โลก 2035 ไม่มีสูตรสำเร็จ ใครไม่ปรับ = ตาย
นี่คืออนาคตที่ถูกบอกเล่าผ่านแนวคิด บทเรียน และประสบการณ์จากผู้นำ ในงาน The Secret Sauce Summit 2025 ที่ CREATIVE TALK สรุป และรวบรวมมาจาก 11 ลีดเดอร์ 77 เรื่องราว เก็บรวมเป็น Playbook ที่ทุกธุรกิจควรมีติดมือ
1. ผู้ประกอบการในวันนี้เสมือนอยู่ในป่า เรากำลังเผชิญปีศาจมากมาย ไม่ว่าจะ
→ AI Disruption การเปลี่ยนแปลงและความปั่นป่วนที่เกิดจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
→ Climate Crisis & Sustainability วิกฤติสภาพภูมิอากาศและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน
→ Thai Structural Slowdown การชะลอตัวเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย
→ Geopolitics ความผันผวนและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
→ Aged Society การเข้าสู่สังคมสูงวัย
2. Species ที่อาจสูญพันธุ์ ในวันนี้
- เด็กจบใหม่ (ทักษะยังไม่ทันโลก AI)
- คนชนชั้นกลาง (ติดหนี้, ชีวิตไม่ก้าวหน้า)
- คนใกล้เกษียณ (ตามโลกไม่ทัน, คุณค่าที่เริ่มลดลง)
3. ผู้ประกอบการในวันนี้ต้องมี “ยีนส์กลายพันธุ์ BEAST” ต้องมี Boldness, Embrace Change, Agile Action, Serve Customers Deeply และ Trusted Team & Partner
4. Embrace Change ไม่ใช่แค่เข้าใจความเปลี่ยนแปลง แต่ต้องลงมือ โลกเปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยีใหม่มาไว การรู้ไม่พอ แต่ต้องปรับโครงสร้างทีม และวิธีคิดให้ทันด้วย
5. Boldness กล้าคิด กล้าทำ กล้าแตกต่าง ในยุคที่ไม่มีสูตรสำเร็จจากอดีต “การกล้าคิดต่าง” คือหัวใจสำคัญของการนำธุรกิจ
6. Agile Action ลองเร็ว ล้มเร็ว เรียนรู้เร็ว ในยุคที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ลงมือก่อน ปรับทีหลัง คือทางรอด
7. Serve Customers Deeply เข้าใจชนเผ่าของเราอย่างลึกซึ้ง รู้จักลูกค้าแบบ “ชนเผ่า” ไม่ใช่แค่กลุ่มอายุ เพศ รายได้ แต่เข้าใจลึกถึง ไลฟ์สไตล์ ความเชื่อ ความฝัน
8. Trusted Team & Partner สร้างเครือข่ายที่ไปด้วยกัน ไม่มีใครรอดคนเดียว ต้องมีทีมที่ไว้ใจ และพาร์ตเนอร์ที่ส่งเสริมกัน
9. หลายคนกลัวความล้มเหลวจึงเลือกใช้ “สูตรสำเร็จเก่า”
คำถามคือ -> สิ่งที่ตุณกำลังทำอยู่ กล้าพอที่จะพาองค์กรไปสู่โลกอนาคตหรือยัง
10. หลายองค์กรรู้ว่าโกลเปลี่ยน แต่ไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง
คำถามคือ -> คุณปรับอะไรแล้วบ้าง หลังจากรู้ว่าโลกเปลี่ยน
11. หลายองค์กรรอแผนสมบูรณ์ ก่อนจะรู้ตัวว่าช้าเกินไป
คำถามคือ -> องค์กรของคุณ ล้มเร็ว ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
12. บางธุรกิจยังใช้ mass marketing ทั้งที่ไม่รู้จักตัวตนจริงของลูกค้า
คำถามคือ -> วันนี้คุณฟังเสียงลูกค้าจริง ๆ หรือยัง หรือฟังแค่ยอดขาย ?
13. ผู้ประกอบการบางคนยังคิดคนเดียว ทำคนเดียว ไม่กล้าปล่อยมือ
คำถามคือ -> วันนี้คุณมีพาร์ตเนอร์ หรือทีมที่มองเป้าหมายเดียวกัน แล้วหรือยัง ?
