มัดรวม 100 บทเรียนธุรกิจ จากงาน DSME2023

Last updated on ก.ย. 26, 2023

Posted on ก.ย. 20, 2023

1. จิ๊กซอว์สำคัญของการทำธุรกิจคือ ‘CARE’ หรือความใส่ใจ เพราะเมื่อเราใส่ใจ เราจะใส่ความรู้สึกของลูกค้าเพราะจุดเริ่มต้นของความใส่ใจ คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเกิดความผูกพันธ์กับลูกค้า

2. Every connection is an opportunity with meta ทุก ๆ การเชื่อมโยง ทุก ๆ ความสัมพันธ์ คือโอกาสที่จะมอบให้ลูกค้า

3. ผิดพลาดกันได้ แต่ต้องรู้จักยอมรับและขอโทษ อย่าง SKITTLES เป็นแบรนด์ลูกอม ปี 2013 ผู้บริหารอยากเปลี่ยนรสชาติลูกอมสีเขียวจากเลม่อนเป็นแอปเปิลเขียว สิ่งที่เจอคือลูกค้าไม่ชอบ แต่ก็ปล่อยไป สรุปลูกค้าด่าต่อเนื่อง 9 ปี เลยทำแคมเปญ Apologize the rainbow ออกมา ขอโทษคนแบบ Personalized ผ่านการแถลงข่าว 35 นาที ส่งของฟรีให้ทุกคน ยอดขายเพิ่มขึ้น 21%

4. Reciprocity Marketing การให้สามารถให้ได้หลายอย่าง คือ
- Material Reciprocity การแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของ เช่น แจกสินค้าทดลอง
- Financial Reciprocity การแลกเปลี่ยนทางการเงิน เช่น ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง
- Emotional Reciprocity การแลกเปลี่ยนทางอารมณณ์ เช่น การชื่นชม

5. เคล็ดลับการทำให้ลูกค้ามีความสุข คือการทำให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง การใส่องค์ประกอบของ Personalization ลงไป เพราะนี่คือความตั้งใจ เป็นการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาคือคนสำคัญ

6. อย่าไปหวังรอให้ลูกค้าซื้อตั้งแต่ครั้งแรก Mere Exposure effect คือการสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกค้า ที่ยิ่งคุ้นเคยเท่าไหร่ ก็ยิ่งชอบใจมากขึ้นเท่านั้น

7. การทำแค่ ‘พอผ่าน’ ไม่ ‘เพียงพอ’ สำหรับลูกค้าในยุคนี้อีกต่อไป ในฐานะเจ้าของธุรกิจ ควรกลับมาตั้งคำถามว่า เรานับจุด WOW ในธุรกิจให้กี่จุด เพราะลูกค้าจะยอมจ่ายเพื่อที่จะมีความสุข

8. จิ๊กซอว์สำคัญในการทำธุรกิจ คือ ‘คน’ เราจะทำธุรกิจให้โต ถ้าไม่มีคนที่ใช่ ต่อให้มี Process ดี Technology ดี ก็อาจไม่เกิดการขับเคลื่อนธุรกิจที่ดี

9. ในการรักษาคนเก่ง เราต้องไม่เป็นผู้บริหารที่กระจอก เรารู้มากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า เราอาจจะต้มเด็กได้ กดเงินเด็ก แต่ถ้าวันหนึ่งเด็กคนนั้นเขาโตจนรู้ทัน ความเชื่อใจที่เคยมีก็หมด ต่อให้โยน Benefit บางอย่างไป ก็อาจจะซื้อใจเขากลับมาไม่ได้​

10. ถ้าเราต้องการบริหารคนทำงานแบบมืออาชีพ เราต้องสร้าง trust ซื้อใจให้ได้ เราต้องทำให้คน ๆ นี้มีรากใหญ่ คือมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น มีลำต้นที่แข็งแกร่งเติบโต คือเก่งขึ้นทุกปี และได้มีส่วนร่วมในการเจริญเติบโตขององค์กรด้วย

11. องค์กรแต่ละองค์กร มีขนาด คน กลยุทธ์ต่างกัน เราต้องหาคนที่เหมาะสมกับองค์กร ณ ขณะนี้ นั่นแปลว่าไม่ได้อยู่ที่คนเก่งอย่างเดียว แต่คือความเหมาะสมของคนประเภทนั้น ในช่วงเวลานั้น เราต้องเข้าใจตัวเราเอง อย่าเลียนแบบรับคนแบบที่องค์กรอื่นเลือกรับ

