จะดีแค่ไหนถ้ามีคนที่จดจำแบรนด์ของเรา และรักในแบรนด์ของเรา การทำการตลาด ใคร ๆ ก็อยากลูกค้ารักแบรนด์ของเรา และทำให้ KPI ของแบรนด์สูงขึ้น และในท้ายที่สุดทุกคนอยากขายของ ขายอย่างไรก็ได้ให้เราขายของออกไปให้ได้เร็วที่สุด ได้ ROI สูงที่สุด และอยากให้ลูกค้ารักเช่นกัน
วันนี้เราอยู่กันในหัวข้อ Beauty & Wellness Insights: 10 Trends to Watch Out in 2025 โดยคุณ รัญชิตา ศรีวรวิไล Head of Commercial (Advertiser and Agency), Nielsen Thailand ในงาน INDUSTRY INSIGHTS 2025
10 เทรนด์ Beauty & Wellness Insights ในวันนี้คนไทย หรือลูกค้า มองหาอะไรอยู่ในปี 2025
เทรนด์ที่ 1: ภาพรวมของงบโฆษณาในประเทศไทย
Media Spending ที่ผ่านมาในปี 2024 มีการเติบโตทรงตัวที่ 3% โดยสื่อที่มีการเติบโตได้น่าสนใจคือ
- Cinema มีการเติบโตถึง (+27%)
- Internet (DAAT) เติบโต (16%)
- Out of Home & Transit (+9%)
- In-Store (+7%)
งบโฆษณาในกลุ่ม Beauty & Wellness ในปี 2024 มีมูลค่ารวม 20,794 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดในแต่ละหมวดดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) เติบโต 5,084 ล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Haircare) เติบโต 3,863 ล้านบาท
- วิตามินและอาหารเสริม (Vitamin/Supplementary) เติบโต 3,219 ล้านบาท (+9% จากปีที่แล้ว)
- ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก (Oral care) เติบโต 3,205 ล้านบาท
- เวชภัณฑ์ (Pharma) เติบโต 3,019 ล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal care) เติบโต 2,126 ล้านบาท
- เครื่องสำอาง (Cosmetics) เติบโต 277 ล้านบาท (+66% จากปีที่แล้ว)
Online TV เติบโตสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภค Beauty & Wellness
- Online TV และ Out of Home (OOH) มีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Influencer Marketing และ TV Offline มีแนวโน้มลดลง
- Social Media และ Audio Streaming ยังคงเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด
เทรนด์ที่ 2: แนวคิดใส่ใจสุขภาพ (Health - Conscious Mindset)
จากงานวิจัยของ Nielsen ระบุว่าในปี 2020 โดย 60% คนส่วนใหญ่บอกว่าใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเอง แต่ในปี 2024 กระโดดขึ้นมาใส่ใจสุขภาพถึง 80% นั่นหมายความว่าเทรนด์การใส่ใจสุขภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้
- 68% บอกว่าส่วนใหญ่เน้นทาน Healthy Food ที่เขากิน
- 53% บอกว่าส่วนใหญ่เน้นทาน Food supplementary เป็นส่วนประกอบมากกว่าการกินปกติ
- GenZ & GenY กินวิตามินมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมากกว่า 53% อายุน้อยกว่า 40 ปีลงมา
- GenZ มองหา Skincare มากที่สุด
- GenY, GenX และ Mature (55+) มองหา Eyesight มากที่สุด
- จากการสำรวจ Beauty supplement มีการเติบโตสูงขึ้นถึง 13% ตั้งแต่ปี 2020 - 2024 เพราะทุกคนอยากกินเพื่อให้ผิวสวย จึงทำให้
เทรนด์ที่ 3: Beauty Supplement
ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยเติบโตต่อเนื่อง! และกำลังขยายตัวขึ้นทุกปี โดยมีแนวโน้มการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในหลายหมวดหมู่ โดยจำนวนผู้บริโภคในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
- ซุปไก่สกัด 12.2 ล้านคน (คิดเป็น 21% ของประชากร เพิ่มขึ้น +7%)
- วิตามิน 9.5 ล้านคน (คิดเป็น 17% ของประชากร เพิ่มขึ้น +10%)
- รังนก 9.1 ล้านคน (คิดเป็น 16% ของประชากร เพิ่มขึ้น +13%)
- อาหารเสริมความงาม 7.1 ล้านคน (คิดเป็น 13% ของประชากร เพิ่มขึ้น +12%)
กลุ่มผู้บริโภคให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณ ดังนั้นโอกาสสำหรับธุรกิจอาหารเสริมในปี 2024 ที่น่าสนใจคือ
- การแข่งขันในตลาดอาหารเสริมจะสูงขึ้น แบรนด์ต้องสร้างความแตกต่าง
- ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่ มีส่วนผสมที่เชื่อถือได้ และมีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้
- Personalized Supplement อาหารเสริมที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลกำลังมาแรง
เทรนด์ที่ 4: คนไทยใส่ใจเรื่องของความงามทั้งใบหน้าและร่างกาย
