โลกไม่รอผู้นำที่ช้า และยังคิดแบบเดิม
องค์กรในอนาคตถ้าไม่ปรับตัวให้เร็วก็ไม่รอดเช่นกัน
ในงาน The Secret Sauce Summit หัวข้อ ตำรานักล่าโอกาสในยุคเกมโลกปั่นป่วน ฉบับ WHA Group โดยคุณจรีพร จารุกรสกุล ได้พูดถึง Mega Trends และอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า คนทำธุรกิจต้องเตรียมอะไรบ้าง พร้อม Framework “3 สร้าง” ฉบับคุณจรีพร แห่ง WHA
4 Global Megatrends and Opportunities
ปัจจัยระดับโลกที่สร้างทั้ง ความเสี่ยง และ โอกาส สำหรับธุรกิจ โดยมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการมองไกลกว่าสถานการณ์เฉพาะหน้า และเตรียมตัวปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนไป โดยมีทั้งหมด 4 Megatrends
1. Trump 2.0 & American First: นโยบายกีดกันทางการค้าและการทูตเชิงธุรกรรม จะทำให้ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกสูงขึ้น
- โอกาส: ประเทศที่มีความสามารถการผลิตเองในประเทศจะได้เปรียบ
- ความเสี่ยง: ซัพพลายเชนโลกอาจสะดุด ค่าใช้จ่ายนำเข้าเพิ่ม
2. Tech Domination: AI, Blockchain, Automation เป็นคลื่นลูกใหม่ที่เปลี่ยนวิธีทำธุรกิจ
- โอกาส: ธุรกิจที่ปรับใช้เทคโนโลยีได้เร็วจะลดต้นทุนและขยายตลาด
- ความเสี่ยง: คนที่ปรับตัวไม่ทันอาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี
3. Geopolitical Tension: การแยกขั้วของโลก (Decoupling) กระทบการค้าและการลงทุน
- โอกาส: ประเทศที่วางตัวเป็นกลางอาจดึงดูดทุนและโรงงานผลิตใหม่
- ความเสี่ยง: ความผันผวนค่าเงินและต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้น
4. Sustainability & Climate Change: การใช้ทรัพยากรมากเกินไปสร้างแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม
- โอกาส: ความต้องการสินค้าและบริการที่เป็น Green Solutions จะเติบโต
- ความเสี่ยง: กฎระเบียบใหม่ ๆ เพิ่มต้นทุนธุรกิจที่ไม่ปรับตัว
Data Center = New Infrastructure War → ประเทศที่ลงทุนก่อน จะได้เปรียบในทุกอุตสาหกรรมใหม่สำหรับไทย: การลงทุน Data Center ไม่ใช่ Option แต่คือ Condition ของการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในเศรษฐกิจเทคโนโลยี
ตัวเร่ง S-Curve ใหม่ของเศรษฐกิจไทย
Data Center เป็น Critical Enabler ของอุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น Future Mobility, Advanced Manufacturing, Agritech, Food Tech หมายความว่า หากไม่มี Data Infrastructure ที่แข็งแรง การพัฒนา S-Curve ใหม่อาจสะดุดหรือตามประเทศอื่นไม่ทัน
โอกาสด้าน Green Tech
บริษัท Data Center รายใหญ่กำลังขยับสู่ Renewable Energy + Carbon Neutrality ถ้าไทยส่งเสริม จะทำให้ Green Investment Ecosystem แข็งแรงขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐาน ESG ระดับโลก
10 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น (The World in 2035)
1. โลกกำลังเข้าสู่ Singularity (เร่งการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด)
ความเร็วของเทคโนโลยี + การเมือง + เศรษฐกิจ จะทำให้การคาดการณ์อนาคตยากขึ้น นี่คือสัญญาณให้ธุรกิจเตรียม “ความยืดหยุ่น” (Resilience) และ “ความเร็ว” (Agility) มากกว่าการวางแผนระยะยาวแบบเดิม