12. อย่าไปสนวิธีการมากเกินไป เราต้องการซื้อใจคน ความเป็น Partnership เราต้องแยกแยะว่าคนประเภทนี้จะใช้วิธีการไหนในการซื้อใจ จุดสำคัญคือเราต้องแยกให้ออกระหว่าง good กับ great การที่เราเป็นหุ้นส่วนกัน ให้หุ้นคน ๆ นั้น ไม่ใช่การซื้อใจเสมอไป มันไม่ใช่วิธีคลาสสิคที่ใช้ได้กับทุกคนเพื่อซื้อใจ​

13. คนไทยไม่รู้วิธีการบริหารคนไทยด้วยกัน อย่าให้สองสิ่งอยู่ด้วยกันในตัวคนไทย ถ้าอยู่ด้วยกันคนไทยจะไม่มีทางพัฒนาตัวเอง คือ ความมั่นคง และความรู้สึกที่ handle สิ่งต่าง ๆ ได้ เริ่ม comfort กับงาน เมื่อนั้นคนไทยจะถดถอย คุณบี้ให้ตายเขาก็จะอยู่ในสเตจนั้น

14. คนไทยติดกับดักทำให้ลูกน้องรัก เหมือนเราจ้างเทรนเนอร์มาช่วยออกกำลังกาย ที่ไม่กล้าให้เราทำอะไรเพิ่ม เราจะแข็งแรงขึ้นไหม? ถ้าเรากลัวการกระทบกระทั่ง เกรงใจ คุณจะสร้างงานใหญ่ได้ไหม? คีย์เวิร์ดคือเราต้องทำให้ลูกน้องเก่งขึ้นทุกปี

15. เรื่องสำคัญที่ทำได้เลย เราต้องกะเทาะอีโก้ให้ได้ทุก 6 เดือน เราต้องเป็นน้ำครึ่งแก้วในทุก ๆ ครั้ง เพื่อหาวิธีการใหม่ ๆ หรือจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไป

16. แยกให้ออกระหว่างดี กับดีมาก เมื่อเรามีลูกน้องมากขึ้น ลูกค้ามากขึ้น คนส่วนใหญ่มักจะเหมาะรวม หากเราแยกไม่ออกระหว่างดี กับ ดีมาก ดูแลทุกคนเหมือนกัน โอกาสที่จะเติบโตน้อยมาก

17. ความเจ๋งของธุรกิจไม่ได้อยู่ที่เรื่องดี ๆ แต่คือเราเจอลูกน้องไม่ดี ธุรกิจไม่ดี เราจะบริหารความไม่ดีเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะจุดนี้จะทำให้เราโตต่อไปได้

18. เพิ่มบุญ เพิ่มบารมี การช่วยเหลือผู้อื่นในตอนลำบาก สำคัญมาก อย่ามองว่าเรื่องนี้คือการหวังผล แต่จงมองว่าเราไปช่วยเขายังไง เพื่อเสริมบารมีที่ทำด้วยใจในการช่วยเหลือผู้อื่น

19. Active learning สำคัญมากในการทำธุรกิจ การเติบของใหม่ เติมไอเดียที่หลากหลาย คือหัวใจของการเรียนรู้ คือหัวใจของ mindset ในการทำธุรกิจ อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว

20. ไม่ว่าเราจะอยู่ฐานะใดก็ตาม ‘เราต้องเต็มที่’ ทำให้เสมือนว่าทุกงานเป็นของเรา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน อย่าทำแค่ทำ แต่ต้องทำด้วยความเต็มใจ และเต็มที่

21. Human skills มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ technical skills, leadership skills, soft skills หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงมี softskills เพราะเกิดจากการรู้เราไม่รู้เขา การเข้าใจองค์กร เข้าใจลูกค้า เข้าใจตัวเราคือหัวใจของการทำธุรกิจ​

22. คนที่รู้จักและใส่ใจมากที่สุด คนที่ลงมือทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนที่ใช้สมองและหัวใจ คือใคร ? คน ๆ นั้นคือ ‘ทำ = ME’ นั่นคือตัวคุณเอง

23. กลับมาถามตัวเอง 2 ปีที่ผ่านมา 5 ปีที่ผ่านมา 10 ปีที่ผ่านมา ว่าล้มมาแล้วกี่ครั้ง แล้วลุกได้ไหม มีบาดแผลไหม เรื่องนี้คือบทเรียน มันคือ value อย่ามองเขาว่าเป็นแค่แผลเป็น เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ เราคุณแต๋งไม่เคยใช้กำลังใจ แต่ให้ใจบรรดาลให้เป็นแรงผลัก