สกินแคร์สำหรับผิวหน้าและผิวกายกำลังเป็นเทรนด์มาแรง โดยเฉพาะ ‘ผลิตภัณฑ์กันแดด’
- ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sun Protection) มีการใช้ที่เยอะมาก และเติบโตมากกว่า 20% ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา
- ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sun Protection) โตในกลุ่มเด็กลงเรื่อย ๆ GenY และ GenZ มากถึง 44%
- อัตราการซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวกายเติบโตโดดเด่นที่สุด (+22%)
- รองลงมาคือผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น (Moisturizer) สำหรับผิวหน้า (+18%)
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบล้างออก (Cleanser rinse off) และผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย (Anti-aging) ก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน
โดยสรุป ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ กันแดดสำหรับผิวกาย ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง +22% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการปกป้องผิวจากแสงแดดมากขึ้น
เทรนด์ที่ 5: ผู้คนอยากเด็กลง (I Keep young looking)
- ผลิตภัณฑ์เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) กำลังเติบโตขึ้น 9% โดยกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวเป็นผู้นำเทรนด์นี้
- ปี 2020: ผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี คิดเป็น 71% ส่วนผู้ใช้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 29%
- ปี 2024: ผู้บริโภควัยหนุ่มสาวลดลงเหลือ 47% ในขณะที่กลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 53%
- แบรนด์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด ได้แก่ Garnier มาเป็นอันดับหนึ่ง, Nivea, Pond’s, Olay, Eucerin, Smooth E
โดยสรุปปัจจุบันผู้บริโภคกำลังมองหา ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าราคา
เทรนด์ที่ 6: ใคร ๆ ก็อยากมีผมที่สุขภาพดีขึ้น (I want to have healthier hair)
- การใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมเพิ่มขึ้น 11% โดยกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไปเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก เนื่องจากต้องการปกปิดผมขาว
- ปัจจุบันยังเป็นตลาดที่ใหญ่อยู่ โดยตลาดใหญ่ที่สุด OK Herbal เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคอายุ 40 ปีขึ้นไป
- 47% ของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม มุ่งเน้นไปที่การปกปิดผมขาว
- การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ปกปิดผมขาว โดยรวมเพิ่มขึ้น 21%
- ซึ่งเป็นกลุ่ม Gen Y เพิ่มขึ้น 12% และ กลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 26%
เทรนด์ที่ 7: ผู้ชายกับการดูแลตัวเอง (Male consumers and his self-care)
- โดย 47% ของผู้บริโภคชายไทยใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพิ่มขึ้น +5%
- กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผู้ชายไทยซื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่
- โฟมล้างหน้า เพิ่มขึ้น (+11%)
- มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า เพิ่มขึ้น (+11%)
- ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า เพิ่มขึ้น (+15%)
- ครีมและโลชั่นบำรุงผิวกาย ลดลง (-2%)
- ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย เพิ่มขึ้น (+15%)
- ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งสำหรับผิวหน้า เพิ่มขึ้น (+15%)
- ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มขึ้น (+4%)
Nielsen - Beauty & Wellness Insights Report (2024) ยังระบุอีกว่า ผู้ชายซื้อครีมบำรุงผิวหน้าบ่อยกว่าผู้หญิง โดยความถี่ในการซื้อผู้ชายมีแนวโน้มซื้อ บ่อยกว่า 2 ครั้ง/เดือน มากกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงมักซื้อครีมบำรุงผิวหน้าทุก 2-3 เดือน หรือ เดือนละครั้ง
เทรนด์ที่ 8: แบรนด์ไทยมาแรง! เครื่องสำอางท้องถิ่นขึ้นแท่นเป็นตัวเด่น
- คนไทยนิยมแบรนด์เครื่องสำอางไทยมากกว่าแบรนด์ต่างประเทศ โดยเฉพาะลิปสติก!
- 60% ของผู้บริโภคชาวไทยนิยมใช้ลิปสติก และลิปกลอสแบรนด์ท้องถิ่น!