2. Geopolitics = โลกหลายขั้ว และ Trade Fragmentation
Supply Chain จะไม่เป็น Global แบบสมบูรณ์ → กลายเป็น Regional + Friendly Trade ธุรกิจต้องสร้างเครือข่ายซัพพลายที่ หลากหลาย และไม่พึ่งพิงประเทศใดประเทศหนึ่ง
3. Technology = AI ก้าวข้ามมนุษย์
“Super Smart Tech” จะเปลี่ยนการทำงานและการใช้ชีวิต → งานที่ใช้ตรรกะซ้ำ ๆ จะหายไป องค์กรต้องลงทุนใน Human Skills เช่น Creativity, Empathy, Critical Thinking เกิดการแยกขั้วของมาตรฐาน AI/Chip/Data → ประเทศต้องเลือกข้างหรือทำ Interoperability ให้ได้
4. Climate & Energy = Clean แต่ไม่ 100%
พลังงานสะอาดขยายตัว แต่ Fossil ยังคงมีบทบาท → Transition อาจยาวนานกว่าที่คาด SMR (Small Modular Reactor) จะเป็นตัวแปรสำคัญในการผลิตไฟฟ้า Low-Carbon แบบเสถียร
5. People & Society = ปรับตัวเชิงจิตวิทยาและสังคม
คนต้องหา “ความหมายใหม่” ของงานและชีวิต เพราะ AI จะมาแทนงานจำนวนมาก ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลจะสร้างความแตกแยก → ต้องสร้าง Community ที่เข้มแข็ง Aging Population ตลาด Silver Economy (สุขภาพ, การเงิน, ไลฟ์สไตล์คนสูงอายุ) จะเติบโตมาก
โดยสรุป ความเร็ว + ความไม่แน่นอน คือ ปัจจัยหลักของโลกปี 2035 ธุรกิจที่รอด จะต้อง……
- มี Scenario Planning ที่หลากหลาย
- ลงทุนใน เทคโนโลยี + Human Skills พร้อมกัน
- สร้าง Resilient Supply Chain และเครือข่ายพันธมิตร
- เตรียมรับมือกับ สังคมสูงวัย และ การเปลี่ยนคุณค่าของงาน
- นี่คือโลกที่ การปรับตัว เท่ากับ ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
ทำธุรกิจในวันนี้ทำคนเดียวไม่ได้ จะทำอะไร ควรมีพาสเนอร์โตไปด้วยกัน คือสิ่งที่ทั้งคุณเคน The Standard และ คุณจรีพร WHA เน้นย้ำ ทำในสิ่งที่เราถนัด เป็นจุดแข็งของเรา แล้วมองหาพาสเนอร์ เพื่อผนึกกำลังนำจุดแข็งของทั้ง 2 ฝั่ง มาผนวกรวมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ สร้างการเติบโตใหม่ ๆ
คุณจรีพร WHA เน้นย้ำกับผู้ประกอบการเกี่ยวกับเรื่อง GREEN ไว้ว่า GREEN ต้องกินได้ GREEN แล้วกินไม่ได้ ไม่มีใครทำ เพราะธุรกิจอยู่รอดได้ต้องทั้งรักษ์โลก และสร้างรายได้ไปพร้อมกัน ใครปรับตัวได้ก่อน คือ ผู้นำในโลกใบใหม่ ที่กฎเกมเปลี่ยนทุกวัน
ในวันนี้ถ้าผู้นำ Communication ไม่รู้เรื่อง คุณก็พาองค์กรไปข้างหน้าไม่ได้
ในวันนี้คุณต้องเป็น The CEO for Sustainable Success A visionary architect of change, a compassionate leader, and a master of adaptability
FUTURE READY CEO บทบาทของ CEO ในอนาคตประกอบด้วย 4 มิติหลัก
- Leader
- Strategic Thinker
- Team Conductor
- Innovator
CEO ในอนาคต = “ผู้ออกแบบอนาคต” ไม่ใช่แค่ผู้บริหาร
จากเดิมที่ CEO มักเน้นบริหารงาน-ทำกำไร → ในโลกที่ซับซ้อน CEO ต้องเป็น สถาปนิกแห่งการเปลี่ยนแปลง (Architect of Change) ต้องอ่านเกมอนาคต, วางยุทธศาสตร์ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่คนอยากร่วมงาน
ความสามารถหลัก (Core Capabilities)
- Strategic Thinking: วางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นได้ พร้อมรับมือ disruption
- Team Orchestration: ไม่ใช่แค่บริหารทีม แต่ต้องเป็น Conductor ที่ประสานคนหลากหลายให้เล่นเป็น “วงเดียวกัน”
