เมื่อโลกแห่งการทำงานเปลี่ยนแปลงไวขึ้นทุกวัน ทักษะสำคัญที่ ‘คนทำงาน’ ขาดไม่ได้ และจำเป็นต้องมีคือ ‘Ability to Learn’ ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่!

Last updated on มิ.ย. 20, 2024

Posted on มิ.ย. 13, 2024

‘คนทำงาน’ หรือวัยทำงานทุกคนในปัจจุบันจะต้องมีทักษะหนึ่งที่จำเป็นมาก ๆ ก็คือ “Ability to Learn”

เราจะสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ ทั้งหมดอยู่ที่ ‘คน’ เพราะคนคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร

เราจะเห็นเลยว่าคนทำงาน หรือแม้กระทั่ง สตาร์ตอัป มีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในภาพระดับโลก, ภูมิภาคเอเชีย และในประเทศไทย โดย SCG จึงให้การสนับสนุนโครงการ ZERO TO ONE by SCG พื้นที่แห่งโอกาสเพื่อสนับสนุนให้พนักงานทุกคนได้ปล่อยแสง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างการเปลี่ยนแปลงขององค์กร เป็นโอกาสของพนักงานทุกคนที่มีไอเดีย หรือสนใจสร้างนวัตกรรมพร้อมเดินหน้าสู่ “องค์กรแห่งโอกาส” (Organization of possibilities)

เพราะ สตาร์ตอัป หรือ ‘คน’ จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ทั้ง Upskill คือการเพิ่มและพัฒนาทักษะใหม่ และ Reskill คือ การปรับทักษะใหม่ เพื่อให้บุคลากรในองค์กรสามารถทำงานกับการเปลี่ยนแปลงและทันความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป เพื่อให้พวกเขาเตรียมพร้อมในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจและสังคมในมิติต่าง ๆ รวมถึงมีผล ต่อการพัฒนาสตาร์ตอัปในเมืองไทย

มาดูกันดีกว่าว่า จะมีเรื่องไหนที่น่าสนใจ ภาพใหญ่ของเทรนด์โลกมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราจะต้องจับตาดูเรื่องไหนมากที่สุด แล้วทักษะไหนจะมีความสำคัญต่อการทำงานในโลกยุคใหม่กันบ้าง

วันนี้ CREATIVE TALK ได้รับเกียรติจาก คุณธรรมศักดิ์ - เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG และ คุณแป้ง - สุรภี อิทธิสวัสดิ์พันธุ์ Head of Business Incubation ในการจะมาบอกต่อเทรนด์ที่น่าสนใจ และทักษะใหม่ที่ ‘คนทำงาน’ ต้องเตรียมความพร้อม เพื่อนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ

อีก 2 ปีข้างหน้านี้จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘Skill Gap’ มากยิ่งขึ้น

เหตุเพราะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมี AI เป็นจุดตั้งต้น เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ AI แบบก้าวกระโดด หนึ่งในผู้ให้คำตอบที่น่าสนใจ คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG ได้ให้ข้อคิดไว้อย่างน่าสนใจถึงทักษะ Ability to Learn และเทรนด์ใหญ่ของโลกที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องตื่นตัว และจับตามอง ซึ่งปัจจัยเร่งของเรื่องนี้เกิดจาก 4 เทรนด์โลก ดังนี้

🌏 เทรนด์ที่ 1: Decarbonization

คือหนึ่งในภารกิจที่ประเทศ, องค์กร ตระหนักถึงเรื่องของ ‘ลดการปล่อยคาร์บอน’ เป็นหนึ่งทักษะสำคัญที่เราต้องเริ่มเข้าใจ และเรียนรู้เรื่องของ Green ที่นอกจากต้องมีความรู้ในส่วนนี้แล้ว ยังต้องมีวิธีการ, กระบวนการ, กลยุทธ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ

👉 ธุรกิจเกี่ยวกับบ้านก็เริ่มมีการทำ ปูนและคอนกรีตคาร์บอนต่ำ
👉 อุตสาหกรรมรถมุ่งหน้าสู่ Green Mobility และยังคำนึงถึงพลังงานสะอาด (Renewable Energy)

