ในยุคที่ทุกอย่างคลิกเดียวก็เป็นหนี้ได้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะด้วยโปรโมชั่น “ผ่อน 0%” หรือปุ่ม “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ที่อยู่แค่ปลายนิ้ว คนไทยจำนวนมากจึงก้าวเข้าสู่วงจรหนี้โดยไม่รู้ตัว บางคนกู้เพราะความจำเป็น บางคนเพราะค่านิยม และบางคนเพราะอยากช่วยคนที่รัก จนสุดท้ายต้องตกอยู่ในภาวะ “เงินไม่พอใช้ – หนี้ไม่หมดเสียที”
แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออก และ “การเข้าใจหนี้” คือจุดเริ่มต้นของอิสรภาพทางการเงิน
หนี้...ไม่ได้เกิดจากความฟุ่มเฟือยเสมอไป
หลายคนมองว่าการเป็นหนี้คือผลจากการใช้เงินเกินตัว แต่ในความจริง หนี้ส่วนใหญ่เกิดจาก “ความจำเป็นและความไม่รู้” เช่น การต้องดูแลครอบครัว การค้ำประกันให้เพื่อน หรือการกู้ซ้ำเพราะกลัวเครดิตเสีย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในคนไทย
คุณมิ่งขวัญจาก “เงินติดล้อ” มองว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเป็นหนี้ง่ายขึ้นคือเทคโนโลยี และการตลาดที่รู้ใจเรามากเกินไป ทุกแพลตฟอร์มต่างเก็บข้อมูลพฤติกรรม จนรู้ว่าเราชอบอะไร และจี้จุดได้ถูกที่ จนเราตัดสินใจซื้อก่อนคิดภายในไม่กี่วินาที
ขณะที่คุณสุวัธนา จาก “คลินิกแก้หนี้ SAM” เสริมว่า ความสะดวกของโลกการเงินยุคนี้ทำให้การสร้างหนี้ง่ายขึ้นอย่างน่ากลัว “เมื่อก่อนเราต้องเดินไปกดเงินสด แต่วันนี้แค่กดโอนผ่านมือถือ เงินก็หายไปแล้ว” และนั่นคือเหตุผลที่หนี้ส่วนใหญ่ยืดเยื้อ กลายเป็น NPL (หนี้เสีย) ที่ส่งผลกระทบทั้งชีวิตและการงาน
จะเริ่มแก้หนี้ ต้องเริ่มจาก “เปิดใจและเข้าใจ”
การแก้หนี้ไม่ใช่แค่การจ่าย แต่คือ “การจัดการชีวิตใหม่ทั้งระบบ”
คุณธิษณาจาก Noburo เริ่มต้นด้วยแนวคิด “ความรู้ คู่ทุน” ที่เน้นให้คนตระหนักรู้ก่อนว่า พฤติกรรมและค่านิยมบางอย่างคือรากของปัญหา เช่น การคิดว่ากู้ใหม่โปะเก่าได้ หรือการใช้บัตรเครดิตแบบจ่ายขั้นต่ำทุกเดือน
ส่วนคุณมิ่งขวัญ เชื่อว่าถ้ามัวแต่แก้หนี้โดยไม่ปรับความคิด ก็เหมือนวิ่งตามปัญหาไม่จบ แนะนำให้เริ่มจาก “ทำงบการเงินส่วนตัว” ดูให้รู้ว่าแต่ละเดือนติดลบเท่าไหร่ แล้วค่อยหาทางปรับ เพื่อให้ยังพอมีลมหายใจทางการเงิน
ด้านคุณสุวัธนา เน้นให้เข้าใจกระบวนการ “ลด–ขยาย–ขาย–พัก”
ลดดอกเบี้ย ยืดระยะเวลาชำระ เจรจาปรับโครงสร้าง และหยุดสร้างหนี้ใหม่ พร้อมฝากไว้ว่า “หนี้แก้ได้ แต่ต้องเข้าใจว่ามันใช้เวลา และต้องเดินตามแผนอย่างมีวินัย”
3 ใจ สร้างวินัยการเงิน
ทุกการเริ่มต้นต้องใช้ “ใจ”
- เปิดใจ ยอมรับความจริงว่าเราเป็นหนี้ และเลิกดราม่ากับมัน
- เข้าใจ เห็นภาพชัดว่าสิ่งนี้แก้ได้ มีทางเลือกมากกว่าการหนี
- ตั้งใจ ลงมือทำจริง ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
เพราะการมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การไม่ยอมรับและไม่ลงมือแก้ต่างหากที่อันตราย
ทั้งสามผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ไม่ได้หมายถึงการไม่มีหนี้เลย แต่คือการ “จัดการหนี้ได้ และมีชีวิตที่สมดุล”
เริ่มจากการรู้เท่าทันตัวเอง ยอมรับความจริง วางแผน และทำอย่างมีวินัย โดยคุณดิวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า
“หนี้ไม่มีทางลัด คุณใช้เวลาสร้างมานานเท่าไร ก็ต้องใช้เวลาเท่านั้นในการแก้ แต่ถ้าคุณมีวินัย มีเป้าหมาย และไม่หนีมัน คุณก็จะผ่านมันไปได้แน่”
การฝึก “ฝัน” และ “ฝืน” คือสองสิ่งสำคัญ
ฝึกฝันให้ชัดว่าชีวิตที่ปลอดหนี้อยากเป็นแบบไหน และฝึกฝืนให้ทำตามแผนนั้นอย่างสม่ำเสมอ
เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น “เงิน 3 กระปุก” คือ เงินฉุกเฉิน, เงินเกษียณ และเงินเพื่อความฝัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินและไม่กลับไปสู่วงจรเดิมอีก
ติดตามชมย้อนหลังของเซสชันนี้ได้ที่ https://creativetalkonline.com/
สำหรับใครที่ยังไม่มีบัตรเข้าชม สามารถรอติดตามบัตร Rerun ได้ที่