- Innovation: เปิดทางให้ความคิดใหม่เกิดขึ้นในองค์กร
Soft Skills สำคัญกว่าเดิม
- Communication & Empathy: การสื่อสารโปร่งใส ทำให้คนเชื่อมั่นและยอมเดินตาม
- Approachability: ความเป็นกันเองของ CEO ช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้นำกับทีม
- Crisis Leadership: โลกที่ผันผวนทำให้ความสามารถในการจัดการวิกฤติเป็นทักษะที่ต้องมี
Mindset ของ CEO ที่พร้อมอนาคต
1. Outside-in Perspective: มองข้ามกรอบอุตสาหกรรมตัวเอง เพื่อดึง insight และแนวทางใหม่ ๆ
2. Long-term & Sustainable Thinking: ไม่ใช่แค่ทำกำไรระยะสั้น แต่สร้างคุณค่าที่ยั่งยืน
Insight สำหรับผู้นำยุคใหม่
- ผู้นำที่ยั่งยืนต้องเป็นทั้ง Visionary + Empathic + Adaptive
- Communication & Culture = คีย์เวิร์ด ที่จะทำให้องค์กรไม่แตกแถวเมื่อโลกผันผวน
- CEO ไม่ใช่คนเก่งที่สุดในห้อง แต่เป็นคนที่ทำให้คนเก่งที่สุดสามารถทำงานร่วมกันได้ดีที่สุด
6 Top Skills ของผู้นำยุคใหม่
- Proactive and strategic leadership ขับเคลื่อนองค์กรอย่างต่อเนื่อง ไม่รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้
- Skillful communication สื่อสารบ่อยและโปร่งใสกับทุก stakeholder
- Dynamically strategic decision-making มองออกนอกอุตสาหกรรมของตน เพื่อหา insight และตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
- Crisis management รับมือความท้าทายและความไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Creativity and innovation กล้าคิด กล้าทำสิ่งใหม่
- Approachability & Open-mindedness เข้าถึงง่าย เปิดรับมุมมองใหม่ ๆ
3 สร้าง จาก WHA ฝากถึงผู้นำยุคใหม่ และองค์กรยุคใหม่
คุณต้องสร้างคน / สร้างสู้ / สร้างโอกาส โดยมีฐานความสำคัญ 3 ด้าน
1. Skills & Proficiency (สร้างคน)
ลงทุนในทักษะ, การศึกษา, การ reskill & upskill เพื่อตอบโจทย์โลกที่ AI และ Automation กำลัง disrupt
คีย์สำคัญของ ‘สร้างคน’ คือ Quality Education / High-skilled Labor / Talent Mobility / Reskilling & Upskilling / Workforce Productivity / AI and Cyber Literacy / Digital Inclusion
2. Infrastructure & Technology (สร้างสู้)
สร้างโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ทำให้ประเทศแข่งขันได้ เช่น logistics, data, clean water, transportation
คีย์สำคัญของ ‘สร้างสู้’ คือ Fully-integrated Infrastructure / Multi-modal Transportation / Logistics / Clean Water / Data Infrastructure / Technology
3. Connections & Connectivity (สร้างโอกาส)
สร้าง ecosystem ของพันธมิตร, supply chain, energy, connectivity ที่ดึงดูดการลงทุน
คีย์สำคัญของ ‘สร้างโอกาส’ คือ Energy Supply Security / Supply Chain Integration / Interconnectivity / Business Alliance / Collaboration Network / Regional Cooperation / Partnerships / Economic Corridors
🔥 The Secret Sauce Summit 2025 ซื้อบัตรรับชมย้อนหลังออนไลน์ได้แล้ววันนี้

ใบเดียวคุ้ม! เพียง 990 บาท สำหรับดูย้อนหลัง Main Stage และ Expertise Stage รับชมออนไลน์ทุกที่ทั่วโลก
ดูย้อนหลังนาน 6 เดือน (ตั้งแต่ 20 ก.ย.68 เวลา 9.00 น. - 20 มี.ค. 69 เวลา 23.59 น.)