เพื่อจัดการปัญหาผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน และมุ่งเป้าไปสู่ Net Zero ในปี 2050

🌏 เทรนด์ที่ 2: การมาของ AI

เรื่องของ AI เป็นเรื่องที่เราหลีกหนีไม่ได้ และมันถึงเวลาที่เราต้องรู้จริง และนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้กับการทำงาน และการขับเคลื่อนธุรกิจ เรื่องของ Robotic AI ก็จะเข้าปรับปรุงวิถีชีวิต ทักษะใหม่ ๆ ให้กับคนทำงานมากขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะ Productivity หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยน Industry ใหม่

🌏 เทรนด์ที่ 3: Deglobalization หรือ Geopolitics

อีกหนึ่งเทรนด์ที่จะมีผลกระทบเยอะมาก ไม่ว่าจะการเปลี่ยนตลาด, การปรับปรุง, การปฏิวัติเทคโนโลยี เราต้องกระจายความเสี่ยง ดังนั้นคนทำงานเอง และองค์กรจะต้องบาลานซ์เรื่องเหล่านี้ให้ดี เราจะเกิดการแข่งขันชนิดที่ไม่อาจตั้งตัวได้ หากไม่เตรียมพร้อมรับมือให้ดี เพราะเรื่องนี้ต่อจากนี้ในอีก 5 - 10 ปี จะสำคัญมาก

🌏 เทรนด์ที่ 4: Decubing of the social class

ช่องว่างของความเหลื่อมล้ำทางรายได้จะห่างขึ้น เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาสังคมใหญ่ ดังนั้นใครที่ปฏิเสธกับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้น, ไม่ปรับตัว, ไม่พัฒนาทักษะใหม่ และไม่ต่อยอดไอเดียเพื่อลงมือทำ คุณจะเสียโอกาสทางการแข่งขันในที่สุด

ดังนั้นทักษะที่สำคัญมาก ๆ สำหรับในโลกอนาคตอันใกล้นี้คือ

“Ability to Learn” หรือความสามารถในการเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เรื่องนี้คุณแป้ง สุรภี อิทธิสวัสดิ์พันธ์ุ Head of Business Incubation ได้ให้นิยามไว้อย่างน่าสนใจว่า เราจะสามารถเรียนรู้ในเรื่องใหม่ ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดตัวนึง เพราะความต้องการในโลกเปลี่ยนไวมากขึ้น ไม่ว่าจะความต้องการของลูกค้า หรือการถูกเทรนด์พัดพาการเปลี่ยนแปลงทำให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนไป

ถ้าหากเราไม่มีทักษะตัวนี้จะยากมากในการทำธุรกิจ หรือแข่งขันได้ นับเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ไม่ใช่แค่ต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ แต่ต้องเรียนรู้อย่างเข้าใจ เพื่อนำประโยชน์นั้นมาพัฒนาต่อยอด สร้าง Competitive Advantage หรือข้อได้เปรียบที่คู่แข่งไม่มี แต่เราเล็งเห็นสิ่งเหล่านั้นเพื่อสร้าง New Business ใหม่ ๆ

Creativity + Passion คือแต้มต่อในการแข่งขันโลกยุคปัจจุบัน

เรามักจะเคยได้ยินคำว่า ‘Fail Fast and Learn Fast’ หรือการล้มเร็ว เรียนรู้ให้เร็ว เพราะการล้มเหลวเป็นเรื่องของการเรียนรู้ ดังนั้นคนทำงานจำเป็นต้องมีพื้นที่ให้ทดลอง มีสนามให้เตรียมพร้อม การจะมีความเข้าใจและมีทักษะ Ability to Learn ได้ไม่ใช่แค่เกิดจากการอ่าน แต่ต้องเกิดจากการลงมือทำ!

