นักวิจัยเผย กลิ่นที่ถูกใจ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

Last updated on ก.ค. 26, 2024

Posted on ก.ค. 17, 2024

เราทุกคนรู้ดีว่ากลิ่นที่ใช่ จะส่งผลให้เราทำงานได้ดีขึ้น แล้วกลิ่นที่ใช่สำหรับคุณผู้อ่านคือกลิ่นอะไร

ถ้ากลิ่นมันใช่ ทำอะไรก็ดี นักวิจัยพบว่ากลิ่นจะช่วยส่งผลเชิงบวกกับอารมณ์ ช่วยลดความเครียด ทำให้หลับดีขึ้น ไปจนถึงทำให้เราตื่นตัวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งถ้าเรามีกลิ่นที่ใช่ ยังไงก็ช่วยให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตั้งแต่โลกเข้าสู่ยุคที่มีระบบการทำงานแบบไฮบริด คนก็ทำงานที่บ้านกันมากขึ้น และคนมากมายต่างมีวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการใช้กลิ่นด้วย เพราะหลายคนก็นิยมใช้ตัวช่วยที่สร้างกลิ่นในห้อง เพื่อให้ตัวเองสามารถทำงานได้หลายแบบ

ไม่เพียงแค่นั้น นักวิจัยเรื่องกลิ่นยังชี้ให้เห็นว่าความสามารถในการจดจำข้อมูลของเรา สามารถดีขึ้นได้ เพียงเราได้สูดกลิ่นที่ชอบขณะดูดซับข้อมูล ซึ่งหมายความว่าถ้าอยากจำอะไรได้ ให้ดมกลิ่นที่ชอบในขณะที่ทำสิ่งนั้น อาทิ อ่านหนังสือ หรือฝึกทำแบบทดสอบ

คริสซี่ รัคเกอร์ (Chrissie Rucker) ผู้ก่อตั้งร้านแฟชั่นออนไลน์ The White Company ได้กล่าวว่า กลิ่นเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะเราทุกคนต่างมีรสนิยมที่แตกต่างกัน แต่กลิ่นนั้นคือสิ่งที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงคน นอกจากนั้นมันยังช่วยปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้น ไปจนถึงสามารถกระตุ้นสมองของเราได้ดี

และหนึ่งในกลิ่นที่กระตุ้นสมอง ให้สามารถสร้างสรรค์งานได้ดีที่สุดก็คือ ‘กลิ่นอบเชย’ โดยนักวิจัยระบุว่ากลิ่นอบเชยช่วยเพิ่มความครีเอทีฟ ไปจนถึงดึงศักยภาพในร่างกายคนออกมา ซึ่งผลดีที่มากที่สุดคือยิ่งสูดเยอะ ก็ยิ่งทำให้เราสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นได้เยอะ เพราะเมื่อเราสูดกลิ่นอบเชยเข้าไป มันจะกระตุ้นสมองเพื่อขับความเป็นธรรมชาติของเราในเวอร์ชันที่อบอุ่นออกมา ซึ่งช่วยให้คนอื่นชื่นชอบเรามากขึ้น

แม้ว่ากลิ่นจะส่งผลดีกับหลายคน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นอบเชยได้ เพราะแต่ละคนต่างมีปัจจัย หน้าที่การงาน รวมไปถึงข้อจำกัดชีวิตที่แตกต่างกัน งั้นมาดูดีกว่าว่ากลิ่นอะไรที่มีประโยชน์ในการทำงานของเราบ้าง

