งาน Creative ที่มีคุณค่า เกิดจากความกล้า ‘Take ความเสี่ยง’ ฟังมุมมองของครีเอทีฟ ผ่านงานพังและงานปัง จาก 3 ครีเอทีฟไทยที่ไปไกลระดับโลก

เจาะมุมมองความคิด เบื้องหลังคนทำงานครีเอทีฟ ถึงแง่มุม Creative Industry ในเมืองไทย ทั้งผู้กำกับ 4 Kings, ผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญ squid game น้องโกโกวายักษ์ในไทย และผู้ปลุกปั้น Arttoy MRKREME จากงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025

Last updated on พ.ย. 5, 2025

Posted on พ.ย. 5, 2025

เมื่อสายงานเอเจนซี่, ภาพยนตร์ และงานศิลปะ มารวมตัวกันเพื่อร่วมกันคิดถึงแง่มุม Creative Industry ในเมืองไทย คนไทยเรามีศักยภาพ แต่ยังขาดพื้นที่ ยังขาดแรงสนับสนุนอีกมาก 

โดยในวันนี้งาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 กับ Session: Creative Industry: Igniting Thailand’s New Economy จุดไฟอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สู่เศรษฐกิจใหม่ของไทย โดย 3 ท่านผู้คร่ำวอดวงการสร้างสรรค์ คุณภัทศา (จงรักดี), คุณวรกันต์ (ศิลปินค่ายครีมสตูดิโอ หรือที่คุ้นเคยกับน้อง Arttoy MRKREME), คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) 


เจาะลึกทุก Insight มองอนาคตร่วมกันถึงวงการ Creative Industry 2025 - 2026

คุณภัทศา (Jongluckdee) ย้ำเสมอว่าทักษะฝึกกันได้ แต่หัวใจในการสร้างสรรค์มันต้องจุดประกายแต่เริ่มต้น อย่าง Agency Jongluckdee เป็นก้าวสำคัญในการทำธุรกิจที่ต้องหาความแตกต่าง โดยหาตัวตนอย่างการสร้างสรรค์ ‘Thai Creative’ โดยทำตั้งแต่ One Stop Service ตั้งแต่คิด - ขายไอเดีย - ลงมือทำ เราต้องหาความแตกต่างก่อนจะเริ่มสร้างธุรกิจ

การขายไอเดียคือการให้คำสัญญา เมื่อเราทำตามสัญญาได้ ธุรกิจจะไปต่อได้ ไม่ถูกกระทบอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญของงานสาย Creative คือ ‘คน’ เมื่อคนพร้อมด้วยหัวใจ แล้วทำมันตามความคาดหวัง ทำตามคำสัญญา นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด

คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings)  จุดเริ่มต้นเราไม่มีความฝันใด ๆ แต่เรารักสนุก ตอนเริ่มทำ 4 Kings ใหม่ ๆ ก็เริ่มเหมือนผู้กำกับคนอื่น ๆ แต่ด้วยหัวใจที่กล้าทำ ลงมือทำ ไม่ยอมแพ้ โดยใช้เวลา 8-9 ปี ด้วยซ้ำ กว่าจะผ่านออกมาเป็น 4 Kings ที่ทุกคนได้ดู บทพิสูจน์อย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คือไม่ต้องโหยหาพรสวรรค์ แต่พรแสวงที่ไม่หยุดทำ เรียนรู้กับมันไปจนสุดทาง คือสิ่งสำคัญ

คุณวรกันต์ (ศิลปิน Arttoy MRKREME) สมัยที่ทำ Arttoy แรก ๆ ช่วงนั้นศิลปินไทยไม่เกิน 20 คน ในวงการสร้างสรรค์ฝั่ง Arttoy คือไม่มีสูตรสำเร็จให้เราเห็น แต่ด้วยที่คุณวรกันต์ ไม่ปิดโอกาสตัวเอง เริ่มทำผลงานของตัวเอง ไปออกงานต่าง ๆ มากขึ้น ใครบอกให้ไปงานไหนก็ไป จนทำให้เห็นศักยภาพของตลาดนี้ การเก็บเล็กผสมน้อย อดใจรอเพื่อรอความเป็นไปได้ จนทำให้ Arttoy MRKREME สำเร็จได้เหมือนในวันนี้

ทั้ง 3 ท่านที่อยู่ใน Creative Industry พูดเหมือน ๆ กันว่า ในวันที่บริษัทมันใหญ่ไปแล้ว มันอาจจะลองผิดลองถูกไม่ได้ แต่ในวันที่เราตัวเล็ก เราสามารถลองทำ take ความเสี่ยงได้มาก จังหวะแบบนี้ให้รีบทำ ให้รีบหาตัวตน หาความแตกต่างได้ เพราะนี่คือช่วงที่หลายคนมี Passion กับมัน 

คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) ยอมรับว่าในช่วงโควิดมันท้าทายมาก หรือแม้กระทั่งการเอาหนังไปขาย 8-9 ปีนั้น นั่งร้องไห้ตลอดเวลาที่ไม่สำเร็จ แต่ในจังหวะฟางเส้นสุดท้าย เรากระโดดหาโอกาสเอง ซึ่งในช่วงโควิดตอนนั้น คุณพุฒิพงษ์ มีคลิป 15 นาที สต๊อกไว้ ก็เลยอัปโหลดลง YouTube ซึ่งผลตอบรับมียอดวิวเข้ามา มีคนเห็น นั่นคือโอกาสของคนที่กระโดดเข้าหาโอกาสเอง 

คุณภัทศา (Jongluckdee) งานโฆษณาในวันนี้ มันคือ Process ที่ต้องใจเย็น, อดทน, บ้าพลัง และต้องถึกมาก นี่คือประสบการณ์จากการทำงานระดับโลกมา เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยากส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ที่อยากลองทำงานโฆษณาระดับโลก 

ในวงการโฆษณาสิ่งที่ทุกคนต้องเจอคือ ‘ปัญหา’ ซึ่งคนที่ใจเย็นกว่าจะได้เปรียบ เพราะคนที่ใจเย็นจะรับมือปัญหาได้ และบอกกับตัวเองเสมอว่า งานที่เราทำให้เราชอบได้ เราจะไม่หยุด ตอบให้ได้ว่าเราทำงานนี้ไปเพื่ออะไร นี่คือ Point สำคัญของ Creative Industry

หนึ่งในอุปสรรคก้อนใหญ่ ของ Creative Industry ฝั่งภาพยนตร์​คือ คำว่าอาชีพเลี้ยงตัวเองไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ทีมไฟ ทีมกล้อง หรือแม้กระทั่งผู้กำกับ คนทำอาชีพสายนี้ ไม่ได้มีเงินชัดเจนแน่นอน ยังต้องหามรุ่งหามค่ำ เราไม่มีประกันสังคม สุขภาพเราจะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ การจะหาเงินในสายทำหนัง จึงกลายเป็นทุกคนทำด้วยใจรัก เดินไปหาโอกาสด้วยตัวเองเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดแล้วก็น่าน้อยใจในอุตสาหกรรมหนังไทยบ้านเรา ถึงการต้องรับจ้างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 

หนึ่งในอุปสรรคก้อนใหญ่ของ Creative Industry ฝั่ง Agency คือมีสงครามราคาเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะการ Pitching แต่กับ Jongluckdee ไม่ได้มองแบบนั้น เราไม่มี Policy Pitching เราจะไม่เข้าไปในสงครามราคา ซึ่งจะเน้นรับลูกค้าที่เห็นคุณค่าในผลงาน คุณค่าในแบรนด์ของเรา ซึ่งในวันนี้ผลงานของ Jongluckdee ได้พิสูจน์ให้เห็น จากทั้งการทำ squid game 1, 2 และอื่น ๆ อีกมากมาย มันเป็น Process ที่ใช้เวลาเยอะมาก กว่าจะมีวันนี้ เพราะงาน Creative ต้องมาพร้อมกับคุณค่าที่ได้ส่งมอบร่วมกันทั้งกับลูกค้า และ Agency 

หนึ่งในอุปสรรคก้อนใหญ่ของ Creative Industry ฝั่งศิลปินอาร์ต คือภาครัฐอาจจะยังไม่ได้เข้ามาซัพพอร์ตมากพอ ทำให้ศิลปินต้องไขว่คว้าหาโอกาสเอง ทั้งการไปอีเวนต์ของภาคเอกชน หนึ่งในสิ่งที่ คุณวรกันต์ (ศิลปิน Arttoy MRKREME) แนะนำคือการทำให้ศิลปินไทยเราส่งออกไปต่างประเทศให้เยอะขึ้น ให้ศิลปินได้พรีเซนต์ความเป็นตัวเอง ฝีมือคนไทยไม่แพ้ใครแน่นอน ถ้าหากภาครัฐ เข้ามาเข้าใจมากขึ้น มันจะเป็นโอกาสใหม่เพื่อเพิ่ม Area ใหม่ ๆ ให้กับ Creative Industry ทำให้คนของเรามีเวทีในระดับโลกได้จริง 

คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย แม้ฟังดูจะเศร้า แต่มันก็มีโอกาสอยู่ หนึ่งในนั้นคือทุกคนกำลังต่อสู้ แข่งขันกัน มันมีความแข็งแรงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่สิ่งที่ขาดคือ ‘ความเข้าใจ’ หรือคนที่ชอบเปรียบเทียบว่าหนังบ้านเราสู้คนอื่นไม่ได้ ซึ่งการเปรียบเทียบคือบ่อเกิดความเข้าใจผิด ทุนสร้างหนังบ้านเราไม่ได้สูง เมื่อ “อุตสาหกรรมหนังไทยบ้านเราขาดคนเข้าใจ” มันจึงขาดโอกาสคนที่จะเข้ามาสนับสนุน หรืออีกหนึ่งมิติของค่ายหนังไทย เวลาจะส่งหนังไปแข่งขัน มักจะควักเนื้อตัวเองเสมอ ซึ่งถ้ามีคนเข้าใจเข้ามาสนับสนุน เราน่าจะทำให้อุตสาหกรรมหนังไทยบ้านเราเติบโตได้มากกว่านี้

คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) การจะทำให้ Creative Industry เติบโตได้จริง มันต้องเกิดการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่สิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ในวันนี้ภาครัฐเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยมาก มันทำให้ขาดช่วง รอยต่อของคนที่จะสนับสนุนไม่มี มันควรจะมีคนกลางมาช่วยประสานจริง ๆ ตัวอย่างที่ตอนนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่มาแรงมาก ๆ ในเวลานี้ไม่ต้องมองไกลถึงเกาหลี แต่เวียดนาม และ อินโดนิเซีย มาแรงกว่าที่คิด ถ้าในวันนี้เวียดนามแซงเรา มันคงไม่ดีแน่ ๆ เป็นเรื่องที่น่าคิด ทบทวนอย่างมาก

คุณวรกันต์ (ศิลปิน Arttoy MRKREME) มองว่าการจะทำให้  Creative Industry เติบโต คือทุกคนต้องร่วมมือกันคิด รวมถึงมีมุมมองที่จะเล่าเรื่องที่แตกต่าง เหตุผลเพราะว่า คนต่างประเทศมักจะบอกว่ามาจ้างคนไทยคุ้มดี เพราะเขามองว่าเราถูก ดังนั้นคนไทยต้องเชื่อกันเองก่อน Creative ของคนไทย มันมี Value ถ้าพวกเราเชื่อในงานของเรา มันจะสร้าง Value ร่วมกันได้ การสนับสนุนในไทยกันเองต้องเกิดขึ้นก่อน

คุณภัทศา (Jongluckdee) งานสร้างสรรค์มันไม่ใช่กระแส เราจะเห็นว่าภาครัฐจะเข้ามาตอนที่มันสำเร็จ แต่กลับกันงานสาย Creative Industry ไม่มีใครเห็นภาพตอนเริ่มต้น แต่มักจะมามองภาพจบที่มันสำเร็จ เราควรใส่ใจ โฟกัส กับภาพเริ่มต้น การดำเนินการ ให้มากขึ้น ดังนั้นทุกวันนี้ ถ้าเราไม่อยากเสียคนเก่ง เราต้องไม่ทำให้เขารู้สึกขาดคุณค่า แรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และคนทุกคนสำคัญในการร่วมกันซัพพอร์ตอุตสาหกรรม Creative Industry


โดยสรุปถ้าวาดภาพในอุตสาหกรรม Creative Industry นี้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า คีย์ที่น่าสนใจคือ 

Trend Center ที่เริ่มจากคนไทย เพราะคนไทยมี Creativity สูงอยู่แล้ว คือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น เพื่อให้คนไทยยอมรับผลงานของคนไทยร่วมกัน และต่างชาติรับรู้ว่าไม่ควรมาดูถูกงานของเรา แต่ให้ Value งานของคนไทยมากขึ้น

งานศิลปะทุกแขนงมันมีมูลค่ามาก งานที่ดีมันไม่ได้เกิดแค่ 1 ปี 2 ปี แต่บางคนใช้เวลาเป็น 10 ปี งาน Creative ที่ดีมีคุณค่ามันเกิดจากการต้องสั่งสมใช้เวลากับมัน มันอาจจะช้า แต่ถ้าทำมันอย่างต่อเนื่อง มันจะเกิดขึ้นจริงได้

การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกสำคัญ นั่นคือความเชื่อในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ถ้าเราเชื่อว่าจะเกิดธุรกิจได้ เชื่อว่ามันมีพื้นที่แสดงผลงานได้อีกเยอะ ถ้าเราเชื่อและจับคู่มันได้จริง มันจะเกิดขึ้นจริงได้ งานสร้างสรรค์ไม่ใช่งานฉาบฉวย มันคือ Commercial Art มันสามารถเป็น ศิลปะที่ออกแบบเพื่อสนับสนุนธุรกิจและการค้าได้จริง 


💡
เราหวังว่าคนไทยที่เป็นนักสร้างสรรค์ทุกคนไม่ได้แค่ทำได้ แต่เราทำแบบมี Effective ได้จริง อุตสาหกรรมฝั่ง Creative Industry ยังมีความหวัง วันนี้เราควรเปิดแผลคุยกัน มาทบทวนร่วมกัน หาทางออกร่วมกัน เชื่อว่าอุตสาหกรรม Creative Industry จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตได้จริง
trending trending sports recipe

Share on

Tags