24. Intrapreneur คือพนักงานยุคใหม่ที่มีคุณลักษณะแบบผู้ประกอบการ คือคนทุ่มเททำงาน มีทักษะและความสามารถ มีจิตวิญญาณและคุณลักษณะแบบผู้ประกอบการ มีแรงจูงใจ และความมุ่นมั่น ซึ่งบุคลากรเหล่านี้มีความสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า

25. เวลาดูดาต้าดูให้หลาย ๆ มิติ คนพูดถึงน้อย แต่อาจจะ Engagement เยอะก็ได้

26. social listening เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเข้าถึงฟรีดาต้ามากขึ้น ในวันที่มีดาต้าใหม่เกิดขึ้นทุกนาที

27. ตั้งแต่เริ่มทำสื่อ สื่อยุคนี้ คอมมูนิตี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้เราเข้าถึงคนดูได้อย่างแท้จริง

28. สำหรับเราคอมมูนิตี้กระจายกว่าแค่กลุ่มเฟซใดๆ แต่คือคอมมูนิตี้นี้ดีไหม ให้มุมบวกไหม ให้อะไรกันและกันไหม

29. เมื่อขยับมาเป็น business อยากทำแบรนด์ให้มีคาแรคเตอร์มากขึ้น มีคอมมูนิตี้ต้องจริงใจ สัมผัสถึงความเป็นมนุษย์ได้

30. ขั้นตอนการทำธุรกิจให้ดีใน Growth Stage ต้องมี Business Model ที่แตกต่างจากคนอื่น สำคัญที่สุด

31. กลยุทธ์สร้างเรือหลายลำ โดยการสลับเรือ แต่มุ่งสู่การเติบโต และเป้าหมายเดิม เพื่อกระจายความเสี่ยง

32. ถ้าคุณอยากทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน คุณต้องทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำได้ การจะซ้ำได้เกิดจากการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือในการมาปรับใช้กับธุรกิจ

33. ตอบไว ใส่ใจ ส่งเร็ว การตอบช้าอาจทำให้ลูกค้านอกจากใจคุณ ยุคนี้คนที่ได้เปรียบไม่ใช่คนที่ขายเร็วที่สุด แต่เป็นคนที่ตอบแชทเร็วที่สุด

34. แบรนด์ใหญ่ที่อยู่มา 60-70 ปี แต่ไม่เคยเปลี่ยน เพราะเรามีความเชื่อจากสิ่งเดิมที่มีของดีอยู่ แต่เรานำมาต่อยอดเพื่อสร้างความแตกต่าง แนวคิดของนันยางคือ ‘น้อย ๆ แต่พอใจ’ จนเป็นที่มาว่านันยาง มีการต่อยอดทำคอนเทนต์ หรือผลิตสินค้า Limited Edition

35. การทำแบรนด์ คือการอยู่กับปัจจุบัน โดยไม่ได้บอกว่าเราเปลี่ยน แต่เราในฐานะแบรนด์สามารถเปลี่ยน ให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้

36. การทำแบรนด์เราไม่สามารถตะโกนว่าชั้นคือใครเพียงลำพังได้อีกต่อไป แต่ต้องมีคนช่วยตะโกน หรือ Partner หรือการเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ สิ่งสำคัญคือเราต้องหาคุณค่า และจุดยืนให้ของแบรนด์ให้เจอ

37. การทำ Content ในแบบของนันยาง ต้องเริ่มจาก Relevant เข้าใจเรา หาจุดแข็งให้เจอ, Empathy เข้าใจลูกค้า เราต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร, Anti-bully เข้าใจเขา แบรนด์ไม่ควรไปสนับสนุนในเชิงการบูลลี่ และต้องระมัดระวังเรื่องนี้มาก ๆ, Later เข้าวันหลัง ถ้าไม่ทันก็ไม่ต้องเข้า อย่าฝืน! ไม่ใช่ต้องจับเทรนด์ตลอดเวลา แต่ต้องหาให้เจอว่าเราเหมาะกับเทรนด์แบบไหน

38. การจะ Creative ได้ไม่ใช่การคิดสิ่งใหม่ แต่มันคือการแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง เช่น กินข้าวด้วยมือ ปัญหาคือมือไม่สะอาด ช้อนซ้อมจึงถือกำเนิด เป็นต้น

