถามสำคัญที่องค์กรยุคใหม่ต้องตอบให้ได้อาจไม่ใช่ “ปีนี้เราจะให้โบนัสเท่าไหร่?” แต่คือ “เราจะสร้างพื้นที่แบบไหน ให้พนักงานอยากตื่นมาทำงานในทุกๆ วัน?”

หลายองค์กรยังคงติดกับดัก “สวัสดิการเสื้อโหล” (One-Size-Fits-All) ที่แจกเหมือนกันทุกคนแต่กลับไม่มีใครได้ใช้จริง แต่สำหรับ “ศุภาลัย” องค์กรที่ดูแลพนักงานกว่า 1,500 ชีวิต กลับเลือกที่จะฉีกตำราเดิมๆ ทิ้ง และหันมาออกแบบวัฒนธรรมองค์กรด้วย Empathy

CREATIVE TALK ชวนถอดบทเรียน Employer Branding ฉบับศุภาลัย ที่พิสูจน์ว่าการดูแลคนไม่ใช่แค่หน้าที่ของ HR แต่คือ “ยุทธศาสตร์” ที่ต้องใช้ความเข้าใจนำหน้ากฎระเบียบ


ไม่ใช่เงินเดือนที่เยอะที่สุด แต่ต้องเป็น ‘งานที่มีความหมาย’

จาก Insight ของศุภาลัย พบว่าสิ่งที่คนทำงานยุคนี้โหยหามากที่สุด 3 อันดับแรก ไม่ใช่ตัวเงิน แต่คือ

1. Purpose หรือ การทำงานที่มีความหมายและเป้าหมาย คนทำงานไม่ได้ทำงานให้จบไปวัน ๆ  แต่ต้องรู้ว่า สิ่งที่ทำไปมีความหมายอะไร มีผลกระทบต่อองค์กร สังคม หรือโลกใบนี้อย่างไรบ้าง 

2. Well-being หรือ ความอยู่ดีมีสุข ในที่นี้ไม่ได้มีเพียงวันลาพักร้อนหรือสวัสดิการทั่ว ๆ ไป แต่พนักงานต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีครอบคลุมตั้งแต่ร่างกาย จิตใจ การเงิน ครอบครัว และสังคม

3. Psychological Safety หรือ ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในที่ทำงาน พนักงานจะกล้าแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกปลอดภัยที่จะกล้าทำในสิ่งนั้น ๆ 

สวัสดิการอื่น ๆ ที่เป็นรูปธรรมยังเป็นสิ่งจำเป็นในองค์กร แต่มากไปกว่านั้น คือ ‘งานที่มีความหมาย’ ผู้บริหารอธิบายว่า งานจะมีความหมายได้ต้องเริ่มจากการตั้งเป้าหมายชิ้นใหญ่ขององค์กร ที่ศุภาลัยจัดทำ ‘KPIs Alignment’ ทุกปี เพื่อให้พนักงานเห็นเป้าหมายใหญ่ตรงกัน

หลังจากนั้นจึงเชื่อมโยงสู่เป้าหมายเล็ก ๆ  ของแต่ละส่วน แต่ละคน เพื่อให้คนทำงานรู้สึกยึดโยง-เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับองค์กร เพราะ ‘งานที่มีความหมาย’ จะสมบูรณ์ครบถ้วนในตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อพนักงานรู้สึกมั่นคง ได้รับการดูแลที่ดี อยู่ดีมีสุขทั้งร่างกาย จิตใจ การเงิน ครอบครัว และสังคม

สำหรับความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในที่ทำงาน ก็เป็นส่วนที่หลายองค์กรอาจเผลอมองข้ามไปได้เพราะไม่มีตัวเลขชี้วัดอย่างชัดเจน แต่เชื่อหรือไม่ว่า นี่คือปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามากำหนดคุณภาพการทำงานในยุคนี้อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งที่คนทำงานต้องการจริง ๆ  คือบรรยากาศที่เอื้อให้พวกเขามีความกล้า กล้าลองผิดลองถูก กล้าล้ม กล้าผิดพลาด ไม่ต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลาก็ได้ 

‘ศุภาลัย’ ยึดแนวคิดนี้เป็นแกนกลาง จึงออกแบบการทำงานแบบ ‘Agile Team’ ผ่านแนวคิด ‘Right to Fail’ มีระบบฟีดแบ็กระหว่างแผนก เพื่อทำให้พนักงานรู้สึกว่า เสียงของพวกเขามีความหมาย และองค์กรก็พร้อมสนับสนุนทุกการเติบโต ทุกการเรียนรู้ 


‘AI’ ยังแทนคนไม่ได้ ‘ESG’ กลายเป็นเรื่องหลักขององค์กร

แม้ว่า ‘ศุภาลัย’ จะให้ความสำคัญกับพนักงานมาก แต่ก็ไม่ได้ แปลว่า จะตัดขาดจากเทคโนโลยีไปดื้อ ๆ ในทางกลับกัน องค์กรต้องเปลี่ยนโจทย์ ให้ ‘คน’ กับ ‘เทคโนโลยี’ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน 

การทำงานร่วมกับ AI จะกลายเป็นทักษะใหม่ที่โลกต้องการ AI จะเข้ามามีบทบาทแทบทุกส่วนงาน อาจเข้ามาแทนที่ทักษะบางอย่าง แต่สิ่งที่เทคโนโลยีเหล่านี้ยังทำแทนไม่ได้ เช่น ทักษะ ‘Empathy’ และทักษะ ‘Critical Thinking’ ฉะนั้น องค์กรต้องทำหน้าที่กำกับดูแล AI มากกว่าจะกลัว AI เข้ามาแย่งงาน พร้อม ๆ ไปกับสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ให้คนทำงานด้วย

อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ‘ESG’ ที่จะกลายเป็น ‘มาตรฐานใหม่’ บนโลกการทำงาน ผู้บริหารมองว่า ‘ESG’ กำลังขยับปรับเปลี่ยนจากความรับผิดชอบ สู่ ‘ยุทธศาสตร์หลัก’ ไม่ใช่แค่ลดผลกระทบ แต่ต้องสร้างโปรดักต์ที่เติบโตไปพร้อมกับโลก การทำ CSR ต้องครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน รวมถึง ‘ธรรมาภิบาล’ ที่กำลังจะขยายไปยังความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความโปร่งใสในทุก ๆ  ขั้นตอน


หมดยุค ‘สวัสดิการสำเร็จรูป’ ฟังเสียงพนักงานสำคัญที่สุด

ปัจจุบันองค์กรไม่ได้มีคนเพียง 1-2 เจเนอเรชัน แต่ยังเต็มไปด้วยอายุและเพศที่หลากหลาย ผู้บริหาร ‘ศุภาลัย’ มองว่า ‘One size fits all’ ในยุคนี้ไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องยืดหยุ่นและเข้าใจชีวิตพนักงานมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การให้อิสระในการเลือกแผนค่ารักษาพยาบาลให้เหมาะกับช่วงอายุ สุขภาพ และความต้องการของแต่ะละคน รวมถึงการให้ความเท่าเทียมด้านสวัสดิการกับพนักงานที่มีความหลากหลาย ทั้งส่วนลดสำหรับซื้อที่อยู่อาศัย เงินช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ครอบคลุมไปถึงพนักงาน LGBTQIAP+ 

สวัสดิการที่ ‘ศุภาลัย’ มีให้เลือกมากถึง 40 รายการ โดยเกิดจากการค้นพบอินไซต์ของพนักงานแต่ละกลุ่มแล้วหยิบมาพัฒนาให้ตอบโจทย์อย่างต่อเนื่อง อาทิ สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุมไปถึงทันตกรรม สายตา จิตใจ และการป้องกันโรคผ่านการฉีดวัคซีน มีสวัสดิการที่ครอบคลุมถึงครอบครัวพนักงาน เช่น กระเช้าเยี่ยมไข้ เงินช่วยเหลืองานศพ งานสมรส ทุนการศึกษาบุตร

คำว่า “ดูแลพนักงาน” ไม่ได้หมายถึงการทำตามกฎหมายแรงงาน หรือการมีสวัสดิการพื้นฐานเท่านั้น แต่คือ การวางรากฐานให้คนของเราเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างยั่งยืน เพราะในที่สุดแล้ว คนคือหัวใจของทุกความสำเร็จที่ศุภาลัยสร้างขึ้น

เมื่อพนักงานรู้สึกว่า เขาได้รับการดูแลในแบบที่เข้าใจเขาจริง ๆ  ไม่ใช่แค่ตามหน้าที่ ความผูกพัน ความเชื่อใจ และแรงขับเคลื่อนในการทำงานก็จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ และสิ่งเหล่านี้เองที่จะเป็นพื้นฐานให้ศุภาลัยเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงในระยะยาว


เปลี่ยนจาก ‘องค์กรอยากทำ’ เป็น ‘พนักงานอยากทำ’

กว่าจะออกมาเป็นวัฒนธรรมองค์กร สวัสดิการที่หลากหลาย และความเข้าอกเข้าใจพนักงานอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป หาก ‘ผู้นำ’ ค่อย ๆ สร้างกระบวนการทำงานและทัศนคติของพนักงานให้เติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างเป็นธรรมชาติ 

เพราะการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแรงไม่สามารถทำได้จากการเขียนบนกระดาษ แต่ต้องสร้าง ‘วงจรซ้ำ ๆ และปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ’

องค์กรต้องฝังรากลึกวัฒนธรรมเหล่านี้ลงไปในทุกช่วงเวลาของพนักงาน ตั้งแต่ขั้นตอนการสรรหา การพัฒนา ประเมินผล แม้แต่การทำงานในแต่ละวันเองก็ตาม ทำให้ค่านิยมถูกนำไปใช้จริง ให้คนทำงานได้ตัดสินใจร่วมกัน ทำงานร่วมกัน ผ่านหลัก ‘Agile Way’

ที่สำคัญที่สุด คือ ‘ผู้นำ’ ที่ต้องเป็นแบบอย่างและสนับสนุนระบบให้เกิดสม่ำเสมอ จากนั้นก็จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนจากสิ่งที่องค์กรอยากให้ทำ สู่สิ่งที่พนักงาน ‘อยากทำด้วยตัวเอง’ นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่พูดได้อย่างเต็มปากว่า วัฒนธรรมองค์กรเริ่มหยั่กรากลึกได้อย่างแท้จริง

เรื่องราวของศุภาลัยสะท้อนให้เห็นว่า Employer Branding ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อหรือการสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่คือการ “Walk the Talk” ของผู้นำ ที่ทำให้ดูเป็นแบบอย่าง และฝังความใส่ใจลงไปในทุก Routine ของการทำงาน

💡
เมื่อองค์กรกล้าที่จะ “ให้” พื้นที่ปลอดภัย ให้ความยืดหยุ่น และให้โอกาสในการเติบโต พนักงานก็จะพร้อม “ให้ใจ” และทุ่มเทศักยภาพทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ไม่ว่าโลกธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วแค่ไหน แต่ “คน” จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดเสมอ
trending trending sports recipe

Share on

Tags