ทำธุรกิจอย่ายึดติดสิ่งเดิม อยู่มานาน ต้องปรับตัวให้เร็ว เรื่องเล่าจากแบรนด์ไทยใต้ ‘T MARK’ ที่สำเร็จในไทย และไปไกลระดับโลก

อะไรทำให้สบู่อิงอร และ Hawaiian Style สามารถปรับตัวได้เร็ว แม้จะยืนระยะมาแล้วอย่างยาวนาน? มาเจาะลึกวิธีคิดธุรกิจสัญชาติไทยที่เพิ่งได้รับเครื่องหมาย ‘T MARK’ กัน

Last updated on ก.ย. 20, 2025

Posted on ก.ย. 20, 2025

ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จได้ตลอดไป แม้กระทั่งธุรกิจที่ยืนระยะได้นานกว่าสองทศวรรษ 

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดพร้อมกับสถานการณ์ที่ท้าทายเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้แม้แต่แบรนด์ไทยติดตลาดอย่าง ‘Hawaiian Style’ และ ‘สบู่อิงอร’ ยังเห็นตรงกันว่า การปรับตัวคือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะพาแบรนด์เดินทางไกลได้อย่างมั่นคงแข็งแรง

ปัจจุบันทั้งสองแบรนด์ไม่ได้ทำตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ยังมองหาน่านน้ำใหม่ ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจก้าวข้ามความท้าทายไปได้ วันนี้ ‘CREATIVE TALK’ จะพาทุกคนไปเจาะลึกวิธีคิดของ ‘Hawaiian Style’ และ ‘สบู่อิงอร’ ธุรกิจสัญชาติไทยที่เพิ่งได้รับเครื่องหมาย ‘T MARK’ หรือ ‘Thailand Trust Mark’ จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการต่อยอดโอกาส สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้ธุรกิจไทยในตลาดโลก


มั่นคงในคุณภาพ ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ หัวใจสำคัญพาแบรนด์โตต่ออีกไกล 

หลายคนอาจไม่รู้ว่า ‘Hawaiian Style’ เป็นผลิตภัณฑ์กันแดดสัญชาติไทย ก่อตั้งมานาน 27 ปีเต็ม คุณเสฎฐวุฒิ มัชฌิมานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหทวีสิน อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด เจ้าของแบรนด์ ‘Hawaiian Style’ เล่าให้ ‘CREATIVE TALK’ ฟังว่า ที่ผ่านมาแบรนด์ไม่ได้ทำการตลาดมากนัก โตได้จากการบอกปากต่อปาก กระทั่งมีช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ครอบคลุมทั้งประเทศ ‘Hawaiian Style’ ตั้งต้นจากแนวคิดอยากทำสินค้ากันแดดและอาบแดด ตอบโจทย์คนใช้ชีวิตกลางแจ้ง โดยไม่ต้องกังวลว่า จะเป็นกีฬาแบบไหน กิจกรรมแบบใด

จุดแข็งของแบรนด์ที่ทำให้เข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคได้อยู่หมัด คือการเชื่อมโยงสินค้าเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องกับทะเล ทำให้ครีมกันแดดมีความเข้มข้นสูง ปกป้องผิวจากแดดแต่ขณะเดียวกันก็สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี นอกจากคนไทยที่ให้การตอบรับดีมาโดยตลอด ชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางก็ชื่นชอบ ‘Hawaiian Style’ มาก ถ้าได้มาที่ไทยเมื่อไหร่ต้องซื้อแทนนิ่งออยล์และแทนนิ่งโลชั่นติดกลับไปด้วยเสมอ

ด้าน ‘สบู่อิงอร’ ที่มีอายุครบ 20 พอดี เกิดและเติบโตจากความสนใจสมุนไพรไทยพร้อมกับสูตรการทำสบู่ของรุ่นที่ 1 ทดลองปรับสูตรจนเกิดเป็น ‘สบู่อิงอร’ โดยมีสบู่สูตรมะขามเป็นสินค้าตัวแรกวางขาย ทำการตลาดผ่านกลยุทธ์แบบป่าล้อมเมืองที่เริ่มจากการขายผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊วในพื้นที่ต่างจังหวัด จนแบรนด์ได้รับการบอกต่อปากต่อปาก และขยายสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดเพื่อทำตลาดในกรุงเทพฯ