39. มีโปรดักส์ แต่ไม่รู้จะขายยังไง สิ่งสำคัญคือเราจะสร้างความแตกต่างอย่างไร หรือทำยังไงให้รู้สึกว่าโปรดักส์ หรือสินค้าของคุณมีที่นี่ที่เดียว

40. ถ้าโปรโมชันเด็ดจริง ๆ คุณอาจจะไม่ต้องจ้าง Influencer เพราะถ้าของมันดี จะเกิดการบอกต่อปากต่อปาก

41. Personality คือหัวใจของการสร้างชีวิตให้กับแบรนด์ คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงหน้าตา คาแรกเตอร์ ไม่ใช่แค่ตัวอักษาบนโลโก้แบรนด์ แต่รับรู้เป็นหน้าตา เป็นคนออกมา

42. เคล็ดลับสร้าง Creativty แบบคุณเอ็ด คือไม่ใช่คนที่คิดโจทย์ได้ทันที แต่กว่า 80% เกิดจากไอเดียที่คุณเอ็ดได้จดไว้ในสมาร์ทโฟน คือทำสต็อกไอเดียไว้ ไปเจออะไรมา ไปดูอะไรมา สิ่งที่อยู่รอบตัวเป็นไอเดียได้ทั้งหมด ให้จดเก็บไว้ และในวันที่ถึงจังหวะต้องใช้เราจะมีคลังไอเดียมหาศาล

43. Reels คือการขายของในอนาคตต่อจากนี้ หนึ่งในเทคนิคนั้นคือ Q&A หรือการตอบคำถาม เราสามารถให้ผู้ใช้จริง หรือ Influencer พูดแทนได้ เพราะลูกค้าอยากเห็นและพูดคุยกับผู้ใช้งานจริงมากกว่า​

44. การทำคอนเทนต์การตลาด บางทีไม่ต้องเตรียมโปรดัคชันอะไรมาก แต่ต้องเข้าถึง ใกล้ตัวผู้บริโภค รวมถึงคาดการณ์เทรนด์ล่วงหน้า ที่คาดว่า ณ ช่วงเวลานั้น ๆ น่าจะเกิดอะไรขึ้น

45. ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นปุ้บ อย่าพึ่งลงคอนเทนต์เพราะคนยังไม่รู้ ยังงงๆ แต่ให้ลงคอนเทนต์หลังจากที่คนตกใจ และเริ่มตื่นตัวมาแล้ว ซึ่งเทรนด์แมสเหล่านี้น่าจะอยู่ที่ 1-2 วัน

46. การทำคอนเทนต์เรียลไทม์ สร้างไวรัลสร้างยอดขายได้จริง เกิด FOMO จากเทรนด์เพื่อมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เช่น แบรนด์ Burger King ตอนทำเรียลชีส ลูกค้าซื้อจริง แต่จากตัวเลขก็มีการซื้อของกินอื่น ๆ ด้วย

47. ตัวตนของแบรนด์สำคัญ แต่ถ้าจะเข้าถึงใจคน ต้องตามเทรนด์ให้ทัน ต้องหาทางขยายบาร์ต่าง ๆ ของเรา เพื่อไปให้เจอฐานลูกค้าใหม่ ๆ​

48. สินค้า และบริการของเราถ้าไม่แตกต่าง อยู่ใน red ocean เราต้องสร้าง personal branding ถ้าเรามองว่าเรามีดีอะไร เก่งเรื่องอะไร ถ้าไม่รู้ถามคนรอบข้าง แล้วใช้สิ่งนั้นสร้างออกมาในธุรกิจ หรือคอนเทนต์ต่าง ๆ

49. ข้อมูลจาก Data Snapshot เกี่ยวกับสภาพร่างกายของเจ้าของธุรกิจ บอกไว้ว่า 72% เจ้าของธุรกิจเครียดมาก, 32% เป็นโรคซึมเศร้า, 39% โฟกัสกับเรื่องสำคัญไม่ได้, 12% ใช้ยาเสพติดช่วย, 11% วินิฉัยเป็นไบโพร่า และอีกเรื่องที่น่าสนใจคือ 93% ไม่ยอมไปหาหมอ และไม่ยอมเชื่อคุณหมอ สุดท้ายเรื้อรังและเกิดปัญหาใหญ่โตมากมายต่อองค์กร​

50. เรามักจะอ้าง และติดกับดักว่า ไม่มีเวลา แต่มนุษย์เรามีเวลาให้สำหรับเรื่องสำคัญเสมอ ตัวอย่างเช่น คนเรามักไม่เช็ดมูลี่ที่บ้าน แต่กลับกันถ้ามีคนบอกถ้าเช็ดมูลี่ให้ 1 ล้านบาท เขาจะทำทันที เพราะการให้ความสำคัญจะถูกเลื่อนมาเป็นอันดับแรก