SCG หนึ่งในบริษัทชั้นนำได้สร้างพลังของ ‘องค์กรแห่งโอกาส (Organization of Possibilities)’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้พนักงาน, พาร์ตเนอร์ และคนทุก Generation มีพื้นที่แสดงพลังและปล่อย Passion, ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ คิดทำนอกกรอบ ทดลองเรียนรู้ นับเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นนวัตกรรม

โดยโครงการนี้มีชื่อว่า ZERO TO ONE by SCG

ให้คนทำงานทุกคนได้เสริมทักษะความเป็นผู้ประกอบการให้เกิดขึ้นกับตัวพนักงานในองค์กร ปลดปล่อยความคิดติดอาวุธแห่งอนาคตสู่ทุกความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด เพื่อปลดล็อกทักษะใหม่ โดยมีสนามจำลองให้ได้ฝึกฝน เพื่อเป็นการปฏิวัติแนวคิดของพนักงานทุกคน

ให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้า พัฒนาเป็นองค์กรแห่งความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมยุคใหม่ได้ในที่สุด เพราะเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพในการเป็นผู้นำ หรือ Future Leader ที่ดีได้ในอนาคต


‘Fail Fast and Learn Fast’ คนทำงานต้องล้มให้เร็ว เรียนรู้ให้ไว วัดผลอย่างชัดเจน

ZERO TO ONE by SCG เป็นหนึ่งในพื้นที่แห่งการทดลอง ที่เปลี่ยนโฉมการฝึกอบรมแบบ Classroom Training มาเป็น Accelerated Training เรียนรู้โดยการทดลอง ด้วยการต่อยอดให้คนทำงานมีทักษะโดยใช้รูปแบบของ Startup Process มาปรับใช้ เพื่อให้เกิด Ability to Learn ที่เกิดขึ้นได้จริง ในสัดส่วน 10-20-70

👉 10% คือ Classroom ในรูปแบบ ‘Interactive Workshop’ การเรียนรู้ที่ดีที่สุดต้องเกิด Interactive ระหว่างผู้เรียนด้วยกัน รวมถึงตัวผู้สอน เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียซึ่งกันและกันในระหว่างการฝึกอบรม

👉 20% คือการให้คำแนะนำ โดยภายในโครงการจะมี Mentor คอยดูแลกระบวนการสอน ตั้งแต่การคิดไอเดีย, สอนทำ Framework, Team Discussion, Idea Generation หรือเราจะเริ่มต้นในการทำธุรกิจอย่างไร

👉 70% คือ การลงมือทำ (hands-on) เกิดจากการลุยจริง ทำจริง เรียนรู้จากความผิดพลาดเอามาเป็นบทเรียนในการปรับในครั้งต่อไป

โดยแนวคิดนี้คล้ายกับการทำ สตาร์ตอัป ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลที่ดีที่สุดในเวลานี้ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กรได้จริง และยังเป็นการให้โอกาสสำคัญกับพนักงาน ได้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมถึงการเข้าใจ Business Model ได้ลงมือทำจริง โดยภายในโครงการ ZERO TO ONE by SCG จะประกอบไปด้วย 3 Stages คือ HATCH - WALK - FLY โดยก่อนจะเข้ากระบวนการทำธุรกิจจริง จะมีช่วง Roadshow BOOSTCamp ให้กับคนทำงานได้เตรียมความพร้อม!

🎯 Roadshow & BOOSTCamp ในรูปแบบ Classroom & Networking

โดย Pain Point สำคัญของคนมาอบรมเกิดขึ้นจาก ‘เสียงของพนักงานในองค์กร’ ที่มักพูดกันถึง 3 เรื่องคือ ไม่มีเวลา, ไม่มีทีม และไม่มีไอเดีย ซึ่งนับเป็น Insight สำคัญมาก โดยใครก็ตามที่ไม่มี 3 เรื่องเหล่านี้ เหมาะอย่างมากในการมา BOOSTCamp เพื่อปลดล็อก 3 เรื่องที่ทุกคนขาดหายไป

