📌 กลับมาอีกครั้งแบบเกิน 100!
จัดความรู้แบบจุก ๆ มัดรวม 200 เรื่องที่คนทำงาน คนทำธุรกิจต้องรู้ ในงาน SUPALAI Presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 “THE FUTURE IS WORTH A THOUSAND WORDS อนาคตไม่ใช่แค่เรื่องของวันพรุ่งนี้ แต่คือสิ่งที่เราเลือกทำในวันนี้ เพราะอนาคตมีหลากความหมาย หลายคำจำกัดความ มากด้วยวิธีการจะไปให้ถึง “คำถามจึงไม่ใช่อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่คือคุณจะสร้างสรรค์อนาคตของคุณได้อย่างไร”
🎯 และนี่คือ มัดรวม 200 บทเรียนสำคัญสำหรับอนาคตในการทำธุรกิจ และการทำงาน จากสปีคเกอร์ที่ตั้งใจคัดเนื้อหาแบบเข้ม ๆ มาฝากถึงคุณผู้อ่านทุกคน
1. ในฐานะหัวหน้าเราไม่เพียงแต่ดึงสมรรถภาพออกมาเพียงเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมงานด้วย Leads with Empathy
2. ทักษะสมัยนี้รอบด้านมาก แต่สิ่งที่ต้องมีคือ Commitment และ ความเป็น Professional องค์กรจะเก็บคนที่พร้อมจะ Commit ทำให้บรรยากาศในองค์กรมันดี หัวหน้าต้องทำมากกว่าเดิมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม ใครที่ไม่ทำงานนอกเขตหัวหน้าอาจจะไม่เลือกเก็บไว้
3. ยุคปัจจุบันนี้ ในการจัดการการทำงานคือเราไม่ควรแต่รับผิดชอบการงานการเงินของตัวเอง แต่เราควรมองถึงเรื่องการพัฒนาตนเองด้วย การที่ทักษะเราสูงขึ้น ทำให้งานเราดีขึ้น และสามารถยกระดับทางการเงินของเราได้
4. ต้องให้คนทำความเข้าใจว่า Empathy ไม่ได้แปลว่าสงสาร อยากให้ทุกคนตระหนักว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ท่ามกลางมรสุม ทุกคนมีความเหนื่อย และมีภาระที่ต่างกัน อย่าลืมดูแลสภาพจิตใจตนเองก่อนจะดูแลจิตใจคนอื่น และเรียนรู้ที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเราเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกฝ่าย
5. หากพูดถึงงาน Creative (ความคิดสร้างสรรค์) เราสามารถคิดอะไรมาก็ได้ แต่เมื่อนำความคิดมาใช้ในการแก้ไขสถานการณ์หน้างาน (Improvise) เราต้องสามารถวัดค่า ROI (ตัวชี้วัดประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน) ได้ด้วย ไม่เช่นนั้นอาจไม่ควรค่าแก่การทำตั้งแต่แรก
6. ศัพท์ใหม่ Reinvention คือ การรื้อแล้วจินตนาการว่า ถ้าเรารื้อแล้วเราทำสิ่งนี้ขึ้นมาใหม่ จะเป็นอย่างไร โดยใช้เอไอเข้าไปทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นมาใหม่
7. การจะคิดงานครีเอทีฟ ต้องคำนวณให้เป็น ครีเอทีฟที่ดีต้องเริ่มต้นจากคณิตศาสตร์ หากทำแล้วรู้สึกว่า “ไม่อิมแพ็ค” อย่าไปทำ เพราะจะเสียเวลา “ทุกอย่างต้องเป็นธุรกิจ”
8. Great Ideas Prove ROI (ไอเดียที่ดี สะท้อนผลตอบแทนที่ดี) เปรียบเสมือนกับลูกคิดที่แสดงสื่อว่า การทำงานออกมาสักชิ้น ทุกอย่างผ่านการคำนวณมาแล้ว เช่น อัตราการขายในหนึ่งชั่วโมง จะขายออกไป 500 ชิ้น และสินค้าที่เราทำจะมีผู้ซื้อรออยู่ 4,000 ราย
9. สิ่งสำคัญอยู่ที่ Judgement ของมนุษย์ ในฐานะ Creative เราจะมองว่า เราจะถูก AI ทำให้ตกงานรึเปล่า? แต่สุดท้ายคนที่มี Judgement ที่ดี ก็จะสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้
10. แรงกระตุ้นจากโซเชียลมีเดียมีเยอะมากขึ้น ผู้คนสมาธิสั้นมากขึ้น จดจ่อหน่อยลง การทำการตลาดในยุคนี้ จึงเรียกว่า New Reality
11. เทคนิคที่เราใช้ต้อง Catch Attention ต้องทำคอนเทนต์สั้น ฮุค แรง ถ้า Long Form ต้องแบ่งเป็นพาร์ทๆ ได้ แบรนด์ต้องทั้งไวและลึก
12. เพราะลูกค้าไม่ได้จำว่า “เราพูดอะไร” แต่จะจำว่า “มีความรู้สึก”อย่างไรต่อแบรนด์ เมื่อลูกค้าเกิดความรู้สึกต่อแบรนด์ ก็จะจำแบรนด์ได้
13. ต้องทำให้เขาเห็นความคุ้มค่าของเรา ซึ่งความคุ้มค่าของผู้บริโภคจะอยู่ที่ฟังก์ชัน โดยลูกค้าจะมองว่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร หรือ แบรนด์นี้ทำยังไงให้ชีวิตเขาดีขึ้น ซึ่งแบรนด์ต้องทำให้ลูกค้าตระหนักได้ว่า “จะใช้เราให้คุ้มค่าได้อย่างไร” โดยต้องมองว่า “ลูกค้ามองว่าเราคุ้มอย่างไร”
14. แต่ต้องยอมรับว่าต่อให้ลูกค้ารักเรา เขาก็รักคนอื่นได้ ในการทำสิ่งต่าง ๆ เราจึงต้องคิดว่าจะสร้าง Love กับแบรนด์ หรือสร้าง Conversion อะไรจากเขา จึงคิดสิ่งนั้นออกมาให้ตอบโจทย์
15. Survival Mode ของนักการตลาดที่อาจจะถูกจำกัดงบมากขึ้น แต่อย่าให้คุณภาพและคุณค่าของแบรนด์ลดลงเด็ดขาด
16. คำแนะนำสำหรับ “Survival Mode” ของนักการตลาด
- ต้องเลือกสิ่งที่เป็น Core ให้กับลูกค้า และพยายามทำให้จุดนั้นแข็งแรง
- ทำยังไงก็ได้ให้สินค้าของเราเป็นตัวเลือกที่ง่ายสำหรับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่าย
- อย่าตัดการสร้างแบรนด์ที่ทำมาอย่างยาวทิ้ง เพราะหากพังเราต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด
- อย่าหยุดสร้างแบรนด์ และ Keep Connection กับลูกค้าให้เป็นแบรนด์ที่จับต้องได้
17. การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์เกิดขึ้นทุกวัน ปัจจุบันตลาดอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ยอดขายรถใหม่ในปีที่แล้วลดลงเหลือเพียง 570,000 คัน จากเดิมกว่า 1 ล้านคัน
18. Al Everywhere: อยู่ในรถ มือถือ บ้าน และที่ทำงาน
19. ร้านอาหารเปิดใหม่ปิดตัวใน 1 ปี มากกว่า 50% เหมือนสตาร์ทอัพเลย ค่อนข้างจะเป็นธุรกิจที่เหนื่อยมากๆ เป็น High Risk Low Return แต่ร้านอาหารก็ยัง Over Supply อยู่ในประเทศไทย ธุรกิจร้านอาหารกำลังเผชิญความยากลำบาก ยอดขายลดลงจากวันละ 5 หมื่นบาท ตอนนี้เหลือเพียง 2 หมื่นบาท หรือลดลงกว่าครึ่ง
20. สิ่งที่น่ากังวล คือ เมื่อเราคิดว่าเราทำเพื่อขยาย การบริหารการจัดการต้องทำให้ดี และต้องเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ได้ อาจจะต้องมีการจดทะเบียน ควรทำบัญชี ควรทำบันทึกให้ดี เพื่อที่จะเข้าแหล่งเงินทุนเพื่อการขยายให้ได้ และเข้าสู่ตลาดทุนได้ง่ายมากขึ้น เพราะฉะนั้นต้องมีเทคโนโลยีที่ถูกต้อง
21. โลกของเรากำลังจะกลายพันธ์ุ คือโลกที่เราเกิดและโตมา เราเรียกว่า Post-World Order ตั้งแต่หลังสงครามโลก เรามีพี่ใหญ่เป็นสหรัฐฯ ที่เขาไปสร้างฐานทัพทางทหารไปทั่วโลก เรื่องที่สองคือ Globalization / Free Trade agreement / WHO ที่ทุกคนเชื่อมั่น จีนเป็น Supply หลักของโลก อยากจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้กำลังกลายพันธ์ุ มันไม่ใช่ Post-modern แต่มันคือ Pre Something World ที่กำลังกลายพันธุ์ คือ พัฒนาไปตรงกันข้ามกับสิ่งที่เคยเป็นมา ให้จำคำใหม่ว่า regionalization ก็คือแต่ละ area ก็จะจับมือกัน เป็นเขตเศรษฐกิจ
22. อย่าหลงทิศ ต้องกลับมาถามธุรกิจองค์กร ว่าบริษัทเราตอบโจทย์ world order ได้ไหม Direction ต้องสำคัญ
23. “ความสามารถในการรู้เทคโนโลยีสำคัญมาก ห้ามตกรถ! ทุกคนในองค์กรต้องใช้ AI ทำงาน” AI ที่ใช้แทนข - คนต้องมากขึ้น คนต้องลดลง ถ้าไม่ทำบริษัทนั้นช้ากว่ามากแล้ว
- ทุกบริษัทควรเป็น AI-first Company
- ต้องลดคน แต่โตด้วย ประสิทธิภาพจากเทคโนโลยี
24. หัวใจการอยู่รอดในยุคเปลี่ยนผ่าน
- ใช้เทคโนโลยีให้เป็น หาทางเข้าถึงทุน
- อย่าหลงทิศทางโลก ต้องมองให้ขาด
- ปรับองค์กรให้เป็น AI-Driven Company
- ลดจำนวนคน แต่เพิ่มศักยภาพ
- ติดตามนโยบายรัฐ เพื่อประโยชน์ที่ชัดเจนในแต่ละขนาดธุรกิจ
- ธุรกิจใดปรับตัวก่อน = รอดก่อน
25. Mindfulness ให้คำจำกัดความสั้นๆง่าย ๆ คือ การเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน มี 3 องค์ประกอบ คือ Awareness อยู่กับปัจจุบัน และไม่ตัดสิน
26. รู้เขา รู้เรา: หัวหน้าต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ให้ทุกคนทบทวนกับตัวเอง เขาในที่นี้คือ Culture ให้เป็น เรื่องปกติขององค์กร คนที่เข้ามาทำงานใหม่จะ เบลนอิน แบบไม่ให้ Weird มาก แล้วมันจะเป้นสิ่งที่ดี ดังนั้น Mindfulness ต้องง่ายจึงจะทำได้
27. การทำ Active Listening ฟังแล้วต้องทวน การเคลื่อนไหวที่ช้าลงทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น หลายครั้งสิ่งที่ง่ายจะถูกด้อยค่า และสิ่งที่ง่ายคือสิ่งที่ Impact ที่สุด การทำสิ่งสำคัญคือการเอามือถือออกไปก่อน ในญี่ปุ่นมีการเก็บมือถือก่อนทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ เพื่อไม่ให้ไขว้เขวตอนทำงาน
28. สิ่งที่ง่ายที่สุด คือสิ่งที่ยากที่สุด ศัตรูที่ท้าทายที่สุดของ mindfulness คือ โทรศัพท์มือถือ หากเป็นไปได้ หากจะมีการประชุมที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้นำมือถือไว้ข้างนอกไว้ก่อน
29. Mindfulness ทำงานเมื่อร่างกายเรามีการจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน เหมือนกับการเปลี่ยนรางรถไฟ ที่มีการปรับเบรค ทำให้เราได้เบรคตัวเอง และทำให้ตัวเรารู้สึกผ่อนคลาย ยิ่งเราฝึกฝนตลอดจะเป็นการฝึกให้เราโฟกัสและแม่นยำขึ้น เมื่อเวลาที่เราเครียดความคิดเราจะวิ่งเหมือนระเบิดที่วิ่งไปมา
30. แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในโลกโฆษณาปี 2030 แนวโน้มที่ 1 -> โฆษณาแบบเดิมจะมีอยู่…แต่ก็จะมีรูปแบบใหม่เช่นกัน หนังโฆษณาผ่านมากี่ยุคสมัยมันยังมีอยู่ แต่มันอาจจะมีรูปแบบการเล่าใหม่ ๆ เพราะบางครั้งสั้นก็ไม่ได้ตอบโจทย์เสมอไป อีกหนึ่งรูปแบบที่น่าเรียนรู้ในเครื่องมือใหม่ ๆ คือ Immersive Experience ซึ่งล่าสุด Apple ได้พัฒนาในหนัง submerged ด้วยการใช้ Apple vision pro ได้แล้ว
31. แนวโน้มที่ 2 -> มนุษย์จะยังมองหาอะไรเดิม ๆ แต่จะซับซ้อน เข้าใจยากมากขึ้น ในสมองของมนุษย์จะเริ่มซับซ้อนมากขึ้น เข้าใจยากขึ้น คาดเดาได้ยากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายมาก ๆ ทั้งความเชื่อ, มุมมอง, เหตุผล, ทัศนคติ
32. แนวโน้มที่ 3 -> เมื่อโลกเต็มไปด้วย AI ความเป็นมนุษย์จะกลับมามีคุณค่า ปัจจุบันคอนเทนต์เชิง AI มันมากขึ้น เราเห็นลิง Vlog ได้แล้ว, เห็นพระ AI แล้ว และมีอีกหลาย ๆ อย่าง ดังนั้น อะไรที่ดูธรรมดาวันนี้ อีก 5 ปีข้างหน้ามันอาจจะมีคุณค่าในวันข้างหน้าได้
33. แนวโน้มที่ 4 -> โฆษณาจะเน้นที่ผลลัพธ์ แต่ความสร้างสรรค์ยังเป็นหัวใจสำคัญ คุณเพิร์ทย้ำถึงงานที่ได้ไป Cannes Lions ในระดับโลกยังคงให้คุณค่ากับความคิดสร้างสรรค์ แม้ในยุคที่ AI จะรวดเร็วแค่ไหนก้ตาม แต่ความคิดสร้างสรรค์ยังเป็นหัวใจสำคัญ
34. หัวใจหลัก 7E FOR 2030 BRANDS แนวทางสำหรับแบรนด์เพื่อรับมือโลกโฆษณาในปี 2030
- ENTERTAIN - สร้างความสนุก ให้คนอยากดู อยากแชร์
- EMOTION สร้างความผูกพันด้วยความรู้สึก
- EDGE มีจุดยืนที่เฉียบ แตกต่าง จำง่าย.