14. วันนี้ผู้ประกอบการไทย ก่อนกลายพันธุ์ ต้องมีกระดูกสันหลังที่แข็งแรง โดย BEAST’s Backbone ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ Finance / System & Process / Supply Chain & Operation / Legal & Compliance
15. เรื่องน่ารู้ในวันนี้ที่ทุกคนไม่รู้ไม่ได้ คือ Scale (Alexandr Wang & Lucy Guo) CEO พันล้านที่อายุน้อยที่สุดด้วยอายุ 24 ปี บุกตลาดยักษ์ใหญ่ OpenAI & Microsoft โดยมองว่า “AI แทบไม่คุ้มค่าถ้าขาดคุณภาพของข้อมูล” โมเดลที่ฝึกบน Scale จึงกลายเป็นโมเดลคุณภาพที่ ทุกคนต้องการ แก้จุดอ่อนของ AI ด้วยการจัดการข้อมูล (Data Labeling & Evaluation) ทำให้โมเดลฉลาด และปลอดภัยขึ้น
16. Data Center = New Infrastructure War → ประเทศที่ลงทุนก่อน จะได้เปรียบในทุกอุตสาหกรรมใหม่สำหรับไทย: การลงทุน Data Center ไม่ใช่ Option แต่คือ Condition ของการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในเศรษฐกิจเทคโนโลยี
17. โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล = หัวใจของการแข่งขันใหม่
Data Center ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูล แต่เป็น “รากฐาน” ที่ทำให้เทคโนโลยีขั้นสูง (AI, Cloud, HPC) ขับเคลื่อนได้เต็มที่ หากประเทศไทยลงทุนจริงจัง จะมีโอกาสเป็นศูนย์กลางของการทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรม
18. ตัวเร่ง S-Curve ใหม่ของเศรษฐกิจไทย
Data Center เป็น Critical Enabler ของอุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น Future Mobility, Advanced Manufacturing, Agritech, Food Tech หมายความว่า หากไม่มี Data Infrastructure ที่แข็งแรง การพัฒนา S-Curve ใหม่อาจสะดุดหรือตามประเทศอื่นไม่ทัน
19. โอกาสด้าน Green Tech บริษัท Data Center รายใหญ่กำลังขยับสู่ Renewable Energy + Carbon Neutrality ถ้าไทยส่งเสริม จะทำให้ Green Investment Ecosystem แข็งแรงขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐาน ESG ระดับโลก
20. โลกกำลังเข้าสู่ Singularity (เร่งการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด) ความเร็วของเทคโนโลยี + การเมือง + เศรษฐกิจ จะทำให้การคาดการณ์อนาคตยากขึ้น นี่คือสัญญาณให้ธุรกิจเตรียม “ความยืดหยุ่น” (Resilience) และ “ความเร็ว” (Agility) มากกว่าการวางแผนระยะยาวแบบเดิม
21. Geopolitics = โลกหลายขั้ว และ Trade Fragmentation Supply Chain จะไม่เป็น Global แบบสมบูรณ์ → กลายเป็น Regional + Friendly Trade ธุรกิจต้องสร้างเครือข่ายซัพพลายที่ หลากหลาย และไม่พึ่งพิงประเทศใดประเทศหนึ่ง
22. Technology = AI ก้าวข้ามมนุษย์ “Super Smart Tech” จะเปลี่ยนการทำงานและการใช้ชีวิต → งานที่ใช้ตรรกะซ้ำ ๆ จะหายไป องค์กรต้องลงทุนใน Human Skills เช่น Creativity, Empathy, Critical Thinking เกิดการแยกขั้วของมาตรฐาน AI/Chip/Data → ประเทศต้องเลือกข้างหรือทำ Interoperability ให้ได้
23. People & Society = ปรับตัวเชิงจิตวิทยาและสังคม
คนต้องหา “ความหมายใหม่” ของงานและชีวิต เพราะ AI จะมาแทนงานจำนวนมาก ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลจะสร้างความแตกแยก → ต้องสร้าง Community ที่เข้มแข็ง Aging Population ตลาด Silver Economy (สุขภาพ, การเงิน, ไลฟ์สไตล์คนสูงอายุ) จะเติบโตมาก