- กลุ่มที่มีแนวโน้มใช้แบรนด์ไทยมากที่สุด ได้แก่ Gen Z (64%), Gen Y (54%), ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป (65%)
และ ผู้มีรายได้สูง (44%)
แบรนด์ลิปสติกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย
- Mistine (32%)
- Maybelline (31%)
- Cute Press (19%)
- L’Oréal (16%)
- Nivea (15%)
- Vaseline (13%)
- Srichand (11%)
- 4U2 (10%)
- In 2 It (7%)
- Giffarine (5%)
และแบรนด์อื่น ๆ รวมกันถึงอีก 43% บ่งบอกว่าผู้บริโภคชาวไทยเปิดรับแบรนด์ท้องถิ่นมากขึ้น!
เทรนด์ที่ 9: Gen Z นักช้อปรู้จริงในวงการความงาม
- ถ้าต้องการจะเข้า GenZ คือ การรีวิวออนไลน์สำคัญมาก!
- คุณภาพ แบรนด์ และราคา คือ 3 ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสินค้าในทุก Generation
- Gen Z: ให้ความสำคัญกับคุณภาพ, ข้อมูลสินค้า และรีวิวออนไลน์
- Gen Y: สนใจคุณภาพ ข้อมูลสินค้า, แบรนด์ที่คุ้นเคย และส่วนลด
- วัย 40+: เลือกซื้อจากแบรนด์ที่คุ้นเคย รองลงมาคือคุณภาพ, ราคา และความภักดีต่อแบรนด์เดิม
- Social Media แซงหน้า Search Engine กลายเป็นช่องทางหลักในการค้นหาสินค้าของ Gen Z
- คนรุ่นใหม่ (Gen Z) หาข้อมูลสินค้าผ่าน Social Media เป็นอันดับ 1
- คนรุ่น Millennials ยังใช้ Search Engine เป็นแหล่งข้อมูลหลัก
- สำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้า Gen Z การตลาดบน Social Media จึงเป็นสิ่งที่ ห้ามมองข้าม!
เทรนด์ที่ 10: Physical Stores vs Online Stores
ออนไลน์ช้อปปิ้งโตไว แต่ร้านค้ายังคงเป็นช่องทางหลักสำหรับสินค้าหลายประเภท แม้ว่าการซื้อของออนไลน์จะเติบโต แต่ผู้บริโภคยังคงเลือกซื้อสินค้าหลายประเภทจากหน้าร้านออฟไลน์ โดยเฉพาะสินค้า เครื่องสำอาง และ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
อะไรเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ?
- ค้นหาสินค้าโดยตรงจากร้านค้า – ลูกค้าหลายคนยังต้องการเห็นของจริงก่อนตัดสินใจ
- โปรโมชันที่ดึงดูดใจ – ส่วนลดและข้อเสนอพิเศษเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ
- เห็นโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย แล้วไปเช็กสินค้าต่อ – การตลาดออนไลน์ช่วยสร้างความสนใจให้ลูกค้า ก่อนที่พวกเขาจะไปดูของจริงที่ร้าน
ทำไมแบรนด์ควรใช้กลยุทธ์ Omnichannel
- 46% ของผู้บริโภคไทย ค้นหาข้อมูลสินค้าออนไลน์ก่อน แล้วไปซื้อที่ร้าน
- 34% ของผู้บริโภคไทย ไปดูสินค้าจริงที่ร้านก่อน แล้วค่อยสั่งซื้อออนไลน์
3. KeyPoint สำคัญในตลาด Beauty & Wellness
1. สุขภาพดี ผิวสวย ดูอ่อนวัย และการปกป้องผิวจากแสงแดด
- กลุ่มวัยรุ่นเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดความงามและสุขภาพ
- โฟกัสของตลาดเปลี่ยนจากกลุ่มผู้สูงอายุ มาเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น
- พฤติกรรมการซื้อของกลุ่มนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
2. ร้านค้าปลีกยังสำคัญ แม้ช้อปออนไลน์จะเติบโต
- แม้ว่าการช้อปออนไลน์จะเพิ่มขึ้น แต่ ร้านค้าออฟไลน์ยังเป็นช่องทางหลัก สำหรับสินค้าความงามและสุขภาพ
- ลูกค้าวัยรุ่นนิยมค้นคว้าข้อมูล อ่านรีวิว และหาประสบการณ์ก่อนตัดสินใจซื้อ
3. จัดการสื่อโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการวัดผลจาก ‘กลุ่มเป้าหมายที่ใช่’
- ต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
- การตลาดที่ดีต้อง เข้าถึงลูกค้าได้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกแพลตฟอร์ม
แบรนด์ต้องปรับตัวให้ทัน!
- เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
- เชื่อมต่อประสบการณ์ทั้ง ออนไลน์และออฟไลน์
- ใช้ข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ เพื่อทำการตลาดได้แม่นยำขึ้น
ใครปรับตัวก่อน แล้วเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อน คนนั้นได้เปรียบ!
เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