- EXCLUSIVITY ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า….ฉันพิเศษ
- ETHICS โปร่งใส และรับผิดชอบต่อสังคม
- EMERGENCE เปิดใจรับสิ่งใหม่ กล้าลองก่อนคนอื่น
- EMPATHY เข้าใจมนุษย์….ให้ลึกกว่าข้อมูล
35. Mindfulness เสริมในการพัฒนาทักษะโดยส่งผลต่อ psychological capital โดยมองถึงเรื่องความหวัง ความผ่อนคลาย เมื่อสมองผ่อนคลายจะเพิ่มความสามารถในเรื่องของ creativity มากขึ้น
สามารถปรับใช้ในองค์กรโดยแนวคิด รู้เขารู้เรา
- รู้เรา ให้เราใช้เวลาสัก 10 นาที โดยก่อนที่เราจะเริ่มประชุมหรือก่อนที่เราจะเข้าทักทายกับคนอื่น ๆ ในองค์กร ลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองก่อน ใช้เวลาทบทวน และจดจ่ออยู่กับตัวเอง
- รู้เขา คือการทำเข้าใจในองค์กร การมององค์กรให้เป็น culture ว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรเกิด mindfulness ที่ดี โดยการสร้างทิศทางให้องค์กรไปทางเดียวกัน
36. มอง mindfulness ให้ง่ายขึ้น โดยมองเป็น Mindfulness + something ยกตัวอย่าง Eating + Mindful ลองเปลี่ยนจากทานข้าวพร้อมกับดูหนัง ดูมือถือ เป็นการค่อย ๆ ทาน และคิดทบทวนไปเรื่อย ๆ ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น
37. 3 สิ่งที่ทำให้ประเทศพัฒนา
- MAN การพัฒนาคนให้เก่ง ทำให้เกิดการพัฒนาในองค์กร โดยควรเสริม Critical thinking และ Creativity ให้มากขึ้น
- Technology ถึงแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาขึ้นไปแต่ใช่ว่าเราต้องหยุดพัฒนา ควรดูว่าเทคโนโลยีที่เราสร้างนั้น Scalable แล้วหรือยัง และมี Trust and Secured มากพอหรือยัง
- Energy เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ โดยให้เราใส่ใจว่าพลังงานที่เรามีนั้นมี Sustainability และ Security มากพอมั้ย
38. สิ่งสำคัญในการจะพัฒนาประเทศ
- การวัด skills ของบุคลากร โดยเราต้องไม่วัด skills เพียงเฉพาะบุคลากร หรือประชนในระบบการศึกษาเท่านั้น แต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องวัด skills ของประชากรทั่วไปด้วย เพราะการที่คนเรามี skills มากพอจะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยในการพัฒนาประเทศได้
- เริ่มมองภาพว่า energy ของประเทศเพียงพอที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่
39. การท่องเที่ยวในประเทศไทยมีโอกาสที่จะเติบโต เพราะการท่องเที่ยวต่างจากกลุ่มแพลตฟอร์มดิจิทัลตรงที่ว่า การท่องเที่ยวต้องเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะสามารถสัมผัสประสบการณ์นั้น ๆ ได้ นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่จะสามารถดึงดูดการท่องเที่ยวแล้ว เราต้องใส่ใจในปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการปรับตัวของมนุษย์ อาทิเช่น กระแสท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ การไปคอนเสิร์ตที่มีคนให้ความสนใจมากขึ้น
40. การเกิด Digital Economy ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเห็นโอกาสของตลาด ทำให้เกิดการเข้ามาลงทุนในตลาดประเทศไทย เป็นการแย่งงานของ SMEs ประเทศไทย จากผลนี้ทำให้เกิดการปรับตัวจนเกิด AI-Driven Economy
41. ปัจจุบันเราเข้าสู่ช่วงสงครามล่าอาณานิคมแบบไม่ใช้กำลัง โดยสู้ผ่านนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในโลก การที่เราจะแข่งในสนามนี้ได้ คือการตั้งกลยุทธ์เชิงรับและเชิงรุก–การที่ต่างชาติเราเข้ามาลงทุน เราควรมีนวัตกรรมที่ตั้งรับได้ และกลยุทธ์เชิงรุกคือการบุกโดย คน–ต้องพัฒนาคนเพื่อให้คนไปพัฒนา innovation ประเทศไทยควรกลับสู่ยุคไทยทำไทยใช้เพื่อสร้างรายได้ในประเทศ และนอกประเทศ และเป็นการขยายตลาดของประเทศไทยเข้าไปในตลาดโลกอีกด้วย
42. ทุกคนสามารถใช้ AI ได้หมด แต่ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าทุกคนจะใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนกับ Excel ที่สร้างมานาน แต่ความสามารถในการใช้งานของแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นต้น สำหรับองค์กร AI ต้องเข้าไปอยู่ใน Workflows ของการทำงาน เพื่อให้กระบวนการราบรื่นไม่มีสะดุด ใครมาใหม่สามารถทำงานต่อได้เลย AI สำหรับธุรกิจ มีเพื่อสอดรับความต้องการ และแก้ PainPoint ของลูกค้า
43. หลายธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้ AI แต่สามารถใช้โอกาส และประสบการณ์ที่มีสร้าง AI เพื่อช่วยให้การทำธุรกิจในครั้งต่อไปง่ายขึ้นได้ กล่าวคือ สร้าง AI เพื่อทำซ้ำในงานที่เราเคยทำไปแล้วนั่นเอง
44. สำหรับประเทศไทย ตลาด AI ลูกค้ามีความรู้มากขึ้น ผู้ประกอบการ AI ไม่จำเป็นต้องสร้างฐานผู้รู้ ผู้เล่นในตลาดมีความอยากรู้ อยากใช้ แต่ไม่ถึงกับเจอแล้วอยากใช้งานเลย แต่แค่ “สนใจ” ซึ่งถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการในการพัฒนา AI ในอนาคต
45. AI ทำไม่ได้อยู่ 2 เรื่องคือ บริบทที่มากเกินไป คือมันวิเคราะห์ดาต้าแต่เราไม่สามารถอัปโหลดทั้งหมดได้ เช่น ทำหน้าหงุดหงิด AI ก็ไม่รู้เรื่อง คือเราสามารถวิเคราะได้ว่าดาต้านั้นนมาใช้บริบทอะไร กับ งานที่มัน specific ดีเทลมาก ๆ จะไม่คุ้มที่จะเทรนเอไอให้มันทำงานนี้
46. 3-5 ปี คือความช้าของตลาด AI ในประเทศไทย เมื่อเทียบกับตลาด AI ต่างประเทศ ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการที่อยากจะกระโดดเข้ามาในตลาด AI Economy ต้องมอง Global Demand ให้ออกก่อน
47. การจัดการเงินสำคัญกว่าแค่คิดว่าต้องเก็บเงินสด เมื่อเศรษฐกิจไม่แน่นอน เราควรมีเงินสำรองไว้ เท่าที่รู้ว่าหากมีเหตุจำเป็นเราจะต้องอยู่รอดด้วยการเก็บเงินสดแค่ไหน เงินสดจำเป็นต้องเก็บ แต่ต้องเก็บที่จำเป็น แล้วเอาที่เหลือไปลงทุน
48. ฟังคนอื่นให้น้อยลง มนุษย์ทุกคนควรมี Play book ของตัวเอง เพราะแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายและความสำคัญที่แตกต่างกัน ควรวางแผนระยะ 6 เดือนถึงจะเพียงพอต่อการเก็บสำรองฉุกเฉิน
49. สารตั้งต้นสมการการเงิน รายได้หายคือเสี่ยงเลย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ควรลงทุน “จงโลภเมื่อคนอื่นกำลังกลัว จงกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ”
50. ที่สำคัญกว่าการเก็บเงินสด คือการพัฒนาตนเอง เพราะทรัพย์สินที่ดีที่สุดที่คนหนึ่งพึงมี คือความรู้ความสามารถ ถ้าเรามี ไม่ว่าสถานการณ์อะไรจะเกิด เราจะไปหาเงินสดได้
51. ถ้ากำลังตัดสินใจลงทุน ควรมีหลักการ หรือเลือกลงทุนอย่างไร อย่างแรกลงทุนในความรู้ ความเสี่ยงจริง ๆ คือ สิ่งที่เราไม่รู้ การลงทุนมีความเสี่ยงจริง แต่เสี่ยงเพราะเราไม่รู้ ถ้าเรารู้ว่าลงทุนให้หุ้นเสี่ยงอย่างไร ในพันธบัตร ในอสังหา เสี่ยงอย่างไร เราจะจัดการได้
52. การลงทุน มีองค์ประกอบ หรือที่เรียกว่า แก้ว 3 ประการ ได้แก่ เงินต้น ผลตอบแทนทบต้น และระยะเวลาในการลงทุน เราต้องมากำหนดว่า เราต้องการลงทุนด้วยเงินต้นแบบไหน ลงทีละน้อย หรือลงตูมทีเดียว แล้วต้องการผลตอบแทนแบบไหน
53. กฎ 72 ถ้าลงทุนได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ ให้หารด้วย 72 จะรู้ว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าในระยะเวลากี่ปี ถ้าต้องการลงทุนเอง ถ้าต้องการให้ได้ผลตอบแทนอย่างน้อย 15% ต่อปี ก็ต้องมาถามตัวเองว่าจะลงทุนแบบไหน หรือถ้าไม่ต้องการคิดเยอะ ไม่ต้องการศึกษาเพิ่มมาก ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8% ต่อปี ลงทุนในพอร์ตทั่วไป
54. เราไม่จำเป็นต้องกลัวเงินเฟ้อ เพราะเราทำอะไรกับมันไม่ได้ มันขึ้นก็ขึ้นอย่างนั้น สิ่งที่เราทำได้คือหาเงินให้เพียงพอ ชีวิตที่มีความสุขคือมีเงินเพียงพอ เมื่อข้าวของแพงขึ้นก็ต้องหาเงินมากขึ้น เพราะเราก็ยังอยากกิน เราไม่สามารถต่อสู้เงินเฟ้อได้
55. ลงทุนก็ต้องลงทุน ภาระก็ต้องมี เราจะทำอย่างไร แบบนี้เราไม่ได้ต้องเลือก ก หรือ ข เราเอาทั้งคู่ได้ โดยจัดการให้เหมาะสม เอาภาระตั้งก่อน โดยภาระก็ต้องแยกว่า ภาระที่จำเป็นจริง ๆ กับ ภาระที่หาเรื่อง เช่น เราจำเป็นต้องมีบ้าน แต่บ้านที่เราหาได้ในเงื่อนไขที่มีต้องอยู่ที่เท่าไหร่ เช่น เงินเดือน 2 คน รวมกันได้ 50,000 คิดจะกู้เงินซื้อบ้าน 5 ล้าน แปลว่าแต่ละเดือนส่งค่าบ้าน 30,000 แบบนี้เงินที่เหลือไม่พอใช้ ก็ต้องซื้อบ้านให้ราคาถูกลงมาก่อน หรือ PayLater ไม่ใช่ว่าใช้ก่อนจ่ายได้ก็ใช้ ต้องดูว่าเราสามารถจ่ายได้แค่ไหน เรื่องหนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
