แม้ว่าหลังจากนั้น ความนิยมของ Furby จะหายไปตามกาลเวลา แต่รู้หรือไม่ว่านั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ Furby หายไป เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ถูกปลุกชีพขึ้นมาใหม่หลายครั้ง แม้กระทั่งปัจจุบัน Furby ก็เพิ่งโดนบริษัทของเล่นอย่าง Hasbro กลับมาปลุกชีพด้วยคอลเล็กชันใหม่ ท่ามกลางกระแสที่จางลงตลอดหลายปี คำถามคือทำไม Furby ถึงไม่เคยจางหายไปกันนะ?
คำตอบก็คือ ‘ความคิดถึง’ ยังไงล่ะ
ก่อนจะเล่า ต้องย้อนความกันสักนิดนึงว่าเจ้า Furby เปิดตัวครั้งแรกที่งาน American International Toy Fair ปี 1998 โดยบริษัท Tiger Electronics ซึ่งผู้สร้างอย่าง Dave Hampton ได้กล่าวไว้ว่า เขาสร้าง Furby ขึ้นมาเพราะประทับใจในของเล่นอย่างทามาก็อตจิ แต่เจ้าทามาก็อตจิก็เกือบจะเป็นของเล่นที่สมบูรณ์แล้ว ยกเว้นว่าพวกเราไม่สามารถเลี้ยงมันจริง ๆ ได้
นั่นทำให้ Dave Hampton ไปจับมือกับ Caleb Chung ในการออกแบบเจ้าของเล่นชิ้นนี้ถึง 9 เดือน และใช้อีก 9 เดือน (รวมเป็น 1 ปี 8 เดือน) เพื่อการสร้าง Furby ขึ้นมา โดยยึดมั่นในคอนเซปต์ว่า ‘ของเล่นที่มีชีวิต’
ในเวลานั้นของเล่นต่าง ๆ ต้องมีใช้การกดปุ่มต่าง ๆ ถึงจะสามารถโต้ตอบกับเราได้ แต่ไม่ใช่กับ Furby เพราะสิ่งนี้นับเป็นความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมของเล่น ที่ใช้หุ่นยนต์ผสานปัญญาประดิษฐ์ นั่นทำให้ Furby สามารถโต้ตอบกับเราได้ทันทีราวกับมีชีวิตอยู่จริง ๆ
ในปี 1998 เจ้า Furby จึงได้รับการแนะนำ ว่าเป็นไอเทมที่ ‘ของมันต้องมี’ ซึ่งส่งให้ Furby ขายได้ถึง 1.8 ล้านชิ้น และพุ่งขึ้นเป็น 14 ล้านชิ้นในปีต่อมา จนกระทั่งขายได้ถึง 40 ล้านชิ้นในปีที่ 3 ของการวางจำหน่าย
แม้ Furby จะน่ารักแค่ไหน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ชอบมันอยู่ดี เพราะในอีกมุม Furby ก็ดูคล้ายสิ่งมีชีวิตมากไปจนน่าขนลุก วันดีคืนดีมันก็ลุกออกมาร้องกลางดึกเอง ซึ่งทำให้หลายคนขวัญผวา โดยวิธีเดียวที่จะปิดมันได้อย่างสมบูรณ์ก็คือต้องถอดแบตเตอรี่ออกเท่านั้น
นั่นทำให้ของเล่นปุกปุยชนิดนี้ ถูกโยนไปไว้ที่หลังตู้เก็บของอย่างไร้ความปรานี และท้ายที่สุด ก็เหมือนสิ่งของชนิดอื่น ๆ Furby เป็นเทรนด์ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หลังจาก 3 ปีแห่งความรุ่งโรจน์ ความนิยมของ Furby ก็ลดฮวบฮาบลง เนื่องจากอุปทานของสินค้ามีมากเกินไป กระทั่งปี 2007 Furby ก็หายไปจากชั้นวางของเล่นทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลายปีต่อมา มีความพยายามอีกครั้งในการปลุกชีพ Furby ขึ้นมาใหม่ ด้วย Furby Third generation ซึ่งการกลับมาคราวนี้เจ้าของเล่นมาพร้อมการตอบสนองด้านอารมณ์ที่มากขึ้น และยังสื่อสารได้ผ่านดวงตา LCD โดยครั้งนี้นับว่าฮิตเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ในประเทศไทยเอง ก็มีกระแสเฟอร์บี้ ฟีเบอร์อยู่นานหลายเดือน