51. Gratitude สำคัญมาก มันคือเส้นทางการตัดสินใจของชีวิต เป็นการขอบคุณรู้สึกซาบซึ้งต่อเรื่องรอบตัว ซึ่งถ้าทำได้ถึง 12 สัปดาห์ จะทำให้คุณฉลาดขึ้น และมี mindset ที่ดีขึ้น

52. สิ่งที่คนพูด ไม่เท่ากับ สิ่งที่คนได้ยิน : ระวังเกิดปัญหา เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้? (The curse of knowledge) เวลาเล่าเรื่องเราคลุกคลีอยู่กับข้อมูลมานานก่อนสื่อสาร ทำให้เกิดความคิดที่ว่าคนฟังก็นาจะรู้ เพราะสิ่งที่ชัดสำหรับเรา อาจไม่ชัดสำหรับคนฟัง // วิธีแก้คือเริ่มจากสิ่งที่ผู้ฟังอยากรู้ แล้วค่อยรวมข้อมูลที่จำเป็นมาใช้ในการเล่าเรื่อง

53. คนฟังต้องใช้การประมวลผลเยอะมาก High Cognitive Load คือการที่คนฟัง คนรับสารเจอดาต้าตะโกนใส่หน้า ไม่รู้จะโฟกัสอะไรดี // วิธีแก้ คือเลือกใช้กราฟให้สอดคล้องกับสิ่งที่จะเล่า และอย่าเน้นความสวยงามจนลืมสิ่งที่จะสื่อสาร ยิ่งน้อยยิ่งเห็นสิ่งที่จะสื่อสารได้ชัด = ลด noise เพิ่ม signal สร้างจุดเด่น

54. สไลด์ที่ดี อย่าให้ผู้ฟังต้องคิด สื่อสารเพียง 1 ประเด็น และสรุปเขียนเป็นพาดหัวชัด ๆ เช่น แทนที่จะเขียนหัวสไลด์ว่า รายได้ เปลี่ยนเป็น รายได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า จาก 3 ปีที่แบ้ว เป็นต้น

55. ไม่มีใครที่สะดุดภูเขาล้ม มีแต่คนที่สะดุดก้อนหิน ดังนั้นเราอย่าให้เทคโนโลยีมานำธุรกิจ แต่ต้องใช้ธุรกิจนำเทคโนโลยี แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ต้นทุนน้อยลง หรือเพิ่มยอดขายอย่างไร ปรับใช้ marketing ใหม่ ๆ อย่างไร คุณต้องสร้าง Digital Strategy

56. กระบวนการ Transformation ต้องมี 3 สิ่ง คือ People, process, technology โดยเริ่มจากการใช้ Data ในการขับเคลื่อนเพื่อเดินหน้าเข้าสู่ Data Driven เริ่มมีการสื่อสารเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับทุกคนในบริษัท ส่งเสริมการ Reskill Upskill สิ่งนี้ต้องเห็นผลใน 3 เดือน ต้องมี QuicknWin ค่อย ๆ ปรับ ดังนั้นสิ่งนี้จะทำได้ขึ้นอยู่กับผู้นำต้องมี Data Strategy

57. เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามเทคโนโลยี ก่อนที่เราจะใช้เทคโนโลยี เราต้องกลับมามององค์กรของเราก่อนว่าพร้อมสำหรับเทคโนโลยี หรือศักยภาพทีมงานพร้อมแล้วหรือยัง ?

58. การจะเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับเรา ต้องเริ่มเขียน Flow งานก่อนเสมอว่าจุดที่จะทำเงินกับเราคือจุดไหน หรือจุดที่มีความเสี่ยงอยู่ตรงไหน เมื่อคุณถอดรหัสตรงนี้ได้ เราจะเลือกใช้เทคโนโลยีได้ชัดมากขึ้น

59. อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการ Transformation คือตัวผู้นำ บางครั้งผู้นำชอบมองว่าทีมเราคงทำไม่ได้หรอก แต่ความท้าทายที่แท้จริง คือคุณจะทำอย่างไรให้การเปลี่ยนครั้งนี้ทุกคนในองค์กรมุ่งเป้าหมายเดียวกัน และไปด้วยกัน เทคนิคคือ อย่าเปลี่ยนเพื่อให้คนในองค์กรรู้ แต่ต้องค่อย ๆ เปลี่ยน เพื่อลดการต่อต้าน ต้องใช้เวลา ต้องทำให้สนุก เพราะนี่คือ Mission ของผู้นำ