56. การเงินต้องมีวินัย คนที่ไม่ยอมรับว่ามีปัญหาการเงินจะยิ่งมีปัญหาการเงิน ถ้ายอมรับและมีวินัย รับผิดชอบได้ อย่างไรก็จัดการได้
57. Step การสัมภาษณ์คน
- Criteria : รู้ว่าคนที่เราจะจ้างมาในตำแหน่งนั้น ๆ ต้องมี criteria อะไร เช่น ถ้าจะยิง ads ยิงใน platform ไหนได้บ้าง ถ้าได้ platform เท่านี้ควรจะได้เงินเดือนเท่าไหร่
- Training : ส่งพนักงานไปอบรม เช่น ในช่วงโปร ก็จะส่งพนักงานไปเรียน เพราะเจ้านายประเมินว่าความสามารถของพนักงานที่จ้างไม่ถึงในบางหัวข้อ
- Compensation : คุยเรื่องเงินเดือน โดยอ้างอิงจาก criteria ที่ทำได้ว่าทำได้เท่าไหร่
- Planning : ดูว่าพนักงานคนนั้นสามารถวางแผนที่จะทำงาน ของงานนั้นๆ ได้หรือไม่
- Opportunity : พูดคุยเรื่องโอกาสในการเติบโตของพนักงานคนนั้นๆ (ถ้าคนเก่งที่เค้าสามารถไปที่ไหนก็ได้ เจ้านายจะมีการโน้มน้าวอย่างไรเพื่อให้พนักงานคนเก่งนั้นๆ สามารถอยู่ได้)
58. Leader’s use of Self : การคัดคนเข้าทำงานมีความสำคัญ ถ้ามี Mindset ว่าอยากทำงานสบาย อาจจะส่งผลให้เราเลือกพนักงานที่อยากทำงานสบาย ๆ เข้ามา
59. ธุรกิจประกอบด้วย “การตลาด การบริหาร การเงิน” คนที่เริ่มต้นจะบอกว่า การตลาดเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วจะรู้ว่าเรื่องยากคือ เรื่องคน
60. CEO ของบริษัทใหญ่ระดับ 500 แรกของโลก กี่เปอร์เซ็นต์โดนไล่ออกในปีแรก คำตอบคือ 25% สิ่งที่น่าสนใจคือตอนรับสมัครก็รู้ว่าเขาเก่งหรือไม่ และไม่อยากให้ต้องไล่ออก อะไรคือ gap ที่ทำให้ผลลัพธ์ที่ทำได้กับคาดหวังต่างกัน gap นั้น คือ “การบริหารคน”
61. หลักในการใช้ AI คือ บรีฟเคลียร์ น้อง AI ชอบหัวหน้าที่จู้จี้จุกจิก การ prompt จะไม่สั้น ๆ ยิ่งเคลียร์มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพเท่านั้น
62. Purpose-Driven Content Framework กรอบคิดที่ช่วยให้ธุรกิจมีเป้าหมายและสร้างพลังจากเรื่องราวของตัวเอง
[Extract Your Origin Story]
จุดเริ่มต้นของคุณคืออะไร? ปัญหาอะไรที่เคยกระทบใจคุณจนอยากลงมือเปลี่ยนแปลง?
ตั้งแต่เราเกิดมาเคยมีเหตุการณ์อะไรไหมที่อิมแพคกับเรา จนเปลี่ยนมันมาเป็นธุรกิจได้ เช่น หากมีผู้สูงอายุที่บ้าน ราคาในการซื้อข้าว และของทางการดูแลจะแพงมาก จนมีการเกิดธุรกิจการเช่าเตียงนอนผู้สูงอายุ หรือพาคนแก่ไปหาหมอแทนในวันที่ลูกหลานไม่ว่าง ทั้งหมดเริ่มต้นมาจากการที่เจ้าของธุรกิจเจอปัญหานี้
[Define Your Revolution]
การเริ่มต้นทำธุรกิจ เราไม่รู้ว่ามันจะสร้างคุณค่าได้อย่างไร ด้วยการดึงเอาความสนุกบางอย่างในใจออกมาได้ แค่ระหว่างทางเราต้องรู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร เราเล่าไปเพื่ออะไร สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่มีอินเนอร์ในใจได้ คุณจะกลายเป็นผู้ประกอบการที่ยากที่จะเอาชนะได้
[Share Your Journey]
สุดท้ายแล้วแชร์เส้นทางของคุณ หาความกล้าหาญของเราให้เจอเพื่อเอาชนะเสียงในใจ และวันนี้ที่เราทำลงไป เราเก่งกว่าเมื่อวานได้ เราเก่งมาก ๆ แล้ว สนุกกับมัน มองหาความอินในการทำงาน อย่าเครียด จนทำให้เราไม่จอยกับสิ่งที่เราทำค่ะ อนุญาติให้ตัวเองไม่เก่งบ้าง แต่พอเราทำไปเรื่อย ๆ เราจะกลายเป็นคนเก่งแน่นอน
63. สิ่งที่จะทำให้เราไม่สูญเสีย Purpose
- มีความกล้าหาญ เพราะความกล้าหาญเป็นเรื่องสำคัญ เช่น กล้าที่จะเอาชนะสิ่งเล็ก ๆ ในใจของเรา
- จอยในสิ่งที่ทำ แม้ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เพราะเราไม่ควรเกิดมาทำงาน แล้วเครียดไปวัน ๆ เท่านั้น จึงต้องจอยกับมัน รวมถึงคิดให้ได้เสมอว่า ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่วันแรก และต้องให้เวลาตัวเองในการทำสิ่งต่าง ๆ เยอะ ๆ ลองผิดลองถูก ค่อย ๆ เริ่มจากกำลังที่เรามี ซึ่งจะส่งผลที่ดีกับเราในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
64. Reskill คนในองค์กรให้เข้าใจเรื่องความยั่งยืน เพื่อให้คนในองค์กรช่วยคิดว่าจะสามารถปรับองค์กรมาเป็นองค์กรที่ยั่งยืนได้อย่างไร สำหรับคนที่เริ่มทำองค์กร ก็พยายามคิดตั้งแต่แรกเลยว่าจะทำให้ความยั่งยืนเข้าไปในกระบวนการต่าง ๆ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างไร
65. Geopolitics มีผลอย่างไรต่อการลงทุน ผลจาก Geopolitics หุ้นจะลงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือน หุ้นจะกลับมาขึ้น การที่หุ้นในตลาดร่วงลงไปจาก Geopolitics จะต้องดูว่าตัวหุ้นที่เราซื้อเกี่ยวข้องกับตัวสงครามหรือไม่ ? หากไม่เกี่ยวยังไงอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าหุ้นก็ขึ้น และมีโอกาสจะขึ้นหนักด้วย
66. การเกิด Geopolitics เป็นการเปลี่ยนผ่านด้านสำคัญของประเทศ การที่ประเทศแต่ละประเทศเกิดการเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม ทำให้ความร่วมมือในหลากหลายประเทศอ่อนแอลง และทำให้เกิด conflict ในประเทศร่วมด้วยซึ่งส่งผลต่อความหันเหทางตลาดหุ้นโดยตรง โดยสำหรับตัวกลางที่เป็นเหมือนหลุมหลบภัยของทั่วโลกคือ “ทองคำ”
67. การเข้ามาของ AI กลับไม่ได้ถูกมองว่าจะลดรายได้ของพนักงาน แต่เป็นการลดต้นทุนของผู้ประกอบการมากกว่า และอาจจะมีการเติบโตของรายได้มากขึ้นได้
68. ตลาดหุ้นประเทศสหรัฐอเมริกายังดีอยู่ เนื่องจากตลาดหุ้นอาจเป็นตัวเดียวที่แบกประเทศสหรัฐไว้
รวมถึงทั้ง ทอง และ Bitcoin คุณทรายมองว่าเป็นตัวที่น่าลงทุนทั้งคู่ หากมองว่าราคาวันนี้แพงมาก ให้ลองมองไปอนาคตจะแพงขึ้นเท่าไหร่
69. ทองคำเป็นทรัพย์สินที่ไม่มี Perform แต่มีการเติบโต Bitcoin เองก็เช่นกัน โดยทองคำตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่มาทดแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ทองคำเริ่มขุดยากจึงทำให้มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และ Bitcoin อาจมีแนวโน้มขึ้นในอนาคต
70. ในอนาคต Quality จะเป็นสิ่งสำคัญในการขายของ เพราะไม่ใช่แค่ลูกค้าที่ต้องการ แต่แพลตฟอร์มก็ต้องการคอนเทนต์ ที่มี Quality เช่น คุณภาพสินค้าที่ดี รายละเอียดที่ชัดเจน Seller ที่สามารถบอกข้อดี ข้อจำกัดของสินค้า และบอกเล่า Personal Brand ให้ลูกค้ารู้ได้
71. คู่มือสำหรับ “นักป้ายยา” ในการเลือกขายสินค้าบางครั้งแค่ “รู้ใจ” อาจไม่พอ ต้อง “รู้ตลาด” ด้วยว่าแต่ละแพลตฟอร์มสินค้าที่ขายดี คือ สินค้าอะไร ยกตัวอย่างยอดขายสินค้าที่ขายดีบน Shopee และ Lazada ใน Q1-2025 อันดับ 1 หมวดสินค้า Health & Beauty อันดับ 2 หมวดสินค้า Fashion และอันดับ 3 หมวดสินค้า Food & Beverage, Groceries
72. อย่าคิดว่า “คนเข้ามาเยอะแล้ว” หรือ “ไม่ทันแล้ว” เพราะผู้ขายนั้นเข้าสู่การตลาดออนไลน์ทุกปี แต่ผู้ที่ไม่ล้มเลิกนั้นสามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะโอกาสนั้นมีตลอดเวลา ถึงแม้ว่าไม่อาจรับประกันความมั่นคง แต่เรายัง “ทัน” เสมอ และเรา “ทันตลอดเวลา”
73. สินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมใน E-Commerce มีดังนี้
อันดับ 1: Health & Beauty
อันดับ 2: Fashion
อันดับ 3: Home & Living เช่น อาหาร
อันดับ 4: Electronics
อันดับ 5: Food & Beverage, Groceries
อันดับ 6: Mom & Babies
อันดับ 7: Toys & Hobbies
อันดับ 8: Automotive
อันดับ 9: Sports & Outdoors
อันดับ 10: Pets
อันดับ 11: Others
74. “ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับการทำธุรกิจ” MarTech ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นให้ดูว่า MarTech ไหนที่จะสามารถ “อุด” รอยรั่วของคุณได้มากที่สุด จากนั้นดูที่ราคาและคุณสมบัติที่คุณรับได้ ที่สำคัญ คือ “ควรลอง MarTech ทุกระบบที่มี ก่อนลงทุนและตัดสินใจซื้อเสมอ”
75. At this point, people are so obsessed with the AI that Some customers can’t tell the difference so they feel confident talking to the AI, but they can ask an AI to talk to a human, like if they said “I want to talk with human” it will change from talking to AI to human. (For hubspot)
76. When businesses don’t have any end goal in mind, they can’t start so the hubspot is helping them to do so, what is their end goal in mind, without having the end goal in mind we might be using the wrong technology resulting in abandoning those projects mid way.