24. ความเร็ว + ความไม่แน่นอน คือ ปัจจัยหลักของโลกปี 2035 ธุรกิจที่รอด จะต้อง…
- มี Scenario Planning ที่หลากหลาย
- ลงทุนใน เทคโนโลยี + Human Skills พร้อมกัน
- สร้าง Resilient Supply Chain และเครือข่ายพันธมิตร
- เตรียมรับมือกับ สังคมสูงวัย และ การเปลี่ยนคุณค่าของงาน
- นี่คือโลกที่ การปรับตัว เท่ากับ ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
25. การสื่อสารคือเรื่องจิตวิญญาณ การสื่อสารไม่ใช่การแชร์ข้อมูล แต่เป็นการสร้าง Emotional Impact ดังนั้นไม่ใช่การที่คุณมีข้อมูลเยอะ ๆ จำ แล้วเอามาพูด แต่คุณต้องใช้จิตวิทยากับคนฟังของคุณ เช่น จะขายรถ พูดข้อมูลรถกำลัง กี่สูบ คนไม่เข้าใจ เราต้องไปทำให้คนอยากซื้อ
26. มนุษย์เราโดยพื้นฐานชอบฟังอะไรสั้น กระชับ แต่เวลาพูด ชอบพูดยาว ๆ ดังนั้นการกำกับเวลาให้สั้น กระชับ จะดีกว่า และการกำกับเวลามากับหลายอย่าง
27. Speech ที่ดี ต้องเหมือนกับ Mini Skirt คือยาวเพียงพอที่จะครอบคลุมใจความสำคัญ แต่สั้นเพียงพอให้เกิดความเร้าใจ - winston churchill
28. การวิเคราะห์คนฟัง เตรียมการได้ คนเราจะสื่อสารได้ดี ต้องเป็นคนช่างสังเกต คนที่คุยกับอะไรเป็นคนแบบไหน คนที่รู้ ก็ไม่ได้แปลว่ารุ้เหมือนกัน เข้าใจเหมือนกัน
29. การวิเคราะห์บุคคล คิดได้หลายแบบ เช่นเรื่องของอายุ Generation ทำไมสิ่งนี้ถึงสำคัญ เพราะเวลาเล่าอะไร แล้วยกตัวอย่าง ก็สำคัญ ยกแล้วไม่เคยดู ไม่เคยเห็น เขาก็ไม่อิน แปลว่าเราก็ไม่เข้าใจคนฟังมากพอ
30. โลกนี้ไม่มี Universal Storytelling เพราะทุกเรื่องก็มีการเล่าเป็นเแบบของมันเอง การสื่อสารทีทรงพลังคือได้ทั้งสองฝั่ง ไม่งั้นก็เป็นเราเล่าพรีเซ้นให้เราฟังคนเดียว
31. Start Strong, Finish Stronger เวลา Present พูดให้ดังกว่าปกติเล็กน้อย เพราะมันสื่อสารถึงความมั่นใจ การมองตาก็ดีมาก ๆ
32. ผู้บริโภคกำลังมองหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น SME ต้องสร้าง Storytelling นอกจากการทำธุรกิจ เราช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมยังไงก็เป็นจุดขายที่ดี
33. เช็กลิสต์ SME แบบ Step by Step สำหรับการเตรียมความพร้อมเรื่อง Sustainability โดย UOB
- รู้จักผลกระทบของธุรกิจตัวเอง ลองดูว่า manage carbon footprint ของตัวเองอย่างไร
- วางแผนการลงทุนอย่างไร ทำอะไรก่อนหลัง ผลกระทบไหนจะถึงก่อน
- ควรจะ Engage กับคนรอบตัว คู่ค้า ลูกค้า ภาครัฐ ต้องการอะไรจากเรา
34. วันนี้ไม่ใช่แค่ประเทศเราที่มีปัญหา ทุกประเทศมีปัญหาหมด ฝรั่งเศสก็มีปัญหาทางการเมือง ซึ่งคุณแอ๊วได้ไปที่นั้นแล้วเห็นว่า ของในประเทศเขาไม่มีสินค้า SME ขายเลย ในวันนี้ The Wake-Up Call คือสิ่งที่ประเทศไทยต้องมี
35. ความปลอดภัย ควรเป็นเรื่องที่อยู่จุดสูงสุดของทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย การที่นักท่องเที่ยวจีนน้อยลง ซึ่งมีเพียงแค่ 30% เท่านั้นในเวลานี้ เพราะเขาไม่เห็นถึงความปลอดภัยในบ้านเรา อย่างเหตุการณ์ไทยกัมพูชา หรือ เหตุการณ์กราดยิงที่พารากอนเอง ในหลาย ๆ จุดความปลอดภัยมันหาย ทำให้ความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนไม่ไว้ใจ ซึ่งจีนเป็นประเทศที่ซีเรียตเรื่องความปลอดภัยสูงสุดมาก เรื่องนี้รัฐบาลต้องกลับมาให้ความสนใจมากขึ้น