60. สกิลที่สำคัญมากที่สุดในยุคนี้ คือทักษะการเขียน ยิ่งเราเขียนเก่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างธุรกิจได้ดี เพราะลูกค้าจะถูกใจ 'จากการอ่านข้อความ' ถ้าชอบหัวข้อโดนก็กดคลิกอ่าน ไม่ชอบก็ปัดผ่าน เรื่องนี้จะเห็นชัดจาก SEO ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวในโลกที่สู้กับแบรนด์ใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ ๆ​

61. Sam Altman ceo จาก openAI เคยกล่าวว่าปัจจุบัน ChatGPT4 ยังไม่สามารถแทนคนได้ แต่ถ้ามันไปถึงเวอร์ชัน 9 ไม่แน่มันอาจจะมาแทนคนได้จริง ๆ เราต้องเริ่มได้แล้ว ในการเข้าใจ AI

62. วันนี้ถ้าเราเขียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น โดยมีทักษะการเขียนประกอบด้วย จะทำให้การใช้ AI ด้วยการป้อน Prompt เข้าไป จะทำให้ได้เปรียบมากต่อจากนี้ เพราะภาษาอังกฤษคนใช้มากที่สุดทั่วโลก และการรันภาษาอังกฤษด้วย AI จะรันข้อมูลได้ไวกว่า

63. งานไหนบ้างที่เหมาะกับ AI เราเรียกว่า One Second of Thought เพราะ AI จะเหมาะกับงานง่าย ๆ งานที่น่าเบื่อ เพราะงานที่เป็น Value ต้องเป็นคนทำเท่านั้น

64. ถ้าวันนี้เราตอบคำถามเหล่านี้ได้ เสมือนคุณทำธุรกิจก้าวขาเข้าเส้นชัยไปแล้วก้าวนึง เป้าหมายธุรกิจคืออะไร (mission) ลูกค้าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน (customer), ลูกค้าอยากได้อะไร (value), เราจะทำอย่างไร (plan), วัดผลสิ่งที่เราจะทำอย่างไร (result)

65. คนส่วนใหญ่ 95% ใช้ Ai ทำงานให้ แต่ 5% เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับมัน หากไม่รู้ให้ถาม และเรียนรู้ไปพร้อมกัน จงเป็น 5% ที่เก่งขึ้นในทุกวัน

66. มนุษย์มองหาอะไรบางอย่าง ที่เราเชื่อว่าเกี่ยวข้อง เข้ากัน และเป็นแบบเดียวกับที่เราเป็น คอนเทนต์ก็เช่นกัน

67. อย่าทำตามคนอื่นโดยไม่คิด ทำตามโดยไม่คิดว่าเหมาะกับเราหรือเปล่า โดยไม่ปรับอะไรเลย เห็นเทรนด์ก็จริง แต่ต้องคิดต่อ และประยุกต์ใช้

68. คอนเทนต์ one for all อย่าทำ โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์เหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม อย่าง TikTok ต้องสนุก เร็ว ง่าย เราจะเห็นภาพเลยว่าแต่ละพื้นที่มีคาแรคเตอร์แบบไหน

69. สิ่งที่นักการตลาดควรรู้คือ การทำให้แบรนด์ทะยานได้ ต้องสื่อสารแบบทำเรื่องตามเทรนด์

70. เครื่องมือ Martech เกิดมาเพื่อให้นำมาแก้ไข หรือทำให้อะไรบางอย่างในธุรกิจดีขึ้น สิ่งสำคัญคือการดีไซน์ธุรกิจของคุณ และลองเริ่มใช้โปรแกรมที่เป็น Subscription ก่อนได้ เพราะราคาไม่แพง อย่าพึ่งไปเริ่มใช้เครื่องมือที่มีสัญญายาว ๆ

71. ประโยชน์ของ Chat Commerce สามารถให้แชทบอทช่วยตอบกลับลูกค้าอัตโนมัติ 2 ชม. , สามารถจัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้, ติดTag จัดกลุ่มเป้าหมายเพื่อบรอดแคสต์ได้แม่นยำ, เชื่อมต่อระบบชำระเงินออนไลน์ ซึ่งเครื่องมือนี้จะช่วยให้การทำธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