77. shift the focus from thinking of it on the department level into looking at it in the customer journey, understanding them, and measuring how long the customer needs to be in the journey. Putting customers first would be the first step.
78. คนจะรักเรา (หรือแบรนด์เรา) ไม่ใช่เพราะเราเก่งหรือดูดี แต่เพราะ “เราให้คุณค่า” อย่างสม่ำเสมอ และ “อยู่ตรงนั้นเสมอ” ในเวลาที่เขาต้องการ ความรักในความหมายของแบรนด์ เท่ากับความไว้วางใจที่สะสมมาตลอด
79. ความกล้า ที่ซีคอนมีอีเวนต์มากมาย เราลงมือทำแล้วเดี๋ยวความกล้าจะตามมา ความกล้าเปรียบเหมือนโบนัส ที่เราทำสิ่งนั้นอย่างไม่มั่นใจใตอนแรก ทำให้รู้ว่าความกลัวไม่ใช้อุปสรรค ความกล้าไม่ใช้ความรู้สึก ทำซ้ำ ทำบ่อยให้เกิดความกล้าขึ้นมา
80. นิยามของความเก่งและความอดทนมันเปลี่ยนไป ความเก่งแปลว่า skill (ในยุดเก่า) ความอดทนคือต้องอยู่กับการยากลำบาก ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ความเก่งคือ identity ตัวตนของเขาคือสิ่งที่ผู้คนเห็น เขาต้องการให้เห็นความเก่งของเขาในทุกทุกด้าน เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว
81. ความพึงพอใจของลูกค้า คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องค้นหาวิธีการที่จะรักษาความพึงพอใจของลูกค้าไว้ให้ได้อยู่เสมอ องค์กรต้องพร้อมปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และรักษามาตรฐานการให้บริการหรือคุณค่าให้มั่นคง เพื่อให้ลูกค้ายังคงนึกถึงและเลือกเราอยู่เสมอ
82. ในช่วงวิกฤตการใช้เงินอย่างฉลาดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เมื่อจะลงทุน ต้องเลือกและประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด เตรียมตัวให้พร้อมกับโอกาสที่จะมาในอนาคตอยู่เสมอ รวมถึงดูแลพนักงานให้ดี เพราะ ‘คน’ เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ
83. คนเจนนี้เติบโตมากับการถูกเปรียบเทียบ มนุษย์ชอบเปรียบเทียบเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราแก้ได้ ด้วยการเข้าใจว่า "ไม่มีใครมีภาพที่สวยงามแบบในโซเชียลตลอดเวลา"
84. Extrovert ชอบคิดว่า Introvert ช้า ทำอะไรไม่ทันใจ กลับกัน Introvert ก็ชอบคิดว่า Extrovert ทำอะไรไม่คิดเลย เราแค่มีวิธีที่แตกต่างกัน วันนี้เราไม่ควรมองคนแค่ ทักษะ แต่ควรมองที่ "ความเป็นตัวตน" ของเขาเพื่อเข้าใจให้มากขึ้น
85. ไม่ว่าจะ Rolex ที่หากลุ่มเป้าหมายเจอในสงครามและ Onisika ที่หา Purpose เจอจากการทำ innovation กับ Product ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนสร้างแบรนด์ก็สำเร็จได้เหมือนกัน
86. มองว่าการเลือกพาร์ทเนอร์ก็เหมือนการเลือกเพื่อน เปรียบเป็นเหมือนกลุ่มเพื่อนเราก็จะรู้ว่าเพื่อนบางคนก็เป็นเพื่อนทำกิจกรรม หรือเพื่อนที่รู้จักผ่าน ๆ ถ้าเป็นการรับเป็นพาร์ทเนอร์ ก็เหมือนเราเลือกเพื่อนสนิทมาทำงานด้วย
87. luxury mindset คือการที่เราไม่ปล่อยสูตร เพราะถ้าเราปล่อยสูตรให้คนอื่น จะมีคนเอาไปดัดแปลงได้ และจะทำให้สูตรพังได้
88. หาโอกาสแล้วทำในสิ่งที่ยักษ์ใหญ่มองไม่เห็น กระดุมเม็ดแรก ของคนไทย คืออยากรวย แต่ในโลกธุรกิจที่ผ่านมา มีใครทำธุรกิจเพราะอยากรวยมั้ย สตีฟ จ๊อบทำแอปเปิ้ลเพราะอยากรวยหรือเปล่า เราต้องแก้ปัญหาให้ชีวิตมนุษย์ Passion คือการสร้าง Spirit ให้กับมนุษย์
89. การขายของออนไลน์ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายรูปแบบ จำแนกออกเป็น 5 ประเภท
- Marketplace commerce คือ การตลาดยุคแรกเริ่มเป็นการเชิญชวนให้คนมาเปิดร้าน บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้ยุคนี้เน้นการเปิดร้านขายของ ส่งผลให้จุดเริ่มต้น E-Commerce ในประเทศไทยคือ “ความหลากหลาย” เพราะอยากซื้ออะไรก็เจอ ในปัจจุบัน Marketplace commerce มีสัดส่วน 20% จากการตลาดออนไลน์ทั้งหมด
- Video Commerce คือ การที่มีคนรีวิวสินค้าให้ผู้บริโภค เน้นกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า เช่น TikTok Shop
- Live Commerce คือ การขายของผ่านการถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นการขายแบบเร่งปฏิกิริยาของผู้ซื้อ ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าต้องซื้อในทันที
- Chat commerce คือ การขายของผ่านการสนทนา เช่น การเข้ามาปรึกษา และการถามหาสินค้าของลูกค้า
- Quick commerce เกิดจากความต้องการของผู้คน ในปัจจุบันนอกจากจะเน้นความสะดวกสบายแล้ว ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว ก่อให้เกิดการขายประเภท delivery ขึ้น เช่น 7-11 Delivery, Shopee Food เป็นต้น
90. Personalization สิ่งที่เราตั้งโจทย์เลยคือ Personalization คืออะไรสำหรับ OR และลูกค้าต้องการอะไร ในยุคนี้คนไม่ต้องการรอนาน กว่าจะหาโปรโมชั่นนานจนไม่เอาและ ปัจจุบันมันต้องรวดเร็วและเรียลไทม์เมื่อมาอยู่ที่หน้าร้าน
91. ในอนาคต Quality จะเป็นสิ่งสำคัญในการขายของ เพราะไม่ใช่แค่ลูกค้าที่ต้องการ แต่แพลตฟอร์มก็ต้องการคอนเทนต์ ที่มี Quality เช่น คุณภาพสินค้าที่ดี รายละเอียดที่ชัดเจน Seller ที่สามารถบอกข้อดี ข้อจำกัดของสินค้า และบอกเล่า Personal Brand ให้ลูกค้ารู้ได้
92. คู่มือสำหรับ “นักป้ายยา” ในการเลือกขายสินค้าบางครั้งแค่ “รู้ใจ” อาจไม่พอ ต้อง “รู้ตลาด” ด้วยว่าแต่ละแพลตฟอร์มสินค้าที่ขายดี คือ สินค้าอะไร ยกตัวอย่างยอดขายสินค้าที่ขายดีบน Shopee และ Lazada ใน Q1-2025 อันดับ 1 หมวดสินค้า Health & Beauty อันดับ 2 หมวดสินค้า Fashion และอันดับ 3 หมวดสินค้า Food & Beverage, Groceries
93. Marketing Intelligence คือ การเห็น รู้ เข้าใจ และเลือกการทำการตลาดอย่างชาญฉลาด
- การเห็น คือ การเข้าใจเทรนด์และมูลค่าของอุตสาหกรรมที่เราทำการตลาดผ่านทาง Report จากองค์กรผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีเปิดให้อ่านฟรีมากมา
- การรู้ คือ การรู้ทุกแง่มุมพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ผ่านเครื่องมืออย่าง Intelligence Tools ไม่ว่าจะเป็น Search Engine , Social Listening หรือ eCommerce Search เพื่ออ่าน Insight Data บนโลกตลาด
- การเข้าใจ คือ การเข้าใจธุรกิจของตัวเองและอุตสาหกรรม โดยใช้ข้อมูลหลังบ้านของเรา
94. ทำการตลาดอย่างชาญฉลาด คือ การผนวกผลลัพธ์สามข้อแรกออกมาเป็นการทำการตลาดที่ตรงโจทย์และตรงกลุ่ม โดยนำเครื่องมือ MarTech มาช่วย
- Content Personalization การทำคอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม
- Customer Engagement with AI Agents โดยการทำ AI เข้ามาใช้ในการตอบและให้บริการลูกค้า
95. ครีเอทีพมีบรีฟ ถ้าบรีพที่เราไม่เชื่อ ไม่สนุก จะนำมาซึ่งงานเจ๋ง ๆ ไม่ได้ ครีเอทีพที่ดี ต้องไปดูที่บรีฟก่อน
เราต้องตั้งคำถามกับบรีฟว่าบรีฟนี้ใช้ได้จริงหรือเปล่า ผลลัพธ์สุดท้ายจะไปคล้องจองกับโจทย์ที่เราตั้งไว้
96. ถ้าเราอยากจะเป็นมนุษย์ครีเอทีพ เราต้องเอาตัวเองอยู่กับความไร้ระเบียบ ความปั่นป่วนบ้าง
คนเหล่านี้หายากขึ้นเรื่อย ๆ และเราจะเป็นคน Creativity
97. วงการ Creative ไม่สามารถคิดเหมือนกันได้ เพราะถ้าทำเหมือนกัน ทุกอย่างก็จะเหมือนกัน บางครั้งช่องยูทูป 200 Views อาจจะทำให้เกิดงานใหม่ขึ้นมา บางครั้งก็ต้องคิดไม่เหมือนคนอื่นบ้าง
98. บางครั้งมนุษย์ไม่ใช่ไม่มีไอเดีย แต่เราอยู่ด้วยความกลัว เราไม่อยากออกนอกกลุ่ม สิ่งที่ทำให้ไม่กลัวคือ ยืนหัวแถวให้บ่อย การยืนหัวแถวอาจจะไม่เวิร์ค เราแค่ต้องการลองทำดู บางทีการที่มีหางแถวไม่กี่คนอาจจะมีผลต่อชีวิตเรามาก
99. คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ คือเราทำอะไรสักอย่างในแบบที่เราเชื่อและทำในสิ่งเราอยากทำจริง ๆ ไม่ต้องหวังว่าจะเปรี้ยง บางทีวงการนี้รันไปได้ด้วยคนที่ไม่ได้หวังว่าจะเปรี้ยง เราต้องซื่อสัตย์และจริงใจกับตัวเอง
และกล้าที่จะทำสิ่งนั้นไม่ใช่เพื่อโลกและวงการ แต่เพื่อยืนยันการมีอยู่
100. เทคนิคการคิดงานแบบมี Creativity ตอบโจทย์ก่อนรับบรีฟ
- ตั้งคำถามกับบรีฟ: ที่ได้รับต้องเอ๊ะก่อนว่าบรีฟมาแบบนี้ไปต่อได้มั้ย
- สำรวจบรีฟ: เขียนบรีฟมาอย่างไร ผลลัพธ์สอดคล้องกับโจทย์ที่ตั้งไว้หรือไม่
- เช็กบรีฟ: ดูว่าตรงวัตถุประสงค์มั้ย มีความถูกต้องแค่ไหน
101. การรับมือเพื่อนร่วมงานที่อายุต่างกัน ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ทำอย่างไรให้ประสานกัน? ตอนแรกเราก็ได้ feedback ว่าเราพูดแข็งไป เพราะเรามีความแมน ๆ ไม่ Sensitive ชอบพูดตรง ๆ พอเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ จึงรู้ว่าเราจะต้องปรับให้เข้า ถ้าเป็นคนแบบนี้เราต้องพูดนิ่ม ๆ นะ อยู่กับเขานาน ๆ จนเขาไว้ใจเรา