36. Insight ผู้บริโภค ในอดีต Loyalty ลดลง ผู้บริโภคไม่ติดแบรนด์เหมือนเมื่อก่อน แต่ในวันนี้คนพร้อมทดลองของใหม่ โดยเฉพาะแบรนด์ที่สื่อสารตรงใจ หรือสะท้อนคุณค่า (Value-based Consumption)
37. โอกาสของผู้เล่นรายเล็ก (Local Players)
- Digital-first Strategy: ใช้ Data + Social Media + Influencer ทำให้ “แบรนด์เล็กก็เข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด”
- OEM Ecosystem: โรงงานผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น ลดช่องว่างด้านต้นทุนและคุณภาพกับแบรนด์ใหญ่
- Speed & Agility: Local Players เคลื่อนตัวเร็ว ปรับสินค้าได้ไว ตอบโจทย์เทรนด์ที่มาเร็วไปเร็ว
38. A company can outperform rivals only if it can establish a difference that it can preserve.” – Michael E. Porter (Professor, Harvard Business School) บริษัทจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ ก็ต่อเมื่อสามารถสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน และรักษาความแตกต่างนั้นไว้ได้
39. Framework การเติบโตแบบเป็นลำดับขั้นของ Her Hyness
- เริ่มต้น (Lone Wolf) → เอาตัวรอด ทำทุกอย่างเอง ไม่กลัวแตกต่าง
- ขยาย (Pirate) → คว้าโอกาส ทดลองผิดถูก กล้าลุยในตลาดใหม่
- สเกล (Army) → ต้องสร้างระบบ ทีม และวัฒนธรรม เพราะการโตระดับพันล้านไม่ใช่เรื่องของคนเดียวอีกต่อไป
40. เลือกสนามรบให้ถูก (Choose Your Battle)
สิ่งที่ Her Hyness ทำชัดเจนคือ ไม่สู้ในเกมที่เสียเปรียบ เช่น ไม่ลงไปแข่งในตลาด Mass ที่แบรนด์ใหญ่มี Economy of Scale หรือแข่งราคา แต่เลือกยืนอยู่ในตำแหน่ง Masstige (คุณภาพระดับ Prestige แต่ราคาจับต้องได้) โดย Insight การเลือกตลาดและ positioning เป็น “ศิลปะของการปฏิเสธ” (เลือกไม่ทำในสิ่งที่ไม่ชนะ)
41. มวยรอง แต่ชนะได้ คอนเซปต์ “มวยรอง” ของ Her Hyness = ไม่ได้เป็นแบรนด์ที่มีทุนหนาเหมือน Global Giant แต่ชนะด้วย การวางกลยุทธ์แม่นยำ เล่นในเวทีที่ตัวเองได้เปรียบ นั่นคือออนไลน์เป็นสนามที่ทำให้ Local Brand มีโอกาส / ใช้ความคล่องตัว (Agility) → ปรับสินค้า/แคมเปญได้ไว / สร้างคุณค่าเกินราคา ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเลือกแบรนด์นี้แล้ว “คุ้มกว่า”
42. KEY LEARNINGS จาก Her Hyness
- Path to success is not one size fits all. (เส้นทางสู่ความสำเร็จ ไม่มีสูตรตายตัว)
- Do not compare your Step 1 to someone else’s Step 100. (อย่าเปรียบเทียบก้าวแรกของคุณ กับก้าวที่ 100 ของคนอื่น)
- Business building is a journey. (การสร้างธุรกิจคือการเดินทาง ไม่ใช่เส้นชัยระยะสั้น)
- Strategy 10%, Execution 90%. (กลยุทธ์แค่ 10% แต่การลงมือทำจริง 90% คือหัวใจ)
- Leverage being small. (ใช้ “ความเล็ก” ให้เป็นข้อได้เปรียบ)
43. Mindset ความสำเร็จไม่มีสูตรสำเร็จเดียว แต่ละธุรกิจมีบริบท ตลาด ทีม และจังหวะเวลาต่างกัน ผู้นำที่มองหาสูตรสำเร็จสำเร็จรูป มักผิดหวัง เพราะต้อง “ออกแบบเส้นทางเอง” สิ่งสำคัญคืออย่า copy model แต่ให้ adapt ให้เข้ากับ DNA ของเรา
44. Comparison Trap กับดักการเปรียบเทียบ สตาร์ทอัพหรือธุรกิจเล็กมักท้อเมื่อมองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่วิ่งไปไกลแล้ว การเปรียบเทียบ Step 1 ของเรา กับ Step 100 ของเขา = ทำให้หมดไฟ และพลาดการโฟกัสสิ่งที่ควรทำจริง ดังนั้นมองการเติบโตแบบ progress ไม่ใช่ competition
