การที่ร้านค้าหรือร้านอาหารสามารถตั้งอยู่ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงโลเคชัน เพราะไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสั่งออนไลน์ และร้านก็ส่งให้ได้ถึงที่ เรื่องนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า การปรับตัวให้เข้าสู่ Digital Transformation นั้นเป็นเหมือน “โอกาส” ของธุรกิจ และช่วยต่อยอด เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจของเราสามารถแข่งขันได้ แน่นอนว่าการทำสิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงชัยชนะ เพราะคู่แข่งคนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ที่แน่ๆ จะไม่ทำให้เราเสียโอกาสในการค้าไปอย่างแน่นอน
จริงๆ แล้วเรื่องการปรับตัวสู่ Digital Transformation และ AI เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจ แต่อะไรกันนะที่เป็นเรื่องท้าทายที่ปัจจุบันเรายังคงได้พูดคุยเรื่องนี้กันอยู่
คุณพณชิต กิตติปัญญางาม Co-founder และ CEO บริษัท Ztrus ผู้นำด้านเทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) ได้เสนอมุมมองที่น่าสนใจไว้ว่า เราอาจจะคิดว่าการทำธุรกิจในยุค Digital Transformation คือการเป็นแพล็ตฟอร์มเท่านั้น ตัวอย่างเช่น แพล็ตฟอร์มการค้าออนไลน์ หรือแพล็ตฟอร์มดูหนังชื่อดังเน็ตฟลิกซ์ แต่จริงๆ แล้ว หัวใจสำคัญของ Digital Transformation คือ การหา Competition Advantage เชิง Content ของตัวเองให้เจอ อะไรที่ทำให้เราสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ เราต้องหาให้เจอ แพล็ตฟอร์มก็คือแพลตฟอร์ม แต่คอนเทนต์ที่ดีต่างหากที่ทำให้คนอยู่บนนั้น เพราะถ้าไม่มีคอนเทนต์ดีๆ คนก็คงไม่เข้ามาดู จริงอยู่ที่การทำแพล็ตฟอร์มอาจช่วยให้เรามีโอกาส แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ขณะที่ถ้าหากเรามีคอนเทนต์ที่ดีของตัวเอง เราจะอยู่บนแพล็ตฟอร์มไหนก็ได้
ขณะที่กำลังคิดว่าคอนเทนต์ที่ว่านี่คือ เนื้อหาที่อยู่ในทีวี หรือในออนไลน์ ใช่ไหมนะ… คุณพณชิตก็ขยายความว่า
“คอนเทนต์ คือ Container หรือการที่ทุกคนคนต่างมีคุณค่าของตัวเองที่จะอยู่บนเน็ตเวิร์กนี้”
Creative Talk ขอสรุปว่า คอนเทนต์ที่ดี ก็คือสินค้าและบริการที่มีคุณภาพของธุรกิจของเราที่จะมอบให้กับลูกค้านั่นเองขณะที่ ผศ.ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย อุปนายก สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย (AIEAT) เสนอมุมมอง ว่า เราควรจะมองให้เห็นภาพรวมของระบบ การทำ Digital Transformationไม่ใช่เป็นแค่การเปลี่ยนจากกระดาษสู่ออนไลน์หรือการเปิดช่องทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จคือ Value ของธุรกิจ จากการที่ลูกค้าได้เปลี่ยน ตัวเองไปใช้บริการผ่านช่องทางดิจิตอล ฝั่งผู้ประกอบการจึงจะต้องปรับตัว ตามไปและแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพได้ดีเหมือนเดิมหรือดีขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีดีขึ้น
การเปลี่ยนสู่ Digital Transformation คือการเพิ่มงานจริงหรือ?