🌟 1. เปปเปอร์มินต์ กระตุ้นให้อยากทำงาน

กลิ่นเปปเปอร์มินต์ช่วยให้สมองเราตื่นตอนเช้า ซึ่งไบรอัน เราเดนบุช (Bryan Raudenbush) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Wheeling Jesuit ในเวสต์เวอร์จิเนีย เผยว่าการวิจัยของเขาแสดงให้เห็นว่า บุคคลที่ใช้แรงงานในตอนเช้า อาทิ คนออกกำลังกายจะวิ่งเร็วขึ้น และวิดพื้นได้มากขึ้น เมื่อได้กลิ่นเปปเปอร์มินต์ ดังนั้นแล้ว เขาจึงแนะนำว่าคนที่ใช้แรงตอนเช้า ให้ดมเปปเปอร์มินต์ หรือหยดน้ำมันเปปเปอร์มินต์สัก 2 - 3 หยดบนสายรัดข้อมือ


☀️ 2. มะลิ ช่วยให้สมองโปรดักต์ทีฟตอนเช้า

นอกจากกลิ่นข้อเมื่อกี้แล้ว การวิจัยของเราเดนบุช ยังเผยว่า การเติมกลิ่นดอกมะลิในห้องนอน จะช่วยให้เราสามารถหลับได้สบายขึ้น และหลับลึก สามารถตื่นมาทำงานในวันต่อไปได้อย่างสดชื่น ดังนั้นแล้วถ้าอยากตื่นมาทำงานตอนเช้าได้อย่างสบาย ลองหยดกลิ่นมะลิลงบนหมอน จะช่วยให้โปรดักต์ทีฟตอนเช้าได้


🔥 3. ลาเวนเดอร์ ทำให้มีแรงในช่วงบ่าย

การได้กลิ่นลาเวนเดอร์สามารถลดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ดังนั้นแล้วการใช้กลิ่นลาเวนเดอร์มาเติมเต็มในห้อง หรือรอบ ๆ Work Space จะช่วยให้เรามีพลังในตอนพัก และป้องกันไม่ให้สมาธิตกในตอนบ่าย


🎯 4. วานิลลา ช่วยลดน้ำหนัก

กลิ่นวานิลลา ช่วยทดแทนความสุขเวลาที่เราอยากทานของหวานได้ ซึ่งข้อควรระวังคือห้ามสูดกลิ่นนี้ตอนท้องว่าง เพราะจะทำให้เราหิวมากขึ้น ดังนั้นแล้ว ถ้าอยากลดน้ำหนัก ควรสูดกลิ่นวานิลลาหลังรับประทานอาหาร เพราะมันจะช่วยบรรเทาอาการอยากของหวานได้

นอกจากนั้นสำหรับชาวไทยก็คงมีกลิ่นพิเศษอย่างกลิ่นสมุนไพร ยาดม ยาหม่อง นั่นแหละที่เราดื่มแล้วมีแรงกัน ซึ่งนอกจากความสดชื่นแล้ว อีกหนึ่งความลับที่ทำให้เราติดกลิ่นนี้กันงอมแงมทั่วบ้านทั่วเมืองคือ


✨ 5. กลิ่นยาหม่อง กระตุ้นให้รู้สึกดีขึ้น

เพราะการดมยาหม่องจะช่วยให้เราหลั่งสารความสุขออกมา ซึ่งหลายครั้งมันช่วยดึงความทรงจำที่มีความสุขออกมาโดยไม่รู้ตัว และบางครั้งกลิ้นนี้ยังไปกระตุ้นหัวใจให้สะท้อนภาพในอดีตออกมาได้เลยล่ะ

ท้ายที่สุดแล้ว จงอย่าลืมว่ากลิ่นไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะถ้าหากจะทำงานให้ดี เราจะพึ่งพากลิ่นอย่างเดียวไม่ได้ แต่กลิ่นก็คืออีกหนึ่งตัวช่วยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ไปจนถึงพลังแฝงของทักษะ ซึ่งบางครั้งพลังนี้มันอาจมองไม่เห็น และเราเพียงแค่ต้องใช้กลิ่นมากระตุ้นเพื่อดึงสิ่งนั้นออกมา


แล้วกลิ่นที่คุณผู้อ่านชื่นชอบล่ะ คือกลิ่นอะไร


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags