3 เทคโนโลยี Retail ยุคใหม่ ซื้อสะดวก ทันใจ เอาใจคนช่างเลือก

Last updated on เม.ย. 1, 2024

Posted on พ.ย. 19, 2020

ผลสำรวจปี 2020 ของ PwC ชี้ว่า ในปัจจุบัน ผู้บริโภคมากกว่า 1 ใน 3 ใช้มือถือสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำ ทำให้ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ที่เคยมีแต่หน้าร้านออฟไลน์ ต้องมีระบบสั่งซื้อออนไลน์ควบคู่ไปด้วย เรียกว่า ‘Omnichannel’ 

ไม่เพียงแค่นั้น หลายแบรนด์ยังทำการตลาดเชิงรุกบุกไปหาลูกค้าถึงที่ อย่างเช่น การทำ Virtual Store ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แผ่นป้ายโชว์สินค้าที่จัดเรียงไว้บนชั้นเหมือนของจริง พร้อมกับติด QR Code เพื่อให้คนซื้อสแกน กดสั่งซื้อ และชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเดินซื้อด้วยตัวเอง ทำให้มีเวลาเหลือได้รีบกลับบ้านไปหาครอบครัว หรือพักผ่อนหย่อนใจได้เร็วขึ้น

ภาพจาก www.stuff.co.nz

CREATIVE TALK มาอัปเดต 3 เทคโนโลยีล้ำ ๆ สำหรับร้านค้าปลีก (Retail) ที่ไม่ใช่แค่จัดแสดงโชว์ให้ร้องว้าวในงาน Expo แต่นำมาใช้จริงกันแล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า และกระตุ้นให้รีบตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น

1. ค้นหาสินค้าด้วยภาพถ่าย (Visual Image Search)

ในอนาคตเทคโนโลยีการค้นหาด้วยภาพ หรือ Visual Image Search คาดว่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น เห็นได้จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่พัฒนาเทคโนโลยี AR เพื่อมารองรับการใช้งาน อย่างเช่น Google Lens ที่ช่วยให้เราหาข้อมูลที่ต้องการได้ ชื่อภาพเพียงแค่ถ่ายรูปแล้วค้นหาบนเว็บไซต์

เช่นเดียวกับ CamFind แอปพลิเคชั่นที่ช่วยผู้ซื้อตามหาสินค้าเหมือนในรูปตัวอย่าง เพียงแค่แคปหน้าจอหรือถ่ายรูปสินค้าที่ต้องการ ระบบจะแสดงข้อมูลว่า สินค้านั้นคือแบรนด์อะไร และแนะนำสินค้าที่ใกล้เคียงในราคาที่เราพอใจให้ได้ สามารถเปรียบเทียบราคากับร้านค้าอื่น ๆ รวมถึงช่วยค้นหาร้านสาขาใกล้บ้าน เพื่อแวะไปดูสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

ดังนั้น สิ่งที่ร้านค้าต้องทำคือ การสร้างร้านค้าออนไลน์ เว็บไซต์ และโปรไฟล์ที่ตั้งธุรกิจ (Local Business) เพื่อให้ลูกค้าค้นเจอสินค้า บริการต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ เพื่อดึงให้ลูกค้าเข้ามาดูรายละเอียดสินค้าบนร้านค้าออนไลน์ของเรา หรือในบางครั้งลูกค้าสนใจเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้าน ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะปิดการขายได้

2. ทดลองใช้สินค้าได้เสมือนจริงด้วย เทคโนโลยี AR

สินค้าบางประเภทลูกค้าต้องการทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ จึงมีเทคโนโลยีภาพเสมือน 2 มิติ (2D Augmented Reality) ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมให้ลูกค้าเห็นว่า ถ้าได้ใช้สินค้านั้นจริง ๆ จะออกมาเป็นหน้าตาอย่างไร ซึ่งถ้าลูกค้าพึงพอใจ ก็สามารถมาซื้อสินค้าจริงที่หน้าร้านหรือสั่งผ่านออนไลน์

ตัวอย่างเช่น ‘IKEA Place’ แอปฯ จำลองการตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์สัญชาติสวีเดน เพื่อให้คุณสามารถจินตนาการออกว่า หากนำมาตกแต่งภายในบ้านของคุณเองแล้ว จะเข้ากับโทนสีของห้อง และเฟอร์นิเจอร์เดิมรึเปล่า ซึ่งช่วยให้คุณมีอิสระที่จะเลือกวางเฟอร์นิเจอร์ต่างชุดเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นสไตล์ของคุณเอง

หรือ ‘Memory Mirror by Neiman Marcus’ กระจกลองเสื้อ (Outfit-Modeling Mirrors) ประกอบด้วยจอขนาดเท่ากระจกตั้งพื้น พร้อมติดตั้งกล้องที่แสดงให้คุณเห็นตัวเองในกระจก สำรวจดูชุดทรงไหนใส่แล้วเหมาะกับรูปร่าง สีไหนจะขับผิวคุณให้เปล่งปลั่งที่สุด สามารถหมุนตัวดูได้ 360 องศา เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชุดไปมาให้เหนื่อย แถมโปรแกรมยังช่วยส่งภาพไปให้คนใกล้ชิดของคุณช่วยตัดสินใจ และยังช่วยแนะนำครื่องประดับ กระเป๋าที่เข้ากับชุดให้คุณได้อีกด้วย

3. หุ่นยนต์ทำอาหาร

เราเคยเห็นกันไปบ้างแล้วกับหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร แต่ครั้งนี้จะแอดวานซ์ไปอีกขั้นด้วยการทำอาหารและเสิร์ฟได้ด้วย

ตัวอย่างของ ‘Blendid’ ซุ้มขายน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพแบบ Kiosk โดยดำเนินทุกขั้นตอนผลิตโดยหุ่นยนต์ AI ซึ่งสามารถผลิตเครื่องดื่มได้สูงสุด 45 แก้ว ใน 1 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมตามต้องการผ่านแอปฯ จากนั้นก็ส่งคำสั่งซื้อมาสั่งออร์เดอร์ พร้อมชำระเงินไว้ล่วงหน้า ก่อนจะเดินทางมารับตามคิว หรือเลือกเวลาที่สะดวก มารับสินค้ายังห้าง Wallmart สาขาที่ต้องการได้

อ้างอิง :

trending trending sports recipe

Share on

Tags