45. Execution is Everything หลายธุรกิจ “แผนสวย” แต่ไม่รอด เพราะไม่ execute 90% ของความสำเร็จ = ความเร็ว + ความสม่ำเสมอ + การเรียนรู้หน้างาน นี่สะท้อนแนวคิด Lean Startup: Build – Measure – Learn
46. Leverage Smallness = ใช้ข้อได้เปรียบของความเล็ก องค์กรเล็ก = คล่องตัว, ตัดสินใจเร็ว, ทดลองได้ไว, pivot ได้ทัน ต่างจากองค์กรใหญ่ที่มีข้อจำกัดจากระบบที่ซับซ้อน นี่คือ “Secret Weapon” ของ SME/Startup ทำเล็กให้เร็ว ดีกว่าทำใหญ่แต่ช้า
47. ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่ธุรกิจที่ “ขายเก่งที่สุด” แต่เป็นธุรกิจที่ บริหารสภาพคล่อง + สร้างระบบคุณค่าที่คนผูกพันและฝากเงินไว้ด้วย
48. Toys “R” Us – ล้มเพราะของเต็มโกดัง แต่เงินสดหาย บริษัทมีสินทรัพย์มหาศาล (stock ของเล่นเต็มโกดัง) แต่ขายไม่ออก → เงินสดไม่ไหลเข้า แม้สินทรัพย์จะ “มีมูลค่า” แต่ ไม่ liquid → ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง จนล้มละลาย ดังนั้น Cash Flow is King. สินทรัพย์เยอะแต่ไม่มีเงินสด = ตาย
49. Starbucks – พลิกเกมด้วย Loyalty & Fintech ช่วงต้น 2000s Starbucks โตช้าลง แต่ พลิกด้วย Rewards Program → กลายเป็นทั้ง loyalty platform + ระบบเงินฝากของลูกค้า ทุกวันนี้ Starbucks Rewards มีมูลค่า “เงินฝากลูกค้า” มากกว่าธนาคารบางแห่ง กลายเป็น cash flow engine ของบริษัท การสร้าง ecosystem ที่ลูกค้าฝากความเชื่อมั่น (และเงิน) คือ game changer
50. วิเคราะห์เคสจาก Starbucks
Exclusive Experience = Emotional Loyalty รางวัลไม่ใช่แค่กาแฟฟรี แต่คือ ประสบการณ์เฉพาะ (exclusive experience) เช่น ไปเยี่ยมฟาร์มกาแฟที่คอสตาริกา เป็นต้น ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็น “สมาชิกชั้นพิเศษ” ความผูกพันแบรนด์ลึกขึ้น
51. ภายในปี 2030 เกือบทุกสินทรัพย์การเงินจะถูก Tokenized & On-chain โดยมูลค่าตลาดแตะ $2 Trillion เทียบได้กับ “เศรษฐกิจใหม่” ที่เกิดจากการแปลงสินทรัพย์จริงสู่โลกดิจิทัล ดังนั้นผู้นำธุรกิจและผู้กำกับนโยบายต้อง เตรียมโครงสร้างพื้นฐานและกฎเกณฑ์ เพื่อไม่ให้ประเทศหลุดจากกระแส
52. Key Insight สำหรับไทย
ตลาดการเงินไทยยังอยู่ใน Wave 0 (กองทุนดิจิทัล, bond บางส่วนเริ่มทดลอง) หากไม่เร่งปรับตัว อาจเสียโอกาสให้ตลาดภูมิภาค (สิงคโปร์, ฮ่องกง) ที่เดินหน้าทดลองเร็วกว่า องค์กรที่ปรับทัน จะไม่ใช่แค่ “ธนาคาร” แต่รวมถึง อสังหาฯ, entertainment, startup ที่สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ให้เป็นโทเคนได้
53. Business = Long Game การสร้างธุรกิจไม่ใช่ sprint แต่คือ marathonต้องมีทั้ง resilience (ความทนทาน) และ adaptability (การปรับตัว) การคิดแบบ “journey” ทำให้ผู้นำโฟกัสระยะยาว สร้างฐานรากแข็งแรง
54. วิชาทำเกิน
- ทำเกินคู่แข่งในจุดที่คู่แข่งมองข้าม (ระบบหลังบ้าน + CRM)
- ทำเกินความคาดหวังลูกค้า (touchpoint ครบตั้งแต่ Awareness → Loyalty)
- ทำเกินตัวเอง (ยกมาตรฐานให้สูงกว่าคำว่า SME)
55. ศาสตร์การดีลไม่มีนิยามอย่างชัดเจน แต่จะให้คำแนะนำว่า วันนึงที่ต้องเข้าไปดีลกับคนเนี่ย เวลาคุณดีลสิ่งที่ต้องรู้คือต้องมี objective ในใจว่าสุดท้ายแล้วต้องการอะไร แล้ว Manage Expectation ให้เขา Manage Expectation ของฝั่งตรงข้ามเพื่อตอบสนองให้เขาทำในสิ่งที่มาสู่ Objective เรา หรือเรียกว่า Process ทำอย่างไรให้ฝั่งตรงข้ามตอบสนองในสิ่งที่ต้องการของเราได้