102. วิธีจัดการความเครียด คือ ยอมรับก่อน สูดหายใจ ความกดดันตรงนั้นเข้าใจได้ เพราะต่างคนต่างมีความคาดหวังที่ต่างกัน ใช่ เราอยู่ในสถานะที่ต้องจัดการทั้งสองฝ่าย เราเริ่มจากคุยกับเขาก่อนว่าฝั่งหนึ่งต้องการอะไรและอีกฝั่งต้องการอะไร จะทำอย่างไรให้มันไปตรงกลางได้มากที่สุด อีกอย่างเรามีเป้าหมายของเรา เราจะทำเป้านั้นให้ดีที่สุด ซึ่งเป้าหมายนั้นเป็นเป้าที่เราเบลนด์จากความต้องการของแต่ละฝั่งมาแล้ว จากนั้นจึงเสนออีกฝ่ายว่าทำแบบนี้ ๆ เชื่อเรา แล้วค่อยมาคุยกับน้อง ส่วนใหญ่เด็กในทีมจะเด็กมาก ๆ แต่สุดท้ายก็จะเชื่อ เพราะเราอยู่มาจนเขาเชื่อในตัวเรา และอาจด้วยเรามี authority ด้วย ทั้งการเสนอและการตัดสินใจ
103. การตั้งคำถามก็เป็นอีกทักษะหนึ่งที่สำคัญ เราต้องตั้งคำถามให้เป็น เวลาตั้งคำถามอย่าตั้งธงว่าต้องการให้เขาตอบแบบไหน ถ้าจะตั้งธงให้ตั้งว่าเราอยากรู้อะไรจากเขา ทำให้เขาตอบ Yes/No ให้ได้ เพราะถ้าคำถามกว้างไป เราอาจจะจับใจความได้ยาก
104. เทคนิคการปล่อยวาง เวลาทำอะไรมันเกิดขึ้นได้หมด เราไม่ได้ success ตั้งแต่แรก และไม่ได้ success ทุกคน คนอื่นมีมาตรฐานของเขาเอง แต่เรารู้ว่าการตัดสินใจของเราคืออะไร เราต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้วจากนั้นก็ไปต่อ ไม่งั้นเราจะจมอยู่อย่างนั้น ถ้าเรารู้ว่าข้อจำกัดของเราคืออะไรแล้วเราทำมันดีที่สุดแล้ว เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด
105. เราทำทุกอย่างในสิ่งที่เราอยากทำไม่ได้ ทุกอย่างมีขอบเขต สิ่งที่ทำได้ คือ บาลานซ์เหตุและผลให้อยู่ในจุดที่ยอมรับได้ ความกดดันที่เกิดขึ้น มาจากความคาดหวังที่ไม่เหมือนกัน สิ่งแรกที่ทำ คือ ยอมรับ และคุยว่าแต่ละฝั่งมีเป้าหมายอะไร เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน เราจะได้คำตอบ
106. ที่ผ่านมา เจอวิกฤตแก้ยังไง คุณต้นตอบว่าผมชอบวิกฤต ผมซาดิส ผมมักจะไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเสมอ เพราะถ้าผมอายุ 26 ย้อนกลับไป ผมผ่านมาเยอะมาก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าหนัก แต่มันคือโอกาสทอง ของคนที่กล้าและมองเห็น เพราะมันหนัก คนทั่วไปเลยหยุด
107. ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ ออกไปหาซะ เดี๋ยวมันก็เจอ เพราะถ้าทุกคนมาฟังผม แล้วผมแนะนำให้ทุกคนหมด ทุกคนก็จะไม่เดินออกไปหา ไปหาให้เจอในช่วงวิกฤต มันมีอะไรบ้างที่เราทำได้
108. ทุกวิกฤตทำให้เราเก่งขึ้น ตอนปี 2540 เป็นหนี้ 100 ล้าน แถมมีคนมาหาผมให้ลงทุนมากมาย สุดท้ายผมหยุด เพราะมีประสบการณ์ปี 2540 มาก่อน เพราะวิกฤตเดี๋ยวนี้มาทุก 5 ปี ซึ่งน่ากลัวมาก พอเราเจอวิกฤตเราจะฉลาด แล้วจะไม่โดนอีก
109. โลกนี้ไม่มีความยุติธรรม แต่เราต้องพยายามทำ เรื่องของความเชื่อสำคัญ ความเชื่อจะช่วยบรรเทาจิตใจของตัวเอง เงินอยู่บนอากาศเต็มไปหมด มันอยู่ที่คุณจะเชื่อและทำหรือไม่
110. คุณต้นเป็นนักฉวยโอกาส เนื่องจากเราเริ่มต้นโดยไม่มีเงิน สมัยแรก ๆ คุณตันเริ่มจากขายหนังสือพิมพ์ และ เราอ่านหนังสือจากร้านหนังสือของคนอื่น และผมไม่คบคนจน เพราะเราจะไม่มีความรู้เพิ่มเติม ผมไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ผมฉวยโอกาสจากการอ่าน การคบคน การเรียนรู้จากประสบการณ์ และผมมักจะทำได้ดี กว่าไป Copy คนอื่น
111. ชีวิตอยู่ที่เรา ก็เหมือนการยกนิ้ว ทุกวันนี้คุณโชคดีแล้วที่อยู่ประเทศนี้ โชคดีแล้วที่มีพ่อแม่ โชคดีแล้วที่มีกิน วันนี้ถ้ามีชีวิตที่ดี คุณต้องกล้าว่ายทวนน้ำ ถ้าไม่กล้า ก็ไม่ได้ชีวิตที่ดี
112. “ทำไปก่อนแล้วรอเก็บ” วิธีคิดนี้เราคิดมาตั้งแต่ยุคแรกของการทำงาน ผมเริ่มปี 1998 บริษัทจดทะเบียน 2000 การทำเงินเกิดจาก บริษัทสื่อที่สร้างตึกได้ ในวันนี้ภูมิทัศน์ของสื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งบริษัทใหญ่ขาดทุนหมด สื่อที่อยู่ได้ต้องคนน้อย ๆ ทำตัวให้เหมือน Startup เพื่อย้ายไปในกลุ่มที่ใช่ ปรับตัวได้ตลอด
113. คนทำงานสื่อ หน้าที่พวกเราต้องทำให้ลูกค้าขายดี เขาต้องได้มากกว่าสิ่งที่เขาจ่าย เราต้องทำให้ลูกค้ารวยขึ้น ลูกค้าถึงกลับมาซื้อซ้ำกับเรา
114. แม้สถานการณ์การเมืองไทยจะน่าผิดหวัง แต่ขณะเดียวกันคนไทยก็ยังไม่หมดหวัง ดูได้จากผลการเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ที่มียอดการออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งเยอะมาก และกว่า 70% ของคนไทยเลือกฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายรัฐบาล สะท้อนให้เห็นว่าคนอยากเห็นและคาดหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ยิ่งถ้าถามว่า ถ้าพรุ่งนี้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทุกคนจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งไหม คำตอบ คือ “ไป”
115. ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทาย กับปัญหาที่พูดกันมานาน แต่ยังไม่ถูกแก้ไข เช่น ความเสี่ยงทางการเมืองคอร์รัปชัน และปัญหาทางภูมิศาสตร์ ความท้าทายของสังคมสูงวัย ประเทศไทยไม่เคยขาดคนที่เสนอทางออกในการแก้ปัญหาให้กับประเทศ แต่จะทำยังไงให้ปัญหาถูกผลักดันให้เกิดขึ้นจริงให้ได้
116. ปัจจุบันเราพบว่า คนไทยกำลังประสบปัญหา ไม่ว่าปัญหาที่เกิดจากโลก และปัญหาสุขภาพจิต ที่อาจเกิดจากโซเชียลมีเดียที่ปัจจุบันง่ายต่อการนำชีวิตเราไปเปรียบเทียบ จงอย่าเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับชีวิตคนอื่น แต่จงทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้เสมอ
117. เปลี่ยนแปลงยังไงเมื่อมีแรงต้านมหาศาล คุณไอติมมองว่าการเปลี่ยนแปลงมันมีแรงต้านอยู่แล้ว ปัญหาคือมันยังไม่มีพลังที่ผลักดันเพียงพอที่จะสู้กับแรงต้าน
118. การที่ชีวิตของคนๆ นึงจะดีขึ้น ก็คือโครงสร้างรัฐต้องช่วยผลักดันด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องมีบทบาทที่ตัวบุคคลต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง พยายามเปรียบเทียบตัวเองกับตัวเอง มากกว่าเอาตัวเองเปรียบเทียบเทียบกับคนอื่น เพราะมันเป็นการเปรียบเทียบในที่แบบไม่เป็นธรรม หรือว่าใจดีพอกับตัวเองมากพอ
119. ลายเซ็นมันออกมาจากพลังจิตของเรา การเปลี่ยนตัวตนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มันคือการพัฒนาตนเอง ในลายเซ็นต์เราจะรู้เลยว่าเขาเป็นคนอย่างไร เราก็จะชี้ให้เห็นว่าเขาควรเปลี่ยนอะไร พัฒนาชีวิตอย่างไรให้ดีขึ้น
120. หลักการ 5 ธาตุ ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ จุดประสงค์หลักคือ การเข้าใจธรรมชาติในช่วงเวลาที่เราเกิด สามารถบอกได้เลยว่าเราถนัดและไม่ถนัดอะไรบ้าง เราควรทำหรือไม่ทำอะไร โดยแต่ละธาตุจะมีบุคลิกต่างกันไป
121. ตลาด Luxury มีโอกาสเติบโต 128 ล้านบาท ไปจนถึงปี 2029 พื้นที่การขายตลาดลักชูมีพื้นที่เยอะและสามารถเติบโตขึ้นไปได้เรื่อยๆ ส่วนไทยได้รับกระแสความนิยมจากซีรีส์วาย บวกกับการเติบโตของตลาดของคนที่มีกำลังซื้อสูง คนมีกินมีใช้เยอะขึ้น ช่วงโควิดก็ยังสามารถเห็นกำลังซื้อ
122. ปี 2024 การเจริญเติบโตมากสุด คือหมวด Beauty ราคาคูณด้วยจำนวนที่ขาย ราคาต่ำแต่ขายได้เยอะ
กระเป๋าตกเป็นอันดับสอง เสื้อผ้าจะไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าถึงแบรนด์นั้นๆ อีกอย่างที่เข้ามาติดท็อปคือ Eye Wear
การดรอปลงมา 2% ไม่ได้มองว่ามันลบแต่มันควรจะเป็น ควรจะอยู่ ยุโรปไปได้ดี ที่ลดลงมาชัดเจนคือจีน
123. ประเทศไทยวันนี้คือ dream destination แล้ว เพราะคนรวยเยอะเหลือเกิน มีทั้งคนทำ online คนที่รวยแบบจ่ายได้ ประเทศไทยมี culture ที่แข็งแกร่งและสวยงาม คนเลยอยากมาทำงานกับคนไทย ประเทศไทยในเรื่องของ tourism มัน underrate มากมาก แล้ววันนี้มัน elevate ขึ้นมากอีกเพราะเรามีซีรีย์ดึงดูด tourism เข้ามาในไทยได้ด้วย เรื่องของ influencer ก็ทำให้มีคนเข้ามาสนใจในประเทศไทยเยอะแยะ
124. เชื่อว่าเราสามารถนำโลกได้แต่เราต้องเป็นหัวแถวที่แข็งแรง ยกตัวอย่างสิงคโปร์ เมื่อหลายปีก่อนสิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่มีอะไรเลย ปลูกอะไรไม่ขึ้น ทรัพยากรไม่มี มีสิ่งเดียวคือประชากร ผู้นำสิงคโปร์เลยชี้ไปที่การพัฒนาคน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่พัฒนาได้ ทำให้สิงคโปร์โฟกัสไปทางด้าน Education จนทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการส่งออก Semiconductor ที่ถูกพัฒนาโดยมนุษย์ อย่างที่สองคือเรื่อง Financial ที่ถูกพัฒนาโดยมนุษย์เช่นกัน สิ่งที่สามคือยา ที่ถูกพัฒนาโดยมนุษย์ และเพิ่ม Exportation ให้กับสิงคโปร์ และสิ่งสุดท้ายคือน้ำมัน สิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่มีน้ำมันแต่ทำไมถึงสามารถส่งออกน้ำมันได้ โดยการนำเข้าน้ำมันแล้วนำมาเปลี่ยนเป็นการส่งออก ส่งผลให้สิงคโปร์มีน้ำมันเป็นสินค้าส่งออกของประเทศได้ แล้วทำไมประเทศไทยถึงทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรมากมาย
125. Hard Power ของไทยคือเกษตรกร ประเทศไทยกับอาชีพเกษตรกรเป็นของที่คู่กัน ประเทศไทยมีทรัพยากรทุกอย่างครบมากพอสำหรับเกษตรกร จนสามารถส่งผลทำให้การส่งออกดีมาก แต่ด้วยการพัฒนาที่ไม่ค่อยมีระบบทำให้อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ไม่แข็งแรงพอ อีกอย่างคืองานบริการของคนไทย ซึ่งคุณซีเคมองว่างานบริการของประเทศไทยเป็นงานที่จะพาประเทศไทยไปเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ของโลกได้เลย
126. Export and Import ของไทยตอนนี้อยู่ในจุดที่เท่ากัน ทำให้ไม่ได้มีอำนาจอะไรในตลาดโลก ยกตัวอย่างที่นายกไทยพยายามนัดประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่การที่นัดหมายไม่ได้สักทีคือการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไม่เคยเห็นค่าประเทศไทยเรา เพราะประเทศไทยเราไม่ได้มีอำนาจใด ๆ ในการต่อรองกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้
127. ปัญหาใหญ่ที่คุณโทมัสพบตอนนี้คือเด็กที่จบจากระบบการศึกษา โดยมีสองปัญหาหลัก ๆ คือ การที่เด็กจบใหม่ไม่ได้รักในสิ่งที่ตัวเองเรียน และไม่รู้ว่าตัวเองต้องเดินไปทางไหน คุณโทมัสมองว่าการที่เราจะเริ่มแข่งขัน ควรให้เรามองตัวเราเองก่อนมั้ยว่าเราพร้อมหรือยัง และเรารู้จักตัวเองมากพอหรือยังที่จะไปแข่งกับคนอื่น ถ้าเราอยากจะก้าวไปข้างหน้า และพัฒนาตัวเองอย่างแรกเราต้องรู้จักตัวเอง วิธีที่จะรู้จักตัวเองคือเราต้องลองออกไปทดลองทำ ไปเจ็บ ไปล้ม แล้วเราจะได้ลุกขึ้นมาเพื่อพัฒนาตนเองได้
128. ทักษะที่จะเกิดขึ้นจากการที่เราล้ม คือความสามารถที่เราจะสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดนั้นไปได้ เพราะฉะนั้นด้วยทักษะนี้ เราจะสามารถแข่งกับโลกได้ แต่เราต้องรู้จักตัวเอง และรู้จักความพอดีในชีวิต ถ้าเรามัวแต่ใช้เวลา 10 ปี 20 ปีในการมุ่งตามหาความสำเร็วที่ใคร ๆ มี แต่เราได้มองระหว่างทางที่เราเดินผ่านมาบ้างหรือยังว่าเรามีความสุขหรือไม่ในการที่คุณจะก้าวขึ้น ไปคว้าความสำเร็จ
129. คุณกอล์ฟห่วงเรื่อง Skills ที่ควรมีต่ออนาคต 6 อย่าง
- Lifelong learning mindset เนื่องจากโลกเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราต้องคอยตั้งรับ และเตรียมพร้อมที่จะรับมืออยู่ตลออด อีกทั้งต้องพร้อมเรียนรู้ต่อไป
- Understanding AI ทักษะการเข้าใจ AI ว่าเราเข้าใจมันมากพอหรือยัง
- Critical Thinking ทักษะที่จะช่วยวิเคราะห์ และปรับตัวกับโลกอนาคตที่เราจะได้พบเจอ
- Strong soft skills โดยเฉพาะเรื่อง Empathy การทำงานที่ดีคือการที่เราควรมี empathy ที่ดีทั้งต่องานและเพื่อนร่วมงานด้วย
- Proficiency in English ทักษะภาษาเองก็เป็นทักษะที่สำคัญ หากได้ภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีน ก็จะทำให้เรามีทักษะที่เป็นที่ต้องการมากขึ้นด้วย
- Awareness and understanding in Mega Trends
130. คุณซีเคบอกว่า ถ้ามองรอบตัวด้วยความเป็นจริง เราจะเห็นว่าทุกอย่างเคยเป็นจินตนาการมาก่อน โทรศัพท์มือถือ เครื่องบิน หรือรถยนต์ที่เป็นยานพาหนะที่สำคัญของเราในทุกวันนี้ ด้วยนวัตกรรมที่เกิดจากจินตนาการทำให้โลกของเราพัฒนาขึ้น คุณซีเคจึงมองว่า Creativity คือตัวสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมที่เพิ่มโอกาสให้กับคุณ คุณซีเคอยากให้เด็กรุ่นใหม่มีแนวคิดที่กล้า และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้แหละจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น เป็นที่ยอมรับมากขึ้น และจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนในประเทศดีขึ้นตามไปด้วย
131. ชีวิตเราควรทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อสิ่งที่เรารักจริงๆ เป๋าหมายที่เรารัก และเราจะมีความสุข เราจะไม่เครียดกับสิ่งที่เราทำ
132. เมื่อความต้องการสินค้าในประเทศลดลง จะทำให้ความต้องการเงินบาทลดลง ซึ่งอาจจะเป็นจุดอันตรายของประเทศ ยกตัวอย่าง Argentina ที่สกุลเงินของประเทศถูกแทนที่ด้วย USD
133. ถ้าอยากจะแข่งขันอะไร ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองจะแข่งอะไร ประเทศไทยจะไม่รู้ว่าต้องพัฒนาไปทางไหน หรือความพอดีของการข่งขันอยู่ตรงไหน และสถาบันครอบครัวจะเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการแข่งขันนี้
134. การจำแนกว่าคน Toxic คือคนที่เป็นแบบใด เราต้องย้อนกลับมาดูใจของเราเองว่า มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เราขุ่นข้องในใจเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งถ้ามี นั่นอาจเป็นสภาวะที่เราน่าจะเจอคน Toxic ดังนั้น จึงต้องแยกแยะก่อนว่าแบบไหนคือ Toxic รวมถึงระยะเวลาก็สามารถที่จะเป็นตัวบอกได้ว่านี่ใช่ Toxic หรือไม่
135. นิยามหัวหน้าที่ดี ถ้าลูกน้องมีความสุขกับการทำงาน เขาจะมองเห็นว่าสามารถเติบโตไปยังไงได้บ้าง และถ้ามีปัญหาหัวหน้าจะต้องช่วยเหลือเขาได้
136. เรามีสิทธิ์ feedback กับหัวหน้า ถ้าเราเจอหัวหน้า Toxic เวลา feedback เราต้องไม่ Toxic กลับ โดยให้ feedback ที่ผลกระทบหรือพฤติกรรม มากกว่าที่ตัวบุคคล เช่น นิสัย เพื่อทำให้เห็นชัดเจนว่า เราไม่ได้ว่าที่ตัวบุคคล แต่เรากำลังสื่อถึงเพียงบางด้าน หรือบางอย่างของคนคนนั้น
137. ความจริงใจ เป็นสิ่งสำคัญในการ Feedback แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ๆ - คนที่เป็นหัวหน้าเรา ไม่ได้หมายความว่าเขาเคยเป็นหัวหน้ามาก่อน เขาอาจจะแค่ทำผลงานได้ดี เลยได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้า ซึ่งการเป็นหัวหน้าไม่ได้ง่าย / ยอมรับว่า คนสามารถที่จะผิดพลาดกันได้
138. ทักษะที่สำคัญมาก คือ “สติ” การรับรู้ตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้เราผลักความคิดลบออกไปได้ และคนไทยน่าจะทำได้ดีกว่าต่างชาติ เพราะเรามีพื้นฐานในด้านนี้ รวมถึงอย่าเอาความ Toxic เหล่านั้นมาบั่นทอนตัวเองจนเกินไป เอาเวลาและพลังงานกลับมาใช้ชีวิตของเราให้ดี
139. ถ้าหนีจากคน Toxic ไม่ได้แล้วจริง ๆ ให้ลอง “แผ่เมตตาให้เขาดู” บางคนอาจเกินเยียวยา แต่อาจจะเวิร์กกับใครบางคนก็ได้ ให้ลองมีเมตตาต่อเขาดูก่อน อย่างน้อยมันก็จะเบาบางลงในความรู้สึกของเรา
140. ‘ความสม่ำเสมอ’ เป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการทำสื่อ ไม่ว่าจะอยู่ในมุมของครีเอเตอร์สายเทคนิค หรือสายออร์แกนิก และต้องตอบคำถามให้ได้ว่า “ทำไปเพื่ออะไร” ให้ได้
141. ถ้าเรามอบความเคารพและความปลอดภัยให้กับพนักงานได้ พนักงานก็จะรู้สึกปลอดภัยมในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกๆ gen ต้องการ
142. อะไรที่ทำให้คนๆ นึงแตกต่างจากอีกคน กัลยาณมิตร มี 4 ด้าน
- หัวหน้า - หัวหน้าชอบคนทำงานสำเร็จ ไม่ใช่แค่เสร็จ
- เมนเทอร์ - ชอบคนที่กตัญญู สอนงาน
- เพื่อนร่วมงาน - ชอบคนที่ช่วยเหลือกัน
- ลูกน้อง - ชอบเจ้านายที่เป็นโค้ช หวังดี ไม่หลอกใช้
143. ถ้าเป็น Partner กัน ต้องเรียนรู้ศิลปะแห่งการเสียเปรียบ เจอคนแบบนี้มัน Win Win ยิ่งให้ยิ่งได้
กลัวขาดทุน ถ้าขาดทุนพี่เหน้งรับเอง แต่ถ้ากำไรแบ่งกัน 3 คน
144. Likable Mindset เราชอบคนแบบไหนก็สังเกตคนนั้น เราไม่ชอบคนไหนก็ต้องสังเกต ว่าเขาทำอะไรให้เราไม่ชอบ เราจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่น
145. สกิลสำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน X-Shape นอกจากแบบ T กับ Y แล้วสกิลที่เหนือขั้นไปกว่าคือ X-Shape ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยคือ Trust × Creativity × Collaboration โดยนอกเหนือจากความรู้แล้ว เรื่อง Likability ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการประสบความสำเร็จเช่นกัน
146. เมื่อถามถึงความสำเร็จและการอยู่รอดในยุค AI คนมักพัฒนา ความสงสัย (Curiousity) และ วินัย (Discipline) จนหลงลืมบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ “ความน่ารัก (Likeability)”
147. หลักการ "Make My Boss Brilliant" Cathie Woods มีแนวคิดคือ "Make my boss Brilliant" ทำยังไงก็ได้ให้หัวหน้าเก่งที่สุด เขาบอกว่าจริงๆ เขาก็เก่งเท่าเพื่อนคนอื่น แต่เขาทำให้หัวหน้าดูดีได้ คนเลยเข้าใจว่าเขาเป็นคนเก่ง
148. เวลามี Crisis ต้องขอโทษก่อน แต่ถ้าไม่พอต้องหาคนมารับโทษ ตัวอย่างคุณโจ้ที่รับผิดแทนลูกน้อง ทำให้ลูกน้องทั้งหมดรู้สึกไว้วางใจและทำงานกันได้เข้าขากันมากขึ้น เพราะเขาไว้ใจว่าเวลามีเรื่องแล้วเขารู้ว่าคุณโจ้จะช่วยเหลือ
