❤️ เทคนิคบริหารทีมแบบคนรู้ใจ ทำยังไงให้รู้ใจกันจริง ❤️
หัวหน้าจะบริหารทีมอย่างไรให้ทีมรู้ใจ เข้าใจในสิ่งที่หัวหน้าต้องการจะสื่อสาร และฝั่งของหัวหน้าจะทำอย่างไรให้เข้าใจ รู้ใจลูกน้องได้โดยไม่ผิดใจกัน ต้องยอมรับก่อนว่าในภาพใหญ่ สถานการณ์โลกมีการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจ หรือการปรับเปลี่ยน Generation รวมถึงการย้ายงาน การลาออกครั้งใหญ่ ก็มีมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดองค์กรก็ไม่ได้ต้องการอยากให้ใครออก ยิ่งมีการลาออกบ่อย เรื่องนี้ไม่ใช่ผลดีของทั้งตัวองค์กร และพนักงาน ดังนั้นความสำคัญของเทคนิคบริหารทีม และบริหารคนถึงมีความสำคัญ!
มีผลสำรวจที่น่าสนใจระบุไว้ว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอบว่าความสัมพันธ์ของลูกทีมและหัวหน้า ถือเป็น 1 ใน 5 ปัจจัยถึงอิทธิพลในการทำงาน เขาจะอินไหมไม่ได้อยู่แค่ตัวงานหรือเปล่า แต่ต้องถูกคอ ถูกใจกับหัวหน้างานด้วยเช่นกัน ดังนั้นการมีส่วนร่วมระหว่างหัวหน้างาน และทีมงานสำคัญมาก ๆ
วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคบริหารทีมแบบคนรู้ใจ เราเรียกสิ่งนี้ว่า FEEL FAN MANAGEMENT (ฟิลแฟนแมเนจเมนต์)
ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อ จะทำอย่างไรให้ทีมอินไปกับเรา โดยเราเป็นหัวหน้าที่รู้ใจ
❤️ 1. ให้ทีมได้เป็นช้างเท้าหน้าบ้าง
คือการที่เราในฐานะหัวหน้า ‘ฝึกให้ลูกทีมลองแก้ปัญหาบ้าง’
รวมถึงหัวหน้าก็สามารถแบ่งปันการแก้ปัญหาได้ เช่น ใน Quarter นี้เราต้องทำยอดให้ได้ เพราะที่ผ่านมายอดไม่ตรงเป้า แต่กลับมาดูช่วง Quarter ปัจจุบัน ดันเจอวันหยุดเยอะเพราะชนกับช่วงเมษายน นี่เป็นหนึ่งในโอกาสให้เขาได้ฝึก Critical Thinking ได้พัฒนาการคิดและวิเคราะห์กลั่นกรองข้อมูลร่วมกัน
ดังนั้นหากเราจะเข้าหาน้อง ๆ ต้องไม่ใช่คำสั่ง แต่ต้องให้คิดกลับกัน คือเข้าหาแบบ FEEL FAN ‘ฟิลแฟน’ ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับ Critical Thinking และทำได้หลายแบบ เช่น
👍 ลองขอคำแนะนำจากลูกทีมแบบ One-on-One
เพื่อให้เขาได้รู้สึกว่า ลูกทีมคนนี้มีความสำคัญในการจะสร้างความเปลี่ยนแปลง ในช่วงเวลาที่ยอดขายไม่ขยับ เราต้องให้ความสำคัญ ทำให้เขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ
👍 Brainstorm โดยไม่คิดถึงตัวเลข
เรื่องนี้ก็สำคัญลองให้ทีมได้ปลดปล่อยไอเดีย โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ หรือตัวเลขที่มีข้อจำกัด เน้นไอเดียเป็นหลักเอาออกมาให้เยอะที่สุด เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคน
👍 หัวหน้าที่ดีต้องเริ่มเดินไปหาลูกทีมก่อนเสมอ
ลองเริ่มจากตัวเราเดินไปหาลูกทีมก่อน ถามความเห็นของไอเดีย หรือจะนัดกินข้าวกัน คุยกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อทำให้ลูกทีมรู้สึกว่าเราไม่ได้จะสั่งแต่งาน แต่เราใส่ใจทีมเช่นเดียวกัน คนเป็นหัวหน้าไม่จำเป็นต้องเป็นช้างเท้าหน้าเสมอ การปลดล็อกศักยภาพทีมฝึกคิด ฝึกวิเคราะห์ เพิ่มทักษะ Critical Thinking ก็สำคัญไม่แพ้กันเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาได้
❤️ 2. ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ❤️
เราเคยทักทายคำพูดเหล่านี้กับลูกทีมบ้างไหม ?