แม้ว่าครั้งนี้ Furby จะถูกปลุกชีพ จนกลับมามีกระแสอยู่พักหนึ่ง แต่มันก็นับเป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่กระแสของเจ้าปุกปุยก็ซา ไปตามกาลเวลา
ทว่าเอาเข้าจริง ผู้เล่นหลายคนยังคงโหยหาวันเวลาของ Furby แบบเก่า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่มีตลาดสำหรับ Furby รุ่นเก่าค่อนข้างมากใน eBay เพราะผู้ใหญ่หลายคน ก็มักซื้อมาสะสมเพื่อเติมเต็มหัวใจในวัยเด็กกันทั้งสิ้น
นั่นทำให้ในปี 2023 บริษัท Hasbro ก็ได้เตรียมปลุกชีพ Furby กลับมาอีกครั้ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีของแบรนด์นี้ ซึ่งแน่นอนว่า ครั้งนี้มันมาพร้อมกับปุ่มปิด เพื่อจะได้ไม่ต้องปลุกคนให้ตื่นในขณะหลับอีกต่อไป
Kristin McKay รองประธานของบริษัทของเล่น Hasbro ได้กล่าวว่า “สำหรับวันครบรอบ 25 ปีของแบรนด์ เราต้องการจุดประกายความตื่นเต้น ด้วยการควบคุมพลังแห่งความคิดถึงของ Furby ขึ้นมา”
Furby ถูกสร้างออกมาเมื่อ 25 ปีก่อน ซึ่งเด็กที่เล่นกับมันตอนอายุ 6 ถึง 8 ขวบในเวลานั้น ตอนนี้พวกเขาก็อายุ 30 กว่าปีแล้ว นั่นทำให้ Gen เหล่านี้เป็นกลุ่มประชากรที่มีความทรงจำของ Furby มากมาย โดยการที่พวกเขามีความเชื่อมโยงทางอารมณ์ของวัยเด็กที่ก่อตัวขึ้นในใจ สามารถไปกระตุ้นความปรารถนาที่จะกลับไปหา Furby และแบ่งปันประสบการณ์กับลูก ๆ ของพวกเขาได้อีกครั้ง หรือเอาง่าย ๆ การกลับมาของ Furby ครั้งนี้ นับว่ามีกลุ่มเป้าหมายคือเพื่อสนองความคิดถึงของผู้ใหญ่หัวใจเด็กล้วน ๆ
การมีอยู่ของ Furby เป็นหนึ่งในข้อสังเกตว่า การตลาดที่ใช้ความคิดถึง ยังคงเป็นสิ่งที่ขายได้เรื่อย ๆ นั่นทำให้แม้เวลาจะผ่านไป Furby ก็ยังคงเป็นของเล่นอันเป็นที่รักของผู้คน ตราบใดที่มันยังคงเชื่อมต่อผู้คนทางอารมณ์ และปรับตัวเข้ากับเวลาที่เปลี่ยนแปลง Furby ก็น่าจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมต่อไปอีกหลายปี
ที่มา
- Furby, the bug-eyed, gibberish-talking ’90s toy phenomenon, has been revived — again
- Furby – Wikipedia, the free encyclopedia
- How Did Furbies, Cute Emblem of Nineties Nostalgia, Get So Evil?
- Here’s How That Furby Craze In The ’90s REALLY Began — And Why They Still Give You Nightmares