โดยภายใน BOOSTCamp นี้ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ

สิ่งที่พนักงานทุกคนได้ จะเข้มข้น รวบรัด และหาไม่ได้จากที่อื่น ตั้งแต่

👉 Intense Future Skills เข้าร่วมคลาสอบรมจากเหล่าวิทยากรชั้นนำระดับประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ
👉 Grooming Your Ideas หากคุณมีไอเดีย คุณจะได้ทดลองไอเดียทางธุรกิจ โดยคำแนะนำจากเหล่า mentor และ instructors ผู้มากประสบการณ์ ผ่าน Workshop ได้พัฒนาทักษะจริง!
👉 Networking Opportunity คุณจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วม batch จากหลายบทบาท ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ และไอเดียในการต่อยอดธุรกิจ หรือแม้กระทั่งการสร้างทีมของคุณเอง!
👉 Workshop ทุกเรื่องที่จำเป็นในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะ Strategic Thinking, Idea Generation, Design Thinking และ Perfect your Pitch

🎯 Stage1: HATCH (ระยะฝักไข่)

การจะเข้าสู่ HATCH ได้นั้นต้องเกิดจากการ Pitch ไอเดีย โดยในขั้นตอนนี้จะเน้นไปที่การทดสอบปัญหาและหาความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ได้เป้าหมาย Problem-Solution Fit อย่างแท้จริง ซึ่งข้อดีมาก ๆ คือเราจะได้ลงไปหา ‘ลูกค้าจริง’ เพื่อหาความต้องการที่แท้จริง แล้วนำ Solution เหล่านั้นมาพัฒนาต่อ ได้เห็นภาพรวมของตลาดว่ามีโอกาสมากพอไหม แม้จะยังไม่ต้องมีโปรดักต์ก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็น Learning ที่ไม่ได้หากันง่าย ๆ

🎯 Stage2: WALK (ระยะก้าวเดิน)

ในขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลา 12 เดือน (1ปี) และเป็นการก้าวสู่จากพนักงานทั่วไป มาทดลองทำธุรกิจแบบ Full-time คุณจะเริ่มเข้าสู่การสร้างแพลตฟอร์ม ซึ่งในกระบวนการนี้จะได้ทดสอบจริง ลองผิดลองถูก เพื่อให้ธุรกิจที่คุณคิดไว้มันฟิตกับตลาดจริง ๆ ในการสร้าง Minimum Viable Product (MVP) และ Business Model เพื่อทดสอบคุณค่ากับตลาด รวมถึงโอกาสในการขยายผลทางธุรกิจ เพื่อให้ได้เป้าหมาย Product-Market fit

🎯 Stage3: FLY (ระยะบิน)

ในขั้นตอนสุดท้ายจะใช้ระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งช่วงเวลานี้คือการ Scale up ธุรกิจ ในการเร่งธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจของคุณนั้นมีศักยภาพ ที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต โดยในปัจจุบัน SCG มีธุรกิจที่ติด Series-A นั่นคือ DezpaX และมี 5 ธุรกิจที่ Spin-off ไปจัดตั้งบริษัทเอง และอีกหลากหลายธุรกิจที่ได้โบยบินสู่ตลาดแล้ว ซึ่งก็จะมีการกลับมาช่วย ซัพพอร์ตยานแม่อย่าง SCG อยู่เสมอ

โดยเป้าหมายสำคัญของโครงการ ZERO TO ONE by SCG

นอกจากจะเฟ้นหาธุรกิจเกิดใหม่ที่ทำได้จริงแล้วคือการสร้างคนให้มี Ability to Learn ซึ่งคนที่จะมีสิ่งนี้ได้ต้องเคยผิดพลาด เคยล้มเหลว แล้วลุกขึ้นมาเรียนรู้ใหม่อยู่เสมอ

โดยเน้นย้ำถึงเรื่อง “การเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดจากการทดลอง” เพราะธรรมชาติของการลองผิดลองถูก คือคุณต้องกล้าที่จะผิด แล้วไปต่อ ในความผิดพลาดนั้นมันมีปัจจัยมากมาย ไม่ว่าจะ ขีดความสามารถทางการแข่งขัน, โอกาสทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ที่เราไม่อาจจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่ต้น

เพราะฉะนั้นการทดลองทำต้องมีพื้นที่ให้เขาผิดพลาดได้ แต่ต้องมี OKR ว่าจะทดสอบเรื่องนี้อย่างไร, ไอเดียที่คิด หรือ Painpoint ที่เจอมันมี Demand หรือความต้องการจริงหรือไม่ แล้ว Solution ที่คิดใช่จริง ๆ หรือเปล่า การวัดผลจึงเป็นการทดลอง ดีไซน์รูปแบบการทดลองในการทำธุรกิจ มากกว่า KPI แบบเดิม


‘คนทำงาน’ ที่จะไปต่อได้ในโลกอนาคต คือคนที่ Test and Learn ได้ไว!

คุณแป้ง สุรภี อิทธิสวัสดิ์พันธ์ุ Head of Business Incubation มองเห็นหลายคนที่สมัครเข้ามาในโครงการ ZERO TO ONE by SCG ด้วย Passion และความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง

🤔 บางคนอยากสร้างธุรกิจ
🤔 บางคนอยากพัฒนาตัวเอง
🤔 หรือบางคนแค่อยากได้พื้นที่ในการทดลองทำสิ่งที่คิด

ซึ่งสิ่งที่พนักงานส่วนใหญ่มีคือ องค์ความรู้ในหน้างานของตนเอง เพียงแต่อาจจะยังไม่ได้มีความรู้ในเชิงธุรกิจ หรือโอกาสในการทดลองทำธุรกิจมากนัก รวมไปถึงโลกในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความรู้บางอย่างที่เคยเรียนมา หรือที่มีในปัจจุบันก็เก่าไวตามไปด้วย จึงเป็นโจทย์ว่าเราจะทำอย่างไร ให้พนักงานของเรามีความพร้อมมากพอที่จะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมดี ๆ ให้ตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ได้ ทักษะแห่งอนาคตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

หนึ่งใน Success case ที่วันนี้อยากนำเสนอ ถือว่าเป็นตัวอย่างให้กับรุ่นน้อง หรือคนที่กำลังหาไอเดีย สร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง ธุรกิจนี้มีชื่อว่า “Dezpax” เป็นแพลตฟอร์มการขาย Food Packaging ธุรกิจที่จำหน่ายบรรจุภัณฑ์ ให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร, SME, ร้านกาแฟ ที่ไม่ได้มีต้นทุนที่สูง สามารถเข้ามาออกแบบ Packaging ตัวเองได้ แล้วก็สั่งออนไลน์ได้เลย เติมสต๊อกให้ได้ตลอดเวลา

โจทย์สำคัญของยุคนี้ จึงเป็นการสร้างนวัตกรรมให้เร็วเพื่อตอบสนองต่อปัญหาของผู้บริโภค Corporate ใหญ่ที่มีทั้งบุคลากร, เงิน, สิทธิบัตร และทรัพยากรอื่น ๆ นั้นอาจดูได้เปรียบบริษัทเล็ก ๆ แต่พอเป็นบริษัทใหญ่ก็ทำให้ความคล่องตัวและโฟกัสต่อการแก้ปัญหานั้นลดลงไป ดังนั้น Dezpax คือการ Spin-Off ตัวเอง เพื่อมาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่ แต่ยังใช้ความแข็งแรงเดิมในด้าน Packaging

ซึ่งสามารถตอบโจทย์ในการลงทุนของ SCG ได้ดี นับเป็นอีก 1 ตัวใน batch แรก ๆ ที่ประสบความสำเร็จ มีการ Raise Funds จากนักลงทุน หนึ่งในนั้นคือ PTTOR เข้ามาร่วมลงทุน ถือเป็นเคสที่นักลงทุนเห็นถึงความแข็งแรงของธุรกิจนี้ แล้ว SCG ก็ทำให้เกิดการร่วมกันขึ้นมาในการลงทุนร่วมกัน และยังมีนักลงทุนจากต่างประเทศเช่นกัน ซึ่งจะมีการ Raise Funds ในครั้งต่อ ๆ ไป