72. ระบบหลังบ้านสำคัญมาก Serial Number จะทำให้เรารู้ว่าส่งไปที่ไหน ซื้อจากไหน จำนวนเหลือเท่าไหร่ และรู้ด้สยว่าขายได้กำไรเท่าไหร่ ระบบนี้สามารถควบคุมการทำงานได้ดีมาก เพราะเราจะรู้ว่าซื้อที่ไหน วันไหน ประกันเหลือกี่ปี เหมาะมากสำหรับ SMEs

73. JIB เคยขาดทุนจากการลดราคา จึงต้องทยอยปิดภายใน 3ปี (2556-2558) มากถึง 54 สาขา ซึ่งสิ่งนี้คือการมาผิดทาง คุณจิ๊บเริ่มจากการ Rebrand ใหม่ เปลี่ยนเป็น mine และ โลโก้ใหม่JIB ซึ่งไม่ใช่แค่เปลี่ยนโลโก้ แต่เป็นการเปลี่ยนนิสัยคน ทำ Service ให้ดีเป็นที่จดจำ ของต้องดี พนักงานข้อมูลต้องแน่น แนะนำการใช้งานได้จริง ไม่โกหกลูกค้า เรื่องเหล่านี้ทำให้ JIB กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง และเกิดการบอกต่อ

74. เป็นเจ้าของต้องดู Dashboard หรือรีพอร์ตเยอะ ๆ ตัวอย่างของคุณจิ๊บ ใช้ในการดูเรื่องยอดขายต่อวัน, การเปิดบิล, ยอดขายแต่ละสาขา, ยอดขายของสินค้า, ยอดขายของพนักงาน ซึ่งนี่คือเทคนิคที่พี่จิ๊บใช้ทุกวันเพื่อกระตุ้นยอดขาย

75. เทคนิคการทำออนไลน์ ต้องอย่าจับลูกค้าเป็นตัวประกันหมายถึง สินค้าต้องมีเยอะ มีครบ สินค้าต้องใหม่ และส่งตรงตามเวลาที่ commit ไว้ เรื่องเวลาสำคัญมาก เราต้องให้เกียรติลูกค้าเสมอ​

76. คนทำผิดมีโอกาส Comeback เมื่อเราทำผิดต่อลูกค้า อย่าให้การทำผิดกลายเป็นความกลัวในการไม่กล้าขอโทษลูกค้าอย่างจริงใจ

77. Mindset สำคัญมากในการทำธุรกิจ Chubby Kids แบรนด์ที่มีเคล็ดลับในด้านการใส่ใจ และเข้าใจความต้องการลูกค้า และทำให้ลูกค้ารู้สึกดูลแเกินความคาดหวัง เกิดความประทับใจไม่รู้ลืม

78. Just be human ทำให้แบรนด์เปรียบเสมือนคนหนึ่งคน เราต้องพูดภาษาเดียวกับลูกค้า และคุณสมบัติที่สำคัญมาก ๆ คือความสามารถในการ ‘ขอบคุณ และขอโทษ’

79. การทำธุรกิจแบบ 1st mover strategy ข้อดีคือเราได้เปิดตลาด ได้ครองตลาด แต่ถ้าดิ่งอาจจะล้มเลย แต่มันปรับโมเดลกันได้

80. 68% ของผู้บริโภคหยุดมีปฎิสัมพันธ์กับธุรกิจหากพวกเขารู้สึกถูกละเลย เพราะ พื้นฐานในใจของคนเราอยากมีคุณค่าในสายตา ดังนั้น Aim to engage เราต้องไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกละลายด้วยการปฎิสัมพันธ์อย่างจริงใจ​

81. สำหรับคนเก่ง ต้องการพัฒนาตัวเอง อยากเรียนรู้ เราในฐานะ SME องค์กรขนาดเล็กมีจุดแข็งตรงนี้ ในการดึงดูดคนเก่ง คือมีพื้นที่เรียนรู้มากกว่า พัฒนาตัวเองมากกว่า​

82. คนเก่ง ถ้าเราเป็นองค์กรเล็ก เราต้องใช้พลังสูงกว่าคนอื่นเพราะเราไม่มีแบรนด์ในการดึงดูดแต่ใช้วิธีเสาะหา ในยุคนี้หมดสมัยแล้วว่าแค่ประกาศ คงคาดหวังให้คนเก่งมาสมัครไม่ได้

83. การให้ Reward กับพนักงานเป็นศิลปะในการทำธุรกิจ เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเราจะลงโทษ ให้ใส่ของหวานเข้าไป ใส่ใจความจริงใจ ใส่ความหวังดีเข้าไป