149. การหาเสียงมักจะพูดแค่ what แต่ไม่เคยพูดว่า how ต้องเป็นอย่างไร หากนักการเมืองไม่เข้า่ใจในจุดๆนี้ ก็จะอธิบายได้ยากว่าเราจะทำให้สิ่งที่เราหาเสียงเกิดขึ้นได้หรือไม่
150. อย่าไปวางแผนในเรื่องของอาชีพมาก แต่ให้วางแผนว่าตัวเองถนัดในด้านไหน ชอบทำอะไร ต่อให้ทำในตำแหน่งไหนก็ตาม แต่ก็ยังสามารถทำงานในสิ่งที่ตัวเองถนัดได้อ
151. การมองตัวเองมากกว่า จำเป็นจะต้องมีทีมที่ดี เช่น ในช่วงที่เจอวิกฤติ แต่เจอทีมดี เพื่อนร่วมงานที่ดี ก็จะรู้สึกมั่นใจตอนทำงาน
152. หลายคนมักพูด what ว่าจะทำอะไรบ้าง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ How ซึ่งเป็นหัวใจในการขับเคลื่อน ว่าจะทำอย่างไร
153. การวางแผนอนาคตจะยิ่งยากขึ้นทุกวัน เพราะมีความท้าทายที่เชื่อมโยงกันไปหมด การมองอนาคตจึงต้องเข้าใจสิ่งที่โลกกำลังจะมุ่งไปอย่างเท่าทัน
154. หัวใจสำคัญคือ ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเร็วเสมอ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เรามองความมั่นคงแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป
155. ชีวิตเปราะบางกว่าที่คิด จงใช้ชีวิตให้เหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้าย เพื่อที่เมื่อพรุ่งนี้ไม่ลืมตาขึ้นมาอีก จะไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย
156. อนาคตคือวันนี้ ไม่ใช่ปีหน้า earn with your mind not your time ถ้าวันนี้ขายได้แค่แรงงาน ต่อไปจะเหนื่อยมาก หน่วยวัดเดียวที่จะวัดprogress คือวัดกับตัวเองเมื่อวาน
157. Wisdom คือการได้รู้ว่าสิ่งที่เราเลือกวันนี้จะส่งผลอะไรในอนาคต
158. เวลาไม่สามารถย้อนคืนกลับมาได้ ในขณะที่รอชีวิตที่หวัง ชีวิตก็ได้ผ่านไปแล้วเช่นกัน
159. Squid Game ซีรี่ส์ชื่อดังที่สะท้อนบางสิ่งของสังคมปัจจุบันได้ชัดเจนที่สุด ในขณะที่โลกปัจจุบันเชิดชูคุณค่าของเงินทอง ชื่อเสียง ยอด Follower เป็นราคายืนยันคุณค่าของคนคนหนึ่ง และความดีกลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่ถูกมองเห็น และพระเอกเป็นคนเดียวที่แสดงให้เห็นถึง คุณค่าที่แท้จริงของชีวิต นั่น คือการทำและเลือกที่จะทำสิ่งที่ดีจนวินาทีสุดท้าย และสิ่งนั้นทำให้ชีวิตของเขามีค่ายิ่งกว่าใคร
160. ปรัชญา Eudaimonia คือ Business model ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเราคือสินค้าที่ตัวเราเองต้องเป็นคนสร้างให้ดีที่สุด ประกอบ 3 Stoic Triangle นั่นคือ
- Focus what you can control โฟกัสเฉพาะสิ่งที่เราควบคุมได้
- Arete - Live with Excellence ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด
- Take responsibily ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ตัวเองต้องเป็นคนรับผิดชอบชีวิตเราเอง
161. True Freedom comes from restrictions อิสรภาพที่แท้จริง คือ การเคร่งครัดกับตัวเอง และทำให้อิสรภาพของเรายั่งยืน
162. กลยุทธ์ในการบริหารงานให้ลูกค้ารัก ลูกน้องหลง: CTC framework
C - Current Client Trust based on ความเชื่อมั่นของลูกค้าเป็นหลัก เพราะเราได้ทั้งฐานลูกค้าและการบอกต่อลูกค้าใหม่ มัน right along กับ MBM ระดับหนึ่ง เพราะเขาชอบจุดแข็งและทนได้ต่อจุดอ่อนของเรา ถ้าเขาย้ายหรือลาออกอย่าลืม reach out หาเขา เพราะมันอาจมี oppotunity ให้เราอีก ในกรณีย้ายแบรนด์เขาก็อาจแนะนำเราอีก ในอีกกรณีเปลี่ยนผู้บริหารแล้วอยากเอาคนใหม่เข้ามาทำ เราก็ต้องสู้กันที่ผลงานอย่างเดียวเลย คือ ค่อย ๆ สร้าง trust กับเขานั้นเอง
T - Tell Stories ถ้าจะแข่งขันได้การเล่าเรื่องนั้นสำคัญ ถ้าคุณไม่มีเรื่องมาเล่า เท่ากับว่าคุณไม่มีตัวตน งานที่เราทำดีมาก ถ้าเราไม่เล่าออกไป ก็ไม่มีใครรู้ → “ไม่เล่า = ไม่มี”
C - Connect Right Partner การได้งานเพิ่มผ่านพาร์ทเนอร์ งานไหนเขาไม่ถนัดเขาก็จะนำมาให้เรา หรืองานไหนเราไม่ถนัดเราก็สามารถหาทีมที่ไว้ใจได้
163. Pause a little longer, observe yourself, what’s the clients want, what’s the customer want, and that’s will make you become a better leader หยุดนิ่งให้นานขึ้นอีกนิด แล้วลองสังเกตตัวเองให้ดี ว่าลูกค้าต้องการอะไร ผู้บริโภคต้องการอะไร — สิ่งเหล่านี้แหละที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้นำที่ดีขึ้น
164. If we are already aware of our colleagues' leader color, we need to adapt not just us, but they need to do so too. ถ้าเรารู้แล้วว่าเพื่อนร่วมงานของเรามีสไตล์ความเป็นผู้นำแบบไหน (Leader Color) การปรับตัวไม่ใช่แค่หน้าที่ของเราเท่านั้น - แต่พวกเขาเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน
165. การทำช่องของตัวเอง (ผลิตเนื้อหา) เริ่มเป็นสนามที่ท้าทายมากขึ้น ฉะนั้นเราต้องหา “ความแตกต่าง” ให้เจอ define ตัวเองก่อน คิดว่าในอีก 5 ปี เรายังจะทำเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า
166. งานการตลาดเหมือนต้นไม้ คือ ถ้ามองจากผลลัพธ์จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องแก้จาก ‘Root Cost’
167. ถ้าอยากได้ Idea ที่ว้าวลูกค้าไม่มีหน้าที่บอกเรา เราต้องเข้าใจ Pain ของลูกค้า หลังจากนั้น innovator จะเป็นคนคิด และเอา idea มาทดสอบอีกที นี่คือ design thinking
168. วิธีอยู่กับตัวเองที่ทำได้เอง Havening Technique (Butterfly hug)
- ไขว้แขน วางมือแตะด้านหน้าหัวไหล่
- ค่อย ๆ แตะหัวไหล่สลับข้าง ตามจังหวะช้า ๆ เพื่อช่วยให้ระบบประสาทกลับมาสู่สภาวะสมดุล
- ค่อย ๆ ไล่สัมผัสลงมาตามแขนและข้อมือ อย่างนุ่มนวล ช้า ๆ
- โอบกอบตัวเอง
- สังเกตลมหายใจ เข้าลึก ออกยาว
- ฮัมหรือเปล่งเสียงให้ร่างกายสั่นสะเทือน
- สามารถเลื่อนไปแตะร่างกายส่วนอื่นได้ เช่น ลำตัว ต้นขา เป็นต้น
- สามารถหลับตา จินตนาการถึงพื้นที่ปลอดภัย
- ให้กำลังใจตัวเอง ชม หรือขอบคุณ
169. เสียงไม่ใช่แค่การได้ยินหรือการพูดออกไป The Voice is the self :DR. Sylka Uhlig
เสียงคือตัวตนของเรา ไม่แยกจากตัวเราไป เสียงสามารถสะท้อนสภาวะสุขภาวะของเราได้อย่างใกล้ชิดและชัดเจนว่าเราเป็นอย่างไร เมื่อสะท้องภาวะของเราได้ก็สามารถเยียวยาได้ ในระดับร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจิตวิญญาณ นี่คือพลังของเสียง
170. วันธงชัยคือวันที่ทำอะไรก็สำเร็จ ซึ่งในปฏิทินจะระบุทั้งกิจกรรมที่ควรทำและไม่ควรทำ โดยมี 12 แพทเทิร์นที่หมุนเวียนกันไป ได้แก่: วันแห่งการสร้าง, การขจัด, ความอุดมสมบูรณ์, ความสมดุล, ความเสถียร, การริเริ่ม, การทำลาย, ความอันตราย, ความสำเร็จ, การได้รับ, การเปิด, การปิด
171. Creator ต้องเข้าใจตัวเรา เข้าใจคนดู พร้อมเปลี่ยนแปลง และทำอย่างสม่ำเสมอ เป็น Superpower ที่จะช่วยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
172. ช่องเทพลีลามีเป้าหมายที่พี่เหว่งจะถอยออกมาจากหน้ากล้องและให้องค์กรอยู่ได้ ตอนนี้ยังทำไม่ได้แต่เห็นแนวทางที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่การหาตัวตายตัวแทนมาแทนเรา คนมันแทนกันไม่ได้ คนที่ขึ้นมาคือเคมีที่แตกต่าง แต่ตรงกับองค์ประกอบของช่อง กับ Business ตรงกับ Content และ ตรงกับตัวเขา ไม่ใช่มาแทนเรา แล้วมันจะรอด
173. Community ไม่ใช่แผนของทางลง แต่ Community เป็นความจำเป็น คือสิ่งสำคัญของการเป็น Creator Community ของพี่มี 2 แบบหนึ่ง คือ influencer ด้วยกันเอง อีกแบบหนึ่งคือกลุ่มแฟนที่ติดตามพวกเราในทุกช่อง รู้จักกัน
174. เศรษฐกิจเวลานี้การสร้างคอนเทนต์ awareness อย่างเดียวอยู่ยาก ต้องสร้างยอดขายด้วย ผ่านการสร้างคอนเทนต์จากแบรนด์เอง คือ ECG (Employee Generated Content) คือ การให้พนักงานในบริษัทมาบอกเล่า ด้านการให้ ครีเอเทอร์พูดแทนจะช่วยกระจาย สร้างการรับรู้ แต่การให้พนักงานทำคอนเทนต์ ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่า พนักงานรู้จักแบรนด์ดีที่สุด ไม่ว่าจะยอดขายหรือ Ingredient พนักงานเป็นกระบอกเสียงที่ดี มีความเป็นมนุษย์ เมื่อรู้สึกว่าแบรนด์มีความเป้นมนุษย์มากๆ จะรู้สึกว่าใกล้เคียงกับเรา ทำให้ลูกค้าเชื่อใจในแบรนด์มากขึ้น
175. ความเชื่อมั่นของคนดู เราซื้อตามเพราะเราเห็นเขาใช้งานจริง หากเป็นแบรนด์แล้วต้องใช้ครีเอเตอร์ มันไม่ได้แปลว่าคนที่มีชื่อเสียงมาก คนติดตามเยอะ แล้วจะทำอะไรก็ได้ บางทีไม่เกิดยอด Conversion เลย ต้องถูกตัว ถูกคน คนที่ใช่พอดี มันจะชัดเจน
176. เราต้องเข้าใจเราจริงๆ และพร้อมเปลี่ยนแปลง โซเชี่ยลมีเดียเร็วมาก แพลตฟอร์มเยอะมาก เราไม่ต้องเอาทุกทาง เลือกหลายทาง Piority อยู่ตรงไหน และพร้อมเปลี่ยนแปลง ยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเราอยู่นิ่งไม่ได้ ถ้าเราใช้ไม่เป็นต้องมีคนที่ใช้เป็น เราต้องเจอคนนั้น ในทีมมีคนใช้เป็น มีคนสนใจ เราถอยไปเรื่องอื่น
