ขึ้นชื่อว่าเรื่อง “ลิขสิทธิ์” น่าจะเป็นเรื่องที่ใครหลายคนเคยเกิดข้อสงสัยว่า มันสำคัญและมีขั้นตอนกระบวนการทำงานอย่างไร และเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ที่มีลิขสิทธิ์ ทาง CREATIVE TALK ได้ไปหาคำตอบในเรื่องนี้มาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว แถมคนที่เราไปถามก็เป็นคนที่เชี่ยวชาญและมีผลงานการร่วมงานกับสินค้าลิขสิทธิ์มาแล้วหลายครั้ง
โดยเรื่องราวของการร่วมงานกับสินค้าลิขสิทธิ์ สิ่งนี้ได้ถูกถ่ายทอดจากประสบการณ์ของ คุณปิ๊น – อนุพงศ์ คุตติกุล เจ้าของร้านสตรีทแฟชั่นชื่อดัง Carnival ผ่านรายการ CT smallTALK Ep.3 ที่ออกอากาศไปช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคุณปิ๊นได้แนะนำขั้นตอนสำคัญในการร่วมงานกับสินค้าลิขสิทธิ์ไว้ดังนี้
1. การติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องทำถูกต้องครบถ้วน
ขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนสำคัญก็คือการติดต่อหาเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ต้องร่วมงานด้วย กระบวนการติดต่อหลายคนอาจจะมองว่าง่าย มองว่าแค่มีคอนเนคชั่นก็สามารถติดต่อได้แล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วคุณปิ๊นได้บอกกับทางเราไว้ว่า การจะติดต่อและขอร่วมงานกับสินค้าลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม สิ่งแรกที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะดูเลยก็คือ การเอานำลิขสิทธิ์ไปใช้เนื่องในโอกาสอะไร ตัวแบรนด์ของเราที่ติดต่อไปมีชื่อเสียงมากน้อยขนาดไหน รวมไปถึงข้อจำกัดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อได้นำลิขสิทธิ์ไปใช้แล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลายาวนาน ต่ำๆ ก็ 3 – 6 เดือนเลยล่ะกว่าจะได้เริ่มทำสินค้าตัวนั้นออกมา
2. ทุกอย่างต้องอยู่บนความพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป
ขั้นตอนนี้น่าสนใจมากๆ เพราะการได้ร่วมงานกับสินค้าที่มีลิขสิทธิ์อยู่แล้ว สิ่งที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะค่อนข้างใส่ใจและสนใจมากๆ ก็คือ ความโดดเด่นที่ไม่ทำให้ตัวลิขสิทธิ์นั้นเสียตัวตนและคาแร็คเตอร์ที่สร้างไว้ไป คุณปิ๊นเลยขอยกตัวอย่างขึ้นมา อาทิเช่น การจะได้เสื้อลิขสิทธิ์จากการ์ตูนนารูโตะมา ทางเจ้าของจะขอดูขนาดของตัวละครทั้งหมดที่จะต้องอยู่บนเสื้อผ้าว่า มีขนาดใหญ่เล็กขนาดไหน อีกทั้งตัว LOGO ของแบรนด์เองก็ต้องไม่ใหญ่ทับตัวการ์ตูนด้วยเช่นกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องบอกเลยว่า กว่าจะได้กันออกมาเป็นสินค้าชนิดนึง บางตัวแก้แบบกันไปมา ใช้เวลาเกือบถึง 1 ปีเลยเชียวนะ
3. สินค้าที่ผลิตต้องมีจำนวนและราคาที่ชัดเจน
สิ่งสุดท้ายหรือขั้นตอนก่อนวางขายก็คือ การจะวางขายซึ่งสินค้าลิขสิทธิ์ได้ หลังจากที่ตกลงในเรื่องของแบบสินค้าไปเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ทางเจ้าของลิขสิทธิ์จะคำนึงถึงเป็นอย่างมากก็คือ จำนวนของสินค้าที่ผลิต ที่เมื่อแจ้งไปแล้ว คุณจะไม่สามารถสั่งลดหรือเพิ่มได้อีกแล้ว หรือรวมไปถึงในเรื่องของราคาหากตั้งไว้แล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกต่อไป ตรงนี้เองจึงถือว่าต้องเป็นจุดที่ผู้ผลิตมั่นใจและเชื่อในจำนวนที่ตัวเองต้องการวางขายเพราะหลังจากนั้นจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
และเมื่อจบจาก 3 ขั้นตอนสำคัญของการทำงานกับทางลิขสิทธิ์แล้วก็ได้เวลาขายของแล้ว เราจะเห็นได้ว่า สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย ทุกขั้นตอนมีรายละเอียดมากมายเต็มไปหมด ฉะนั้นแล้วใครที่กำลังจะคิดว่า อยากจะร่วมงานกับสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ต้องห้ามลืม 3 ขั้นตอนนี้เด็ดขาด ที่สำคัญอย่าลืมวางแผนระยะการทำงานไว้ด้วยนะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการผจญภัยในโลกธุรกิจนะครับ