56. มี 3 แกน 2 กล 1 คุณ กลแรกคือ กลยุทธ์ และกลวิธี กลวิธีไม่ใช่แค่กระบวนการว่าเราจะถ่ายทอดอะไร แต่คือกระบวนการที่สร้างทรัสและรีเลชั่น สุดท้ายที่ต้องมีเสมอคือ 1 คุณ คือ คุณค่า คุณค่าของเราสู่เขาและคุณค่าของเขาสู่เรา Master of deal
57. Deal Framework
- D Define the game Define Game หรือยัง เกมของอุตสาหรกรรม คุณมี Choice มากกว่าเขามั้ย เขามี Choice มากกว่าคุณไหม ถ้าดีลได้แล้วจะไปยังไง ถ้าไม่ได้จะไปยังไง ต้อง Define ก่อน
- E Empathize Expectation เวลาทำดีล Expectation สำคัญมาก ต้องไม่ใช่แค่รู้ว่าคุณต้องการอะไร และเขาต้อการอะไร แต่คุณต้อง Empathize แต่มันคือกลวิธีที่คุณต้องทำให้รู้ว่าในใจลึกๆ เขาต้องการอะไร วิธีตัดสินใจของเขาคืออะไร
- A Align Interest ความสนใจเรากับเขาต่อยอดกันไหม ความสนใจของคนอื่นต่อยอดกันไหม เวลาเราสร้างดีลต้องทำให้เกิด Win-Win ถ้าเมื่อไหร่ที่วินวินจะมีใคร Lose แต่เมื่อมีใคร Lose ดีลนี้จะไม่ยั่งยืน เพราะคนที่ Lose จะทำให้ดีลเราไปต่อได้ลำบาก สิ่งที่เราต้องทำให้เกิด คือ Collective Win ไม่ใช่แค่เราและคู่เจรจาที่วิน แต่รวมถึงสังคม Partner อื่น ๆ ต้องวินด้วย
- L Leverage ความสำคัญของดีลที่ไม่ยั่งยืนคือดีลแล้วจบ เราไม่ Leverage คุณค่านั้นให้มันยั่งยืนต่อเนื่อง
58. บริษัทใหญ่มองว่าดีลล่มไม่ใช่ของไม่ดี แต่เกี่ยวกับระยะเวลาและความเหมาะสมของตลาด และความเหมาะสมของกระบวนการภายในในเวลานั้น ๆ การล่มทุครั้งจะบอกว่าอันนี้ไม่เวิร์กและเแลี่ยนไปทำอันใหม่
59. อะไรที่เรามักจะเสียแต่ลืมคิด 3 สิ่งใหญ่ที่เกิดการดีล มันทำให้ของดี แต่ดีลไปไม่สุด ได้แก่ Knowing your limits เรามักจะเตรียมตัวกับเบสเคส แต่ลืมเตรียมกับเวิสเคส เราต้องรู้ limitation ของคู่เจรจาด้วย ที่อาจเกิดจากกระบวนการหรือสิ่งรอบข้าง ก่อนเดินเข้าไปคุย your limit คือลิมิตของคุณ สองคือ ลิมิตของคู่เจรจาของคุณ อย่าเดินเข้าไปด้วยว่าแฟนนี้ แต่ต้องมีแผนเอ แผนบี คนที่รอดดีลจากโควิดได้เพราะมีแผนบีอยู่เสมอ ในช่วงวิกฤต
60. Overlook Details เวลาดีลกับองค์กร องค์กรย่อมมีเครดิตเทอม ส่วนใหญ่จะมีเครดิตเทอม ในองค์กรคนที่ทำเรื่องจ่ายคืออีกหนึ่งแผนก ซึ่งเขาจะมีกระบวนการอีกหนึ่งกระบวนการแยกออกไป เป็ฯเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เครดิตเทอมเป็นอันหนึ่งที่ทำให้กลุ่ม SME หรือ Start up เกิด Stuckling อันนึงที่เรียกว่า cash whole crisis ศึกษาเรื่องเครดิตเทอมก่อนจะไปดีลกับเขา เพราะนั่นคือเส้นเลือกของบริษัท แคชโฟลว์ของบริษัทจะเป็นอย่างไร
61. People Matter อย่าลืมว่าเดินเข้าไปคุยกับใคร คนนั้นคือคนสำคัญเสมอ คุรไม่ได้ดีลกับชื่อบริษัท กลวิธีไม่ไดเกิดจากการที่เดินไปคุยกับหิน แต่คุณเดินไปคุยกับคน ส่งใครไปดีลมีความสำคัญมาก เพอร์ซินอลฟิตของเรากับเขาต้องเข้ากัน ในเรื่องของ people matter จะส่งใครเข้าไป ศึกษาก่อนว่าคนที่คุยคือใคร ยังไงบ้าง
62. C-R-T Journey เราจะเชื่อใจกันได้อย่างไร ก่อนจะไปถึง trust ต้องมีกระบวนการและการเดินทางเสมอ คนเราใช้เวลาในการสร้างความเชื่อใจและความเชื่อมั่น C-R-T Journey ใช้ได้กับทุกๆ ความสัมพันธ์
