ผ่านช่วงสัปดาห์หนังสือมาได้ซักพัก หมดค่าเสียหายกันไปเท่าไหร่บ้างคะ แต่หลายครั้งเราก็อดใจไม่ได้จริง ๆ แค่เดินผ่านร้านหนังสือ ขอให้ได้โฉบเข้าไปหน่อยเถอะ ลูบ ๆ จับ ๆ แค่นั้นล่ะก็ได้หนังสือติดไม้ติดมือมาเล่มสองเล่ม แถมเดี๋ยวนี้ online shopping ยิ่งล่อใจ กองหนังสือที่ดองไว้เป็นตั้ง ๆ ไว้ก็แอบทำให้รู้สึกผิดแต่หยุดไม่ได้จริง ๆ
เอาล่ะ ในเมื่อหยุดไม่ได้ ก็ต้องอยู่กับเจ้ากองหนังสือนี้ให้ได้ค่ะ ซื้อมาแล้วก็ต้องอ่านให้สมกับที่นักเขียนเค้าตั้งใจเขียน สำนักพิมพ์ตั้งใจพิมพ์ และให้คุ้มกับเงินที่เสียไป มาลองดูทริคช่วยเคลียร์กองหนังสือที่ซื้อมาโดยวู่วามกัน ว่ามีอะไรบ้าง
1. แยกหนังสือออกเป็น 3 ประเภท แล้วจัดลำดับอยู่เรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์
-
-
หนังสือที่อยากอ่าน
นี่คือหนังสือที่มีแนวโน้มว่าคุณจะจบได้มากที่สุด จะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ขอให้หยิบออกมาจากกองนั้น 1 เล่ม อยากแนะนำให้คุณเริ่มจากเล่มที่ไม่หนามากนัก และน่าจะจบได้ภายใน 2-3 วัน
-
หนังสือที่อยากมี
นี่คือตัวการสร้างคอนโดหนังสือของคุณค่ะ สารภาพมาซะดี ๆ ว่าคุณซื้อตามคนอื่น ซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือ ซื้อตาม 10 อันดับหนังสือขายดีตอนจังหวะจะจ่ายเงินที่ cashier หรืออาจจะเป็นหนังสือที่คุณได้รับ email แนะนำจากสำนักพิมพ์ หรือเห็นจากใน Social Share กันมา ไม่เป็นไรค่ะ ก่อนอื่นบอกตัวเองก่อนว่านี่คือหนังสือดีที่หลายคนแนะนำ และเรามีจังหวะได้เจอกันพอดิบพอดี เข้าแถวต่อคิวรอกันไว้ กองนี้แนะนำให้คุณหา post-it มาแปะด้านหน้าไว้ซักนิด ว่าเล่มนี้ซื้อมาเพราะอะไร เพราะเห็นจากไหน หรือใครแนะนำ จากนั้นลองจัดลำดับแถว ให้เล่มที่คิดว่าจะอ่านก่อนอยู่ข้างบน และเล่มที่คิดว่าจะอ่านทีหลังอยู่ด้านล่างสุดค่ะ
-
หนังสือที่ต้องอ่าน
นี่คือหนังสือที่อาจจะจำเป็นกับการทำงาน เรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู้ ให้ลองหา post-it มาแปะเช่นกันค่ะ แต่ให้แปะว่าเราจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ภายในเดือนไหน แล้วจัดลำดับเล่มที่ควรรู้ก่อนอยู่ด้านบนเรียงลง
-
ที่ชวนคุณจัดออกเป็น 3 ประเภทตามนี้ เพราะจะช่วยคุณจัดเวลาอ่านหนังสือประเภทต่าง ๆ ได้ค่ะ
หนังสือที่อยากอ่าน – คุณจะหยิบติดตัวได้ทั้งวันในวันหยุดหรือเวลาว่าง พกทีละเล่มอาจจะหาปกหรือถุงซิปล็อกใส่ไว้เผื่อโดนน้ำหกใส่จะได้ไม่ชำรุด หนังสือที่อยากอ่านนี้เปรียบแล้วจะเหมือนตัวกระตุ้นให้คุณกลับมาอ่านหนังสือได้
หนังสือที่อยากมี – เล่มนี้ทำใจได้ว่าอาจจะอ่านไม่จบ อ่านไม่ถึงไหน เพราะเราซื้อตามคนอื่น หรือเป็นคนอื่นแนะนำมา ซึ่งหนังสือก็คล้าย ๆ หนังหรือภาพยนตร์ที่รสนิยมส่วนตัวไม่เหมือนกัน ที่คลาสสิคกว่านั้นหนังสือแต่ละเล่มก็เหมาะกับเราในบางเวลา ณ ตอนนี้เราอาจจะอ่านไม่จบ แต่วันข้างหน้าที่เราต้องการเนื้อหาบางอย่างที่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น เราอาจจะอ่านจบได้ในรวดเดียว
หนังสือที่จำเป็นต้องอ่าน – ให้คุณเริ่มอ่านสารบัญให้ละเอียดว่าเนื้อหาที่คุณต้องการอยู่ส่วนไหน แล้วพุ่งไปที่หน้านั้นๆ จากนั้นให้ทำ shortnote หรืออาจจะมี post-it แปะไว้ในส่วนที่สำคัญ
