หนึ่งในคำอธิบายของธุรกิจในยุคใหม่ ที่ต้องใส่ใจเรื่องของ ESG มากขึ้น จากคุณชยุตม์ สกุลคู CEO, Tact Social Consulting ในเซสชัน ESG101: Opportunities & Challenges จากงาน KATALYST TALK MEETUP ครั้งที่ 1 ESG A Lasting Game Changer - Exclusive Startup Meetup By KATALYST งานสำหรับเพื่อนสนิทชาวสตาร์ทอัพ ที่จะมาเจาะทุกความสัมพันธ์ของธุรกิจกับ ESG ที่จะเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
เราจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา มูลค่าของบริษัทอาจจะวัดกันที่เรื่องการทำเงิน การทำธุรกิจต่าง ๆ แต่ตอนสิ่งหนึ่งที่นักลงทุน ผู้ถือหุ้น หรือแม้แต่ผู้บริโภคเองก็ให้ความสนใจคือเรื่องของ ESG ที่กำลังจะกลายเป็นกติกาของโลกใหม่
90% ขององค์กรใน S&P 500 เริ่มมีการเปิดเผยรายงานความยั่งยืนแล้ว ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าองค์กรที่มีการเปิดเผยรายงานนี้มีแนวโน้มที่จะได้ผลตอบแทนสูงกว่าองค์กรที่ไม่เปิดเผยรายงานอย่างมีนัยยะสำคัญ
🔥 5 แนวทางที่ ESG จะเข้ามาสร้างมูลค่าให้เรามากขึ้น จาก McKinsey
- Top-line growth: การทำเรื่อง ESG จะเปิดตลาดใหม่ที่ธุรกิจอาจไม่เปิดได้ หรือไม่เคยเปิดตลาดนี้มาก่อน และยังนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ และการลงทุนอนาคตก่อนคนอื่น
- Cost reductions: ช่วยลดต้นทุน จากการลดพลังงานการผลิต ช่วยลดรายจ่ายบางอย่างออกไปได้ทันที
- Regulatory and legal interventions: ESG ที่แข็งแกร่งสามารถช่วยให้องค์กรมีอิสระในการทำงานมากขึ้น และยังลดแรงกดดันด้านกฎระเบียบด้วย
- Productivity uplift: การที่องค์กรใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้นก็จะช่วยดึงดูดพนักงานใหม่ ๆ เข้ามา ในขณะเดียวกันก็จะช่วยให้พนักงานที่อยู่รู้สึกภูมิใจกับองค์กรมากยิ่งขึ้น
- Investment and asset optimization: ESG จะสร้างเกมการแข่งขันระยะยาวได้ และที่สำคัญเป็นการลงทุนที่ลดความเสี่ยง และให้ผลตอบแทนได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน
⭐ กรณีศึกษา ‘Asia Alliance’
- ด้วยความที่เป็นบริษัทส่งออก สิ่งที่ต่างชาติให้ความสำคัญมากอย่างหนึ่งคือ ‘การดูแลแรงงาน’ ต่างชาติจะซีเรียสกับ work life balance ไม่ให้ทำ OT เกิน 2 ชั่วโมง/วัน
- หากเทียบว่าแรงงานพอไหมถ้าเทียบกับบริษัทอื่นในประเทศไทย อาจจะไม่ แต่ก็ต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานต่างประเทศ
- ผลที่ได้คือแรงงานอยู่กับองค์กรนานขึ้น turnover น้อยลง
- การให้ความสำคัญกับ ESG ทำให้องค์กรมีโอกาสเติบโตในต่างประเทศที่โฟกัสเรื่องนี้มากขึ้น
จะเห็นได้ว่า ESG มีความสำคัญมากกับธุรกิจในปัจจุบัน เป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตไปทั่วโลก และถูกให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัดในหลายประเทศ
ประเทศไทยเอง ก็จะเริ่มเห็นธุรกิจ รวมถึงสตาร์ทอัพเข้ามาผสมผสานวงการนี้แพร่หลายมากขึ้น โดยภายในงานนี้ก็ได้มีการเปิดตัว Climate Tech Club ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของภาครัฐ, Investor, Startup, Incubator เพื่อมาซัพพอร์ตการทำเรื่อง ESG โดยมี 5 mission ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเข้าสู่ Net Zero ภายในปี 2065 ให้ได้ ได้แก่
- สร้าง Awareness และความรู้เกี่ยวกับ ESG
- Incubate เพื่อให้ความรู้ให้กับบริษัทที่กำลัง apply ESG ในธุรกิจ
- พัฒนาตลาด สร้างโอกาสให้กับทุกภาคส่วน matching กันทั้งภาครัฐ เอกชน คนพัฒนา Technology และคนอยากใช้บริการ
- เปิดโอกาสการเข้าถึง เงิน Investment , เงิน Grant , เงินทุนในการวิจัยช่วย, หรือ Loan
- ร่วมพัฒนาข้อกำหนดจากภาครัฐ หรือการให้ Incentive หรือกำหนด Regulation ต่างๆ ในระดับประเทศ
สำหรับสตาร์ทอัพที่สนใจเรื่อง ESG สามารถรอติดตามซีรีส์ Katalyst Talk และ Meetup ได้ที่ CREATIVE TALK และ KATALYST