84. การจะลงโทษใครสักคน อย่าให้มีการตีความ พูดเฉพาะ Fact สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง และเติมความจริงใจ เติมความหวังดี คือการสะท้อนให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเราหวังดีจริง ๆ

85. AI เป็นเครื่องมือ แต่คนคือ Creativity เพราะตราบใดเราทำธุรกิจกับคนอยู่ คนยังจำเป็น แต่เราต้องเริ่มดีไซน์การใช้ AI มาปรับใช้กับธุรกิจ

86. Create more option เพราะประสบการณ์ ที่พลาดมาเยอะพอ จะสร้างทางเลือก แก้ปัญหาได้มากขึ้น

87. จัดระเบียบเรื่องเล่าให้ใช้สมองน้อย อย่าเริ่มเล่าเรื่องทุกเรื่อง หรือทั้งหมด แต่ให้โฟกัสเรื่องที่จะเล่าก่อน สิ่งสำคัญคือเล่าในสิ่งที่อยากจะสื่อสารก่อน

88. คอมมูนิตี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อตัวตนของเราชัด พอมีการแชร์ความสนใจที่ตรงกัน คนก็จะติดตามและอยู่กับเราโดยปริยาย​

89. ที่ไหนมีอุปสรรคที่นั่นมีโอกาส ที่ไหนมีความลำบากที่นั่นมีเงิน เพราความลำบากจะสอนเราให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิม

90. คิดจากสิ่งที่เบสิก อย่าคิดท่ายาก เรื่องนี้มาจากวัดเส้าหลิน เพราะการต่อสู้ที่ดีที่สุด คือการต่อสู้แบบไร้กระบวนท่า แต่ต้องมีพื้นฐานเบสิกที่แน่น ธุรกิจก็เช่นกัน

91. เราจะสร้างแบรนด์ยังไงให้คนจดจำ…เราต้องหาคาแรคเตอร์ให้เจอ และสร้างคอนเทนต์ที่แข็งแรง ที่จะช่วยให้คนจำ และเสริมการขายได้ด้วย

92. 96% ของลูกค้าที่ไม่มีความสุข จะบอกต่อคนเฉลี่ย 9-15 คน การสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีกับลูกค้าส่งผลเสียมากกว่าที่คิด

93. 92% ของผู้บริโภคเชื่อคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จัก มากกว่าคำโฆษณาจากแบรนด์การบอกต่อสำคัญมาก

94. หลัก 10-5-3 rules ของโรงแรม RITZ CARLTON ที่ใช้สร้างทุกโมเม้นท์ความประทับใจให้ลูกค้า คือ เมื่อลูกค้าเดินมาในระยะ
- 10 ฟุต สบตาและพยักหน้า
- 5 ฟุต ยิ้มทั้งตาและปาก
- 3 ฟุต กล่าวทักทายอย่างสุภาพ

95. ยิ่งใกล้ถึงจุดหมายเท่าไหร่ เวลาเราทีเรารู้ว่าใกล้จะถึงจุดหมาย คนเรายิ่งมีแนวโน้มที่จะเร่งพฤติกรรมให้ไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น

96. ถ้าไม่คาดหวัง เท่ากับไม่ผิดหวัง การทำธุรกิจอย่าคาดหวังว่าจะสำเร็จตั้งแต่วันแรก คุณต้องทำ ทำ ทำ เรียนรู้ ทดลอง ลองผิดลองถูกเสมอ

97. Wow moment สร้างการจดจำให้ว้าว เพราะลูกค้ารักการคาดหวัง แบรนด์จึงต้องทำด้วยใจเพื่อสร้างความคาดหวัง

98. เคล็ดลับการสื่อสารคือ คิดเสมอว่าทำไมต้องทำ ทำไมลูกค้าต้องสนใจ, อย่าทำตามคนอื่น, เข้าใจและอยู่กับลูกค้าเสมอ อย่ามาๆหายๆ

99. เมื่อขยับมาเป็น Business อยากทำแบรนด์ให้มีคาแรคเตอร์มากขึ้น มีคอมมูนิตี้ และต้องจริงใจ สัมผัสถึงความเป็นมนุษย์ได้​

100. วันนี้คุณตั้งใจหาจิ๊กซอว์ในธุรกิจหรือยัง ลองกลับไปทำทวน เพราะจิ๊กซอว์แค่ตัวเดียว อาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เลย เพราะลูกค้าที่มีความสุขในธุรกิจ ก็จะมีความสุขในการรักแบรนด์ของเราเช่นกัน

trending trending sports recipe

Share on

Tags