2. จัดตารางอ่านประจำวัน
ให้ลองหาเวลาที่เหมาะของคุณ วันละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย บางคนชอบตอนเช้า บางคนชอบตอนหัวค่ำ บางคนชอบก่อนนอน ในช่วงแรก ๆ อาจจะทำได้ยาก แต่ให้ลองทำจนเคยชิน มีพี่ที่รู้จักกันบอกว่าวิธีนี้จะทำให้สมองรับรู้ว่าเวลานี้ต้องอ่านหนังสือ ถ้าไม่อ่านแล้วจะหงุดหงิด ต้องอ่านหนังสือตอนเช้าวันละ 1 ชั่วโมงเป็นนิสัย
3. หามุมประจำ
ทั้งในบ้านและนอกบ้าน หาที่นั่งเงียบ ๆ ชิว ๆ ร้านกาแฟ อากาศดี อุณหภูมิพอเหมาะ ไม่หนาวจนเกินไป เราจะเข้าถึงการมีสมาธิได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเวลาที่เท่ากันคุณอาจจะอ่านได้มากกว่าสถานที่ที่รบกวนสมาธิของคุณได้ตลอดเวลา
4. คว่ำหน้าจอหรือวางโทรศัพท์ไว้ไกล ๆ
เอาไปชาร์ตแบตก็ได้ Notification ต่าง ๆ จากโทรศัพท์โดยเฉพาะ Social Network คือตัวดึงคุณออกจากหนังสือที่ร้ายกาจที่สุด
5. สัญญาต่อสาธารณชน
เราใช้ Social ให้เป็นประโยชน์ค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ ของคุณใน Social เป็นนักอ่านจำนวนมาก คุณอาจ Post หนังสือในวันที่เริ่มต้นอ่าน แล้วบอกกับเพื่อน ๆ ไว้เลยว่าเดี๋ยวจะมา review วันศุกร์นี้รอได้เลย หรือหากเพื่อนเราไม่ได้เป็นนักอ่าน คุณควรหา Group ที่มีความสนใจเช่น โลกของนักอ่าน หรืออาจจะสมัคร account ใน Goodreads เพื่อให้เพื่อนนักอ่านด้วยกันมา share ความสนใจ เป็นกำลังใจให้คุณ หรืออาจจะบอกเรื่องที่เค้าประทับใจในหนังสือและจะยิ่งทำให้คุณเร่งอ่านเพื่อจะได้ถึงตอนที่เพื่อนแนะนำไว้ หรืออยากจะเร่งอ่านให้จบเพื่อจะได้รีบมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปลองอ่านกัน เพราะมนุษย์อยากมีความสุข และยิ่งใหญ่กว่านั้นคือทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย
6. หาเพื่อนร่วมชั้นหนังสือของคุณ
ใช้คำให้ดูอลังการ แต่ที่จริงคือให้คุณลองหาเพื่อนที่มี taste การอ่านใกล้เคียงกัน มีความสนใจหรืออยู่ในสายงานใกล้เคียงกัน เพื่อที่เวลาคุณจะซื้อหนังสือมาเติมกองใหม่ จะได้ไม่วู่วามตาม list ตามกระแสทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจใช้วิธีแลกหนังสือกันอ่าน ต่อคิวกันอ่าน จะยิ่งทำให้เรามีวินัยอ่านให้จบ เพื่อให้เพื่อนที่ต่อคิวได้หนังสือไปอ่านด้วยเช่นกัน
6 ข้อนี้รวบรวมมาจากบทความของ Havard Business Review และสัมภาษณ์จากคุณบอล วีระ เกษตรสิน พี่เก่ง สิทธิพงศ์ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้อ่านหนังสือกันสนุกสนานมาก หวังว่าจะช่วยให้คุณลดจำนวนหนังสือที่กองและดองกันไว้ในชั้นหนังสือลงได้สำเร็จนะคะ
ติดตามสาระการจัดการดี ๆ กับ The Organice Podcast ที่จะมาชวนคุณพูดคุยกัน ว่าด้วยเรื่องการจัดการตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ให้ชีวิตของคุณ Nice ขึ้นได้ทุกวัน อัพเดทกันได้ทุกวันศุกร์ที่ www.creativetalklive.com หรือ Subscribe กันได้ที่ CREATIVE TALK Podcast ในช่องทางที่คุณสะดวกกันได้เลย
https://www.podbean.com/podcast-detail/sjw6x-74533/CREATIVE-TALK-podcast