เทคนิคนี้คือการทักทาย เพื่อฝึกเรื่องของ Open Communication and Active Listening เป็นหนึ่งในเทคนิคของ Harvard Business School โดยให้กลุ่มที่ทำแบบทดสอบลองเริ่มตั้งคำถามว่า “ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ปรากฏว่าช่วงแรก ๆ ก็อาจจะไม่ได้มีอะไรตอบกลับมา แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ เมื่อเราเริ่ม “สังเกต และใส่ใจ” กับบริบทการพูดมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น วันนี้เธอเปลี่ยนสีผมมาดูดีขึ้นมากเลย หรือเอ๋..ปกติเธอจะทำผมไว้ด้านขวา แต่วันนี้เปลี่ยนมาด้านซ้ายใช่ไหม สิ่งเหล่านี้เรียกว่าการสังเกตและการใส่ใจ นั่นหมายถึงเรากำลังใส่ใจเขาอยู่นะ แทนที่จะทักทายกันคุยแต่เรื่องงาน และที่สำคัญต้องมี Active Listening เมื่อคุณถามคุณต้องฝึกฟังเขาเช่นกัน แค่เราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เริ่มสังเกตจากสิ่งรอบตัว ใส่ใจลูกทีม คนรอบข้าง จะทำให้คุณน่ารักมากยิ่งขึ้น เสมือนแฟนที่รู้ใจกันจริง และจะยิ่งสนิทกับทีมมากขึ้น
❤️ 3. บริหารความสัมพันธ์ด้วยการตั้งเป้าหมายร่วมกัน
คบกับแฟนมาตั้งนาน ใคร ๆ ก็ต้องการมีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นการฝึกทีมก็สามารถทำได้เช่นกัน นั่นคือ Goal Setting และตัวเราในฐานะหัวหน้าก็ได้เรื่องของ Coaching Skill เช่นกัน
คนที่พูดถึงเรื่องนี้ที่เก่งคือคุณ Tom Ferry ได้บอกไว้ว่า หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของกระบวนการทำงาน คือมีคนบอกว่า “เราควรจะตั้งใจทำงานนี้ไปเพื่ออะไร มีแรงจูงใจไปเพื่ออะไร” เพราะการที่เรามีเป้าหมายมันจะได้มากกว่าแค่งานเสร็จ แต่เรากลับรู้สึกได้ WIN หรือสำเร็จในงานนั้น ๆ แถมยังภูมิใจกับความสำเร็จ คีย์สำคัญของเรื่องนี้คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี โดยมีคุณในฐานะหัวหน้าเป็นแกนกลาง ซึ่งก็ต้องสอดคล้องกับ Goal ของบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับพนักงานเช่นกัน เพราะลูกทีมจะรู้สึกได้โดยที่เราแทบไม่ต้องพูดเยอะ แต่เรากระทำให้เห็นว่า ถ้าทีมมีเราเป็นหัวหน้า ทุกคนจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเก่งขึ้นในทุกวัน
❤️ 4. อย่าลืมเติมกำลังใจในวันสำคัญ
แฟนกันอะไรสำคัญที่สุดน๊าาา ส่วนใหญ่ก็จะนึกถึง “วันสำคัญ” อย่างวาเลนไทน์ หรือวันครบรอบ เป็นเรื่องที่เราต้องห้ามพลาดเด็ดขาด! แล้วถ้าเป็นคนทำงานล่ะ วันสำคัญที่สุดก็อาจจะเป็นช่วง วันประเมิน Probation, หรือพนักงานคนนี้ทำงานกับเรามา 5 ปี 10 ปี เขาต้องได้กำลังใจอะไรบางอย่างกลับไป เราเรียกสิ่งนี้ว่า ‘Positive Communication’ การสื่อสารเชิงบวกภายในองค์กร
เวลาที่เราทำงานรู้ไหมเราอาจจะเผลอสร้าง Toxic Communication โดยไม่รู้ตัว เช่น สื่อสารผ่านแชต มันอาจทำให้อีกฝ่าย Negative โดยที่เราไม่รู้ตัวได้เช่นกัน ดังนั้นเราควรจะสร้าง Positive Communication อยู่เรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น การปักวันเกิด, ปักวันสำคัญ, ปักวันครบรอบ การซื้ออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ความสำคัญกับพนักงาน จะยิ่งทำให้มี Value Appreciation รู้จักสื่อสารเชิงบวก, ขอบคุณ รู้สึกดีต่อกัน ในฐานะผู้นำทีมอย่ามองข้ามเรื่องเหล่านี้เด็ดขาด!
❤️ 5. หยุดอ้างว่าตัวเองไม่มีเวลา
อยากได้ใจลูกน้อง ต้องหยุดอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะการให้ความสำคัญกับคนข้างในองค์กร สำคัญไม่แพ้กับการไปหาโอกาสใหม่ ๆ ข้างนอก สิ่งสำคัญของข้อนี้คุณต้องมี Time Management and Prioritization เพื่อที่จะมีเวลาคุยกับทีมให้มากที่สุด อย่าลืมนะว่าการสร้างทีม ถ้าคุณมีทีมที่เก่ง เขาก็จะทำเรื่องในอดีตที่คุณต้องทำ และยังทำเรื่องปัจจุบันให้พร้อม นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังเตรียมอนาคตให้เขาอยู่ และเป็นอนาคตของตัวคุณและบริษัท
ดังนั้นการให้เวลากับทีมต้องลองดูว่า ถ้าเวลามีน้อย ลองสอบถามน้อง ๆ ในทีมก่อนว่าเน้นคุยเรื่องอะไรเป็นหลัก ลองถามก่อนเพื่อที่เราในฐานะหัวหน้าจะได้เตรียมตัวทำการบ้านไว้ก่อน แล้วกำหนด Agenda ให้ชัด เพื่อตอบได้ว่าน้อง ๆ อยากได้อะไรจากพี่ใน Meeting นี้ เพราะฉะนั้นเป็นแฟนต้องให้เวลา เป็นผู้บริหารที่อยากได้ใจน้อง ๆ ก็ต้องให้เวลากับน้องด้วยเหมือนกัน
เมื่อรู้แล้วอย่าลืมกลับไปฝึก ลองทำจริงกันน๊า เรื่องของความใส่ใจนับเป็นความสำคัญกับทุกบริบทของชีวิต ถ้าคุณเป็นคนที่ใส่ใจจริง คุณก็จะได้ใจคนมากขึ้นเท่านั้น!
เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
ดูอีพีนี้เต็มรูปแบบได้ที่