จุดร่วมที่คล้ายกันของ ‘สบู่อิงอร’ กับ ‘Hawaiian Style’ คือเรื่องของคุณภาพที่ทำให้มีลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ พร้อมกับขยายฐานลูกค้าใหม่ไปด้วย คุณพิชญา ศรายุทธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอฟที (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์สบู่อิงอร เล่าว่า ช่วงแรกที่เริ่มทำธุรกิจการสร้างความรับรู้และความเชื่อมั่นเป็นโจทย์ยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมีลูกค้าติดใจกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคุณภาพสินค้าที่เชื่อว่า หากใครได้ลองเป็นต้องติดใจแน่นอน

ทำให้ปัจจุบัน ‘สบู่อิงอร’ กลายเป็นสบู่สมุนไพรเบอร์ต้น ๆ ของไทย พร้อมกับขยายช่องทางการส่งออกไปอีกหลายประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย ฮ่องกง เป็นต้น คุณพิชญามองว่า สินค้าคุณภาพ คือสินค้าที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้

T MARK - สปริงบอร์ดพาแบรนด์ไทยติดปีกไกลระดับโลก

ทั้ง ‘Hawaiian Style’ และ ‘สบู่อิงอร’ ต่างเป็นแบรนด์ที่เพิ่งได้รับเครื่องหมาย T MARK มาสด ๆ ร้อน ๆ ‘T MARK’ เป็นตราสัญลักษณ์ที่จะช่วยการันตี รับรองความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ไทยในระดับสากล สอดคล้องกับทิศทางของ ‘Hawaiian Style’ ที่เริ่มมองหาน่านน้ำแห่งใหม่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง คุณเสฎฐวุฒิ เชื่อว่า เครื่องหมาย T MARK จะช่วยให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือในสายตาคู่ค้ามากขึ้น มั่นใจได้ว่า สินค้ามีความปลอดภัย เพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ ใช้ในการสื่อสารบนเวทีโลกได้

ขณะนี้ ‘Hawaiian Style’ เริ่มขยายตลาดไปยังการส่งออกในประเทศแถบตะวันออกกลาง ก่อนหน้านี้มีลูกค้าต่างชาติมาซื้อสินค้าโดยตรงกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ ดูไบ ฯลฯ หลังจากได้รับตราสัญลักษณ์ T MARK เชื่อว่า จะช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้เชื่อมั่นในมาตรฐานมากขึ้น

ด้าน ‘สบู่อิงอร’ ระบุว่า รู้จัก T MARK จากการเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และเพิ่งได้รับเครื่องหมายดังกล่าวมาเช่นกัน หลังจากได้รับตราสัญลักษณ์เชื่อว่า จะช่วยยกระดับสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลยิ่งขึ้น

อย่ายึดติดความสำเร็จเดิม ปรับตัวตลอดเวลา มีความรับผิดชอบต่อสังคม 

‘Adaptability’ คือสิ่งที่ทั้งสองแบรนด์ยึดถือในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สำคัญที่สุด คือต้องปรับตัวให้เร็ว เท่าทันโลกปัจจุบัน มองว่า ยุคนี้แบรนด์ไทยมีคุณภาพมากขึ้น ทั้ง ‘Hawaiian Style’ และ ‘สบู่อิงอร’ อยู่มานานก็ต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดึงข้อมูลเชิงลึกหลังบ้าน ถอดรหัสฟีดแบ็กจากลูกค้า เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น แม่นยำขึ้น รู้ว่า ลูกค้ากลุ่มเดิมเป็นใคร จะขยายไปสู่ฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างไรบ้าง

💡
“แบรนด์ปัจจุบันที่เป็นแบรนด์ไทยก็ทำได้ดีมากๆ ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันที่ไทยมีการแข่งขันมากขึ้นสามารถสู้กับแบรนด์ต่างประเทศได้ และต้องไม่ลืมเรื่อง Sustainability คุณค่าผลิตภัณฑ์ต้องมี ต้องไม่ทำร้ายโลก ต้องรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น”
trending trending sports recipe

Share on

Tags