177. การเป็นครีเอเตอร์ถ้าเราไม่เข้าใจเลย เราจะเดินเส้นผิด เมื่อผิดตั้งแต่วันแรก เราย้อนกลับมาจะเสียเวลา ถ้าดังแต่ไม่ใช่เรา วันนึงเราก็จะเลิก มันกัดกร่อนเรา จนเราพัง เรา Burnout เราทำผิดทางไปแล้ว พยายามหาสิ่งที่ชัดการแล้วทดลองมัน ปรับเปลี่ยนไปได้
178. เวลาในการหา Insight จะขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการลงคอนเทนต์ หากเราลงคอนเทนต์บ่อย ๆ ก็จะเห็น Insight ได้ไวมากขึ้น ว่าสิ่งที่เราทำลงไปมันใช่จริง ๆ แล้วไหม
179. สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ การสร้างคาร์ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะพอเราเริ่มดัง ก็จะมีคนที่ Look Up To เรา คนที่มองเราเป็นไอดอล คนที่ทำตามเรา
180. Insight เข้าใจคนดูให้ขาดว่าต้องการอะไร ทั้ง 4 มุม จะช่วยให้การเติบโตยั่งยืนมากขึ้น
- Value คนดูอยากได้อะไรกลับไป
- Insight Trigger อะไรที่จึ้กใจคนดู
- Emotional Relevance รู้สึกว่าเกี่ยวกับตัวเอง คอนเทนต์นั้นมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
- Worth Sharing เขาอยากส่งต่อไหม
181. สรุปการเป็นครีเอเตอร์ ไม่ใช่แค่ทำให้ “ดัง” แต่ต้อง เข้าใจผู้ชม, สร้างคาแรคเตอร์ที่จริงใจ, มีวินัย, สร้างคอมมูนิตี้, และ กล้าปรับเปลี่ยนตามยุค
182. เทรนด์การนำเสนอคอนเทนต์ในช่วงที่ผ่านมา มี Insight อะไรที่น่าจับตา การเสพคอนเทนต์สามารถสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนได้
- Scam Alert: ผู้คนมองหาความจริง เช่น คุณหนุ่มกรรชัย หรือช่อง DOM ที่เป็นการให้ข้อมูลเรื่องกลโกง แต่ก็ยังได้ความสนุก
- Joy Feed: คนอยากคลายเครียด เช่น ช่อง forgiForfun ของคุณเฟิร์น ที่เวลาร้องไห้ แมวก็จะมาเล่นด้วย
- In Search for Equality: คนให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมจากความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น เช่น ช่องครูสุรเบล ที่สอนวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กประถมแล้วลงคอนเทนต์
- In Search for Income: คนมองหารายได้เสริมในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง เช่น ช่อง Nack Siwakorn ที่มีการสอนมองหารายได้เสริม
- Entrepreneur Life: คนมองหาความสำเร็จ เช่น ช่องคุณซุง สตาวิน ที่ทำคอนเทนต์โชว์ Behind the scenes ของการทำธุรกิจ
183. ข้อมูลที่เก็บสถิติจาก Creator ว่าทำ Content ประเภทไหนกันบ้าง เผยให้เห็นว่า
- 82.7% ของ Creator ทำคลิปสั้น ซึ่งเกิดจากคนดูโหยหาคลิปสั้น ส่วนในมุม Creator ทำคลิปสั้น 1 ครั้ง ก็สามารถลงได้ทุกแพลตฟอร์ม เพราะวิธีการเสพเหมือนกันหมด
- การไลฟ์เติบโตขึ้นมา 14.1% เช่น ช่อง 9arm แสดงให้เห็นว่า คนชอบดูไลฟ์ เพราะได้มีส่วนร่วมกับ Creator
- โดยสมัยก่อนการไลฟ์ไม่สามารถหาเงินได้ แต่ปัจจุบัน สามารถสร้างรายได้ได้หลากหลายแแบบ จากทั้งแฟนคลับ และแพลตฟอร์ม เช่น การโดเนท ยอด View เป็นต้น
184. ข้อมูลจาก Statista แสดงให้เห็นว่า ขนาดของ Influencer marketing ในระดับโลกมีมูลค่าถึงหลัก 1 ล้านล้านบาท และสิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของมูลค่าตลาดในปี 2025 ก้าวกระโดดขึ้นมาจากปี 2024 มาก ๆ
185. สำหรับ Creator อาจจะมองเห็นว่า ตลาดเป็น Red Ocean แต่ก็ยังมีโอกาสในการเติบโตอยู่เสมอ, ความชัดเจนในตัวตนของตนเอง เป็นสิ่งสำคัญ และการนำ AI เข้ามาช่วยก็สามารถทำได้เช่นกัน
186. ในอดีต ครีเอเตอร์กว่า 90% สร้างรายได้จากการจ้างของแบรนด์ แต่ปัจจุบันครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากการการขายสินค้า Merchindise ของตัวเองบนแพลตฟอร์ม 46.6% รองลงมา 37.8% มาจากคอนเทนต์ของสปอนเซอร์ แบรนด์ และ 25.6% จากคอนเทนต์ปักตะกร้า น่าสังเกตว่าคนที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย มักเริ่มต้นจากการเป็นครีเอเตอร์ก่อนแล้วถึงสร้างแบรนด์ ซึ่งตอนนี้เราจะเริ่มเห็นแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มผันตัวเองไปเป็นครีเอเตอร์บ้างแล้วเหมือนกัน
187. 3 สิ่งที่ต้องยึดถือ คือ ทำคอนเทนต์ให้ดี เป็นตัวของตัวเอง อย่าโลภ และอย่าลัด
188. ลูกค้าต้องเป็น "ศูนย์กลาง" ของทุกสิ่งที่แบรนด์ทำ มุกเดิม ๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะผู้บริโภครู้ทันและดื้อแบรนด์มากขึ้น การทำแบรนดิ้งท้าทายมาก โดยเฉพาะเรื่อง “งบประมาณ” ที่ไม่สะท้อนยอดขายทันที
189. ทัศนคติหลักในการมีสติ
- จิตใจที่เปิดกว้าง
- ไม่ตัดสิน
- ไม่โลภ อดทน
- ไว้วางใจ
- ยอมรับ
- ปล่อยวาง
190. เคล็ดลับ Branding ที่ได้ผล Branding ต้องคิดร่วมกับ “Business Model” / คิดเล็กให้ยิ่งใหญ่ = ดีกว่ามองหาแต่ Big Idea / ลูกค้าชอบแบรนด์ที่จริงใจ และอยากเล่าเรื่อง / การทำ Branding ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ช่วงแคมเปญ
191. องค์ประกอบที่จะทำให้เราทำแบรนด์ได้ในระยะยาว (การเสริมและสร้างแบรนด์) เริ่มต้นจาก 5 C
- Commitment (ปณิธานความมุ่งมั่น) ส่วนที่จะทำให้เราเข้าใจได้ว่า เรากำลังทำอะไร และแบรนด์อยากทำอะไร จนทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับ Brand Story และ Brand Cult
- Construct (การเสริมและสร้างแบรนด์) ทำให้มีภาพของแบรนด์ที่ชัดเจนมากขึ้น จนเกิดการเชื่อมโยงสู่ Brand Story และ Brand Cult
- Community (สังคมของแบรนด์) สังคมตรงนี้ของแบรนด์จะทำให้หากวันที่เราขายไม่ได้ เรายังมีคนกลุ่มนี้ที่คอยสนับสนุน จนทำให้เกิด Brand Story และ Brand Cult
พอทั้งหมดคงเส้นคงวาจะทำให้สองอย่างสุดท้ายเข้มข้นและปิดจมเกมส์ได้ทันที คือ
- Content (เรื่องราวและการเล่า)
- Consistency (การบริหารอย่างคงเส้นคงวา)
192. Be Kind: ใจดีกับตัวเอง ทีม ลูกค้า เมตตาและเข้าใจในสิ่งนี้ให้มากมาก / Be Focused: รู้ตัวให้ได้ตลอด เราอยากทำอะไร เราทำอะไรอยู่ / Be Real: จริงใจเข้าไว้ หากเราปลอม ลูกค้าจะทราบได้ทันที
193. การทำ brand ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนต้องร่วมกันทำ เพื่อให้เกิดภาพจำ
194. การนอนไม่หลับไม่ใช่เสียงกระซิบจากพระเจ้า ให้เราดูแลตนเอง แต่เป็น Connection ระหว่าง Mind - Body ว่าเรามีปัญหา ถึงเวลาที่ต้องใส่ใจ ต้องเริ่ม Track คุณภาพการนอนได้แล้ว วันนี้อาจจะรู้สึกว่าตื่นมาไม่สดชื่น ดื่มการแฟแล้วหาย แต่ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตอัลไซเมอร์อาจจะก็ได้นะ จากจุดเริ่มต้นแค่การนอนไม่หลับของคนเมืองเยอะกว่าคนใช้ชีวิตตามสายลมแสงแดด
195. การที่จะ Keep up กับอะไรสักอย่างต้องใช้พลังงาน ต้องใช้ Resource มาก ๆ ไม่ว่าจะบริษัทใหญ่หรือเล็ก เรามี resource ค่อนข้างจำกัด การที่เราจะวิ่งตามทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ยาก ต้องเข้าใจหา จุดโฟกัสตัวเองว่าคืออะไร ทุ่มไปสิ่งนั้น หา Partner ที่จะ Colaborate ร่วมกัน
196. ในแต่ละบริษัทของเรามีจุดแข็ง หน้าที่ของเราคือต้องมุ่งพัฒนาในส่วนที่เรามองว่าเป็นจุดแข็งของเรา ในส่วนของพาร์ทเพิ่มเติมที่จะเป็นการพัฒนาเพิ่ม เราควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพาร์ทเนอร์
197. เรากับพาร์ทเนอร์ควรมี business goal ด้วยกัน การที่เราจะตั้งเป้าหมายใน business เราต้องมั่นใจด้วยว่าเป้าหมายนั้นจะสามารถหล่อเลี้ยงเราและพาร์ทเนอร์ไปได้
198. Digital Transformation คือทางรอดไม่ใช่ทางเลือก เพราะลูกค้ามี Expect ที่สูงขึ้น เราสื่อสารต้องเป็นกฎระเบียบ ตัวเลขต้องเป๊ะ สรุปมาได้ 4 แกน
- Purpose ไอทีดีพาร์ทเมน เป็นเรื่องของทุกคนในองค์กร
- Inside out การมีส่วนร่วมของทุกคนในองค์กร การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นและมีอิมแพคได้ ต้องให้คนทั้งองค์กรมองเห็นภาพเดียวกันและเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกัน
- Ownership App Owner, Cutodient เรารวบสองอันนี้เป็นยูนิต TTB Spark ทำหน้าที่เปิดร้าน TTB Touch ธุรกิจอยากจะเอาโปรดัคส์อะไรมาวาง เรายินดี Service ให้
- Execution อาจจะแตกต่างจากแผน แต่มันคือภาพจริงของการทำงาน
199. ในอนาคตการตลาดแบบรู้ใจ Personalization จะเป็นเรื่องธรรมดา แต่การตลาดแบบเข้าใจมนุษย์ Humanized Personalization จะกลายเป็นเรื่องสำคัญที่วัดว่าธุรกิจเราเป็นคนแบบไหน
200. สิ่งที่เราควรโฟกัสจริง ๆ คือ ทำตัวเองให้เก่งมากพอ และมีความกล้าที่จะรับมือกับทุกวิกฤตที่กำลังเข้ามา
แถมไปสิแบบจุก ๆ
201. อย่าขาย ในสิ่งที่คุณไม่กล้าขายให้คนที่บ้าน อย่าทำการตลาด แบบที่คุณไม่อยากให้คนอื่นทำกับแม่ของคุณ
ใครที่อยากรับชมแบบจัดเต็ม สามารถซื้อบัตรรับชมย้อนหลังทุกเซสชันเพิ่มเติมได้ที่
👉 https://bit.ly/3TRATke