คนทำธุรกิจที่อยากจะเข้าสู่ Digital Transformation อาจจะกำลังคิดว่า งานเก่าก็ต้องจัดการ งานใหม่ก็ต้องทำ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น คุณพณชิต แนะว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนแต่ยังจะทำ Operation แบบเดิม อาจจะทำให้มีปัญหาทันที ยกตัวอย่าง เช่น การจัดการลูกค้าหน้าร้านกับแบบออนไลน์นั้นก็ไม่เหมือนกัน ถ้ามีลูกค้าหมื่นคน การทำงานที่หน้าร้านจะเป็นไปไม่ได้เลย ในขณะที่ถ้ามีลูกค้าสั่งออนไลน์เป็นหมื่นคนนั้นเป็นไปได้ ดังนั้น การจะทำ Digital Transformation นั้นควรจะต้องปรับภาพในการทำงานหรือ Re-Imagine ว่าจะทำงานเดิมของเราให้มีคนกลับมาซื้อซ้ำ (Repeatable) และวัดผลได้อย่างชัดเจน (Scalable) ได้อย่างไร
เมื่อถ้าเรามีคอนเทนต์ที่ดีแล้ว การทำ Digital Transformation จะเข้ามาช่วยได้มาก ดังนี้
- ทำ Lean Operation เพื่อให้ Productivity สูงขึ้น
- ทำ Lean Operation เพื่อจัดการ Cost ทางธุรกิจ
- หลังจากนั้น เราจะสามารถนำไปใช้เปิดตลาดเอาไว้ใช้หา Revenue ใหม่ๆ ได้อีก การเพิ่มจำนวนในการขายจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะเทคโนโลยีเราทำให้เราวัดผล/นับจำนวนได้
- สุดท้ายจะกลับมาว่า Repeatable และ Scalable ได้ ทั้งในแง่ Marketing และ ในแง่การผลิต และอื่นๆ
แล้วธุรกิจเริ่มต้นใช้ AI อย่างไรในการเปลี่ยนสู่ Digital Transformation
ในการทำ Digital Transformation ครั้งนี้ เราควรเริ่มจากการตั้งโจทย์ของธุรกิจก่อนว่า อยากทำอะไร แล้วจึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ก่อนที่จะเลือกว่าเราจะใช้เครื่องมือ AI หรือใช้ Rule Base
คุณพณชิต แนะนำว่า บางคนคิดว่าเราใช้ OCR แต่ทำไมใช้แล้ว หลายครั้งยังไม่ตอบโจทย์ แต่มนุษย์เวลาทำงานคือ ต้องมีการอ่าน ตีความแล้วค่อยป้อนข้อมูล เราเลือกไปแล้วก่อนที่จะพิมพ์ ความยากคือ เราจะถอด Logic ทั้งหมดมาสร้างเป็นเครื่องมือได้อย่างไร ในวันแรกจะมีสมมติฐานเต็มไปหมด เราจะต้องเลือก Data แบบฉลาด เพราะ AI ถ้าเราสอนแบบฉลาดเขาจะฉลาด
AI ในยุคนี้คือการเข้าใจ “ความเป็นสีเทา” ของมนุษย์ ต้องทำให้มันตัดสินใจถูก และแก้ปัญหาได้ถูกมากที่สุด มนุษย์ไม่ใช่ซ้ายขวา ไม่ใช่ขาวดำ AI ต้อง Deep Learning และด้วย AI เองคงไม่สามารถคิดได้เองว่าตัวเองเกิดมาทำไม เพราะฉะนั้นมนุษย์ต้องมี Goal เพื่อบริหารจัดการเรื่องที่เราต้องการ จากนั้น การทำให้ AI ทำงานได้จริง ที่เราจะใช้ ต้องตั้งค่าอย่างไร ให้ฉลาดและทำงานได้จริง
AI คือ เปรียบเหมือนการเห็นภาพจากกล้องขยาย ในระดับโมเลกุล อะตอม อนุภาค ตอนนี้ในระดับควอนตัม ก็จะเข้าธรรมชาติของสิ่งนั้นมากขึ้น กว้างขึ้น แล้วเราจะเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไรนั้นเป็นการตัดสินใจของเรา เราจะเอาความเข้าใจมา AI เป็นแค่ตัวช่วยในการจัดการ ช่วยให้ Scalable เท่านั้น
การทำ Digital Transformation นั้นสอดคล้องกับเรื่องของ AI อยู่แล้ว ซึ่ง Digital Transformation เป็นเหมือน พื้นฐานหรือ Infrastructure ที่จะทำให้การทำงานและการตัดสินใจขั้นสูงนั้นทำงานได้ เช่น ในด้านการแพทย์พยายามเก็บข้อมูลให้เป็นชุดเดียว รีเช็คข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น หรือในบ้านเราจะเห็นว่าใช้แอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้การติดต่อสื่อสาร การเอนเกจ เก็บข้อมูลลูกค้าเข้ามาได้มาก เช่น เก็บพอยต์ การบริการต่างๆ ข้อมูลที่เก็บมาจะทำให้รู้เลยว่า โปรดักแบบไหนมียอดขายเป็นอย่างไร เป็นต้น
รับชมรายการเต็ม AI มีส่วนช่วยธุรกิจไทยอย่างไร? ได้ที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=ni5v4kYzVdY
และแวะมาพูดคุยเพิ่มเติมกันได้ที่เฟซบุ๊ค Creative Talk