63. Trust ไม่ได้เกิดจาก Content อย่างเดียว เกิดจากการเชื่อมั่น และการจำได้ และการมี commitment บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเรียกว่า Psychological Bias Decision-Making มันเป็น Decision-Making ของคนว่าเราจะเชื่อเขา และเราจะไปต่อ มันเป็น Decision ที่เกิดขึ้นบางอย่างกับคน มันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่มีจิตวิทยารองรับ
64. Behavior Lens มี 4 แบบ ถ้ารู้ว่าเขามี Behavior แบบไหน จะมีฟอร์มคุยกับเขาได้
- The now อยากรู้ตอนนี้ เวลาที่คุยกับคนแบบนี้ แล้วถ้าตอบคำถามไม่ได้ คนแบบนี้จะไม่เชื่อคุณทันที เพราะเขาต้อการตอนนี้ เขาต้องการวินตอนนี้ ถาตอบคำถามไม่ได้จริงๆ แล้วจะทำยังไงให้ชนะได้ ถ้าจะส่งคนที่ไปดีลกับคนแบบนี ทำการบ้านให้ดีว่าถ้าตอบไม่ได้จะกลับมาทำการบ้านอย่างไร และกลับมาอย่างตรงเวลา
- The future คือคนที่สุดท้ายทำให้เชื่อว่าเดินไปถึงปลายอุโมงค์ได้ คนแบบนี้ไม่ชอบเรื่องเดิมๆ ต้องคุยเรื่องใหม่ ๆ ที่จินตนาการได้ว่าสำเร็จได้
- The precise คนพวกนี้ชอบคนที่ทำตาม บอกได้เลยว่าต้องทำอะไร เดี๋ยวทำตามให้
- The felling คนที่การดีลนี้ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมชาติ
65. การสร้างดีลคือการ Manage their Expectation 2 กล คือ กลยุทธ์ กลวิธี และ 1 คุณ คือคุณค่าที่เรามีให้เขา และเขามีให้เรา
66. ในทุกวันนี้ความเชื่อใจน้อยลง เวลาเราทำการโฆษณา แต่การใช้ Influencer น้ำหนักของ Influencer จะมีมากกว่า Influencer MArketing จะมีน้ำหนักมากกว่า
67. Right objective เป้าหมายต้องชัดก่อน ว่าอยากบรรลุเป้าหมายอะไร และเลือก Influencer ให้ถูก
- อันแรกคือการทำให้เป้าหมายจำเราได้ คุณต้องการคนดัง
- อันที่สองคือต้องการให้คนเชื่อถือ เหมือนเราทำสินค้าและสินค้าเรา บางทีคนมีความคิดที่ผิดอยู่ จึงเป็นเรื่องของการเปลี่ยน Perception โน้มน้าวความคิดต้องการ Influencer ที่น่าเชื่อถือ
- อันที่สามคือ ทำให้เข้าใจ ทำให้เข้าใจข้อดีต่าง ๆ ต้องการ Influencer ที่เล่าเรื่องเก่ง ถ่ายทอดให้ฟังได้ว่ามันแตกต่างยังไง
- อันสุดท้ายคือ ต้องการแอคชั่น ต้องการ Influencer ที่ป้ายยาเก่ง เวลาที่เราตั้ง objective ถ้าเราอยากให้เกิดการป้ายยา แต่จ้าง Influencer ที่ป้ายไม่เป็น ก็จะเกิดแค่คนดูแต่ไม่เกิดยอดขาย
68. สิ่งที่ควรเลิกทำในปี 2026 คือ เลือก Influencer จากคนติดตาม สิ่งที่ต้องดู ดูจากหลายเรื่อง
69. Power of Influencer คือพลังแห่งการโน้มน้าว แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ KOL, KOF, KOC
- KOL (Power of Lead Opinion) คือส่งที่โน้มน้าวคน และโน้มน้าวความคิด
- KOF (Power of Form New Opinion)คือคนที่จะประเด็นความคิดใหม่ๆ บอกแนวคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลก
- KOC (Power of Testimonials) คือคนที่จะช่วยตอกย้ำความสำเร็จ
70. ปัจจุบัน Influencerเริ่มเอา AI มาใช้ Enhance หรือมีวิธีการทำเสนอแบบใหม่มากขึ้น ของมีการเกิดขึ้น Virtual Influencer มี AI เข้ามาเป็ฯแพลตฟอร์มในการเลือก Influencer มี AI เข้ามาเก็บ DATA ให้ power of reach แม่นยำมากขึ้น ในเรื่องบางเรื่อง Influencer จะประหยัดการคิด Content และทำได้เยอะขึ้น และลึกขึ้น power of Influencer อาจจะลดน้อยลงก็ได้ AI เข้ามาโดยเป็นคลังความรูพื้นฐานและ Influencer เติม story telling
71. Problem เป็นสิ่งที่สมองมนุษย์ทุกคนจะมองหาปัยหาอยู่ตลอดเวลา สมองจะ Detect ปัญหาและพยายามหา Result ทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหานั้น หน้าที่สมองคือพยายามให้เราจะมีชีวิตอยู่รอดไปได้ เพราะสมองมันแสกนปัญหาตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ตัว พอเราเปิดปัญหาให้ลูกค้าสมองลูกค้าจะ Detect ให้ลูกค้า ให้เปิดปัญหาที่ลูกค้าเจอ แล้วค่อยเสนอ solution คนไทยจ้องโทรศัพท์วันละ 5 ชม เล่นโซเชียลวันละ 2 ชม ครึ่ง สำหรับทอยคือปัญหา ถ้าวันนี้ลูกค้าเราวันนี้ไม่รู้ว่านี่คือปัญหาทำให้เขาไม่รู้และไม่หาทางแก้
72. Problem solutions Product เราอาจจะแก้ได้หลายปัญหาแต่ให้เลือกมาปัญหาเดียวก่อน ในหนังสือ the one thing ในแต่ละวันสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดมี 1 สิ่งที่สำคัญที่เราต้องทำ 1 อย่างใน 100 อย่างที่เราต้องตื่นมาทำในแต่ละวัน
73. นักการตลาดทำโฆษณาทำให้เราวิ่งตามสิ่งของที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เลยด้วยซ้ำ เป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นในชีวิตเลย ให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าเราเพราะมันมีประโยชน์จริงๆ
74. ลูกค้าส่วนใหญ่อยากได้ result ไม่ใช่ Information ถ้าอ่านหนังสือสองเรื่องที่มีความยาว 100 หน้ากับ 1,000 หน้าแต่ผลลัพธ์เดียวกัน เราจะเลือกอ่านเล่มไหน
75. ปัญหาจะทำให้สมองลูกค้าตึงเครียด แต่ solution จะช่วยผ่อนคลายให้ลูกค้า อย่าเปิดด้วย solution ปัญหาที่ลูกค้ามีกับ solution เราชอบคิดโซลูชั่นซับซ้อนเกินไป ยิ่งง่าย ยิ่งทรงพลัง solution เป็นเหมือนกระจกสะท้อน เช่น นอนไม่หลับ Solution ก็คือทำให้นอนหลับ ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มาหาคือต้องทำโปรแกรม SPSS เป็น เครื่องมือของ IBM ผลิต solutions ที่สะท้อนปัญหากลับไป
76. การทำงานของสมองของคนเริ่มจากข้างในก่อน แล้วค่อยเอาจิตใต้สำนึกมาช่วยในการตัดสินใจ ศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่า Unconscious Bias คือการตัดสินใจแบบลำเอียงโดยไม่รู้ตัว จิตใต้สำนึกทำให้เรามี dicission bias แล้วสุดท้ายคนจะใช้สมองสุดท้ายคือ reasonในการสร้างเหตุผลมาคอนเฟิร์มการตัดสินใจของเรา คือ comfirmation bias ทุกการตัดสินใจ คนใช้ระบบสมองแบบนี้เสมอ ก่อนที่จะเดินไปหาเขา
77. มีเลนส์อันนึงคือ Behavior Lens อันนี้แหละจะทำให้คนที่มีความรู้กับประสบการณ์ แสดงออกมาแตกต่างกัน แต่เวลาเราคุยกัน สิ่งที่เราคุยกันเกิดจาก Behavior Lens คู่สนทนาจะแหลงเป็น Trust & Concern คุณต้องเข้าใจว่าBehavior Lens ของเขาเป็นแบบไหน เขาตัดสินจาก Behavior Lens ก่อน เพราะมีเลนส์ตรงนี้ว่ารู้จักกันเรื่องอะไร ที่สำคัญคือ Behavior Lens ของเราและเขา ต้องอยู่ในคลื่นความถี่ที่คุยกันรู้เรื่อง แสงมีความหันเหฉันใด การคุยผ่าน Behavior Lens ก็มีการหันเหฉันนั้น
🔥 The Secret Sauce Summit 2025 ซื้อบัตรรับชมย้อนหลังออนไลน์ได้แล้ววันนี้

ใบเดียวคุ้ม! เพียง 990 บาท สำหรับดูย้อนหลัง Main Stage และ Expertise Stage รับชมออนไลน์ทุกที่ทั่วโลก
ดูย้อนหลังนาน 6 เดือน (ตั้งแต่ 20 ก.ย.68 เวลา 9.00 น. - 20 มี.ค. 69 เวลา 23.59 น.)
เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ, ชญานิศ จำปีรัตน์, ธัญวรัตน์ ปกรณ์รัศมี