จากประสบการณ์ของคุณแป้งเป็นผู้ดูแลโครงการ ZERO TO ONE by SCG ตลอดระยะเวลา 7 ปี Success case ของเหล่า สตาร์ตอัป ที่สามารถไปสู่ Stage: FLY ได้ส่วนใหญ่ที่มีเหมือนกันคือ เป็นคนที่มีทักษะ ‘Critical thinking’

เราสามารถตั้งคำถามได้ถูกไหม เราได้ Observe มาแล้วกลับมาตั้งคำถามว่าท้ายที่สุด Pain Point ของลูกค้ามันอยู่ตรงไหนกันแน่ สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะได้ถูกต้อง โดยไม่คิดไปเองหรือเปล่า เพราะปัจจุบันความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ยิ่งถ้าเรามีทักษะเหล่านี้บอกเลยว่าไม่ว่าลูกค้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ท้ายที่สุด สตาร์ตอัป ทุกคนจะสามารถกลับไปตอบ Pain Point ของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

อีกเรื่องที่สำคัญนอกจาก Critical thinking แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ เป็นคนที่ Test and Learn ได้ไว! เพราะมันเกี่ยวข้องกับ Critical thinking เราตั้งคำถามแล้ว นำไปสู่การแก้ไข แต่ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไปอีก จะทำอย่างไรให้ Solution ที่ออกไปแล้วเราไม่ได้รักมันมากจนเกินไป จนไม่กล้าถอนไอเดียนั้น แล้วทำใหม่ เพื่อไปตอบโจทย์ความต้องการใหม่

อีกหนึ่งความท้าทายขององค์กรขนาดใหญ่ คือ ‘การสร้างทีมปลาเร็ว’

SCG ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน รวมถึงแนวคิดของคนในองค์กร ซึ่งคือเรื่องของการ ‘Build’ เริ่มนำแนวคิดและวิธีการทำงานของสตาร์ตอัปมาปรับใช้ในการเพิ่ม และพัฒนาเพื่อยกระดับทักษะใหม่ ๆ ให้กับพนักงาน และการสร้างธุรกิจในรูปแบบสตาร์ตอัปขึ้นมา

เป็นการติดอาวุธเครื่องมือใหม่ ๆ อย่างความรู้ความสามารถเกี่ยวกับเทคโนโลยีและส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้พนักงานในองค์กรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี รวมถึงการเพิ่มทักษะใหม่ เพื่อยกระดับบุคลากรในองค์กรให้สามารถทำงานกับการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้

การ learn fast, fail fast หรือ ล้มเร็ว เรียนรู้เร็ว การล้มเหลวเป็นเรื่องของการเรียนรู้ วิธีการวัดผล และกระบวนการทำแบบ MVP ตลอดจนสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบ (Design Thinking) การปรับใช้กระบวนการของการทำงานแบบสตาร์ตอัป ร่วมกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น ก็จะสามารถทำให้องค์กรเกิด Speed & Scale ในการสร้างเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้จริง

และทันกับความต้องการของลูกค้าในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โครงการ ZERO TO ONE by SCG ถือเป็นหนึ่งใน approach หลักที่เป็นจิ๊กซอว์หนึ่งขององค์กรแห่งโอกาสนี้

โอกาสไม่ใช่เรื่องของการ ‘รอ’ ให้มันเกิด
ถ้า ‘คุณ’ กำลังอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อพัฒนาศักยภาพในตัวเอง
ถ้า ‘คุณ’ กำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ สู่เส้นทางในการเป็นเจ้าของธุรกิจ
ถ้า ‘คุณ’ อยากเป็นคนที่มี Ability to Learn ทักษะอนาคตสำคัญของโลก


ZERO TO ONE by SCG นี่อาจจะเป็น ‘โอกาสสำคัญ’
Zero To One ให้คุณเริ่มจาก 0 ไป 1 และเติบโตก้าวกระโดดไปถึง 100 ได้ในอนาคต


สนใจรายละเอียดโครงการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างได้เลย

ZERO TO ONE | SCG STARTUP STUDIO
We turn ideas into real businesses. Seek for a passionate entrepreneur and turn their ideas into reality through 3 stages startup program HATCH WALK FLY.
trending trending sports recipe

Share on

Tags