สร้างเรื่องอย่างไรให้ครองใจคนอ่าน ล้วงลึกวิธีครีเอทีฟในแบบ ฮาจิเมะ อิซายามะ ผู้สร้าง Attack On Titan

Last updated on พ.ย. 13, 2023

Posted on พ.ย. 7, 2023

“สิ่งเดียวที่เราจะได้รับอนุญาตให้เชื่อได้ก็คือ การไม่เสียใจในสิ่งที่เราเลือก”

ประโยคหนึ่งของนักเขียนการ์ตูนที่ชื่อว่า ฮาจิเมะ อิซายามะ (Hajime Isayama) ซึ่งในปัจจุบัน ผลงานของเขาอย่าง Attack on Titan ได้สร้างความประทับใจให้กับคนดูทั่วโลก จนเป็นอีกหนึ่งตำนาน และปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมของโลกบันเทิง

Attack on Titan เป็นการ์ตูนที่มีโทนเรื่องเป็นแนวดาร์กแฟนตาซี ซึ่งต่างจากการ์ตูนดัง ๆ ทั่วโลกที่โดยมาก มักจะเป็นสื่อบันเทิงที่ขายได้ทุกเพศทุกวัย ว่าแต่ผู้สร้างมีแนวคิดยังไง ถึงทำให้การ์ตูนที่มีเนื้อหาหนักหน่วงเรื่องนี้โดนใจคนทั่วโลกกันนะ

ฮาจิเมะ อิซายามะ เปิดตัว Attack on Titan เป็นครั้งแรกในปี 2009 ด้วยแนวคิดว่า เขาต้องการสร้างเรื่องราวที่สะท้อนถึงความกลัว และความขัดแย้งของสังคมร่วมสมัย ซึ่งด้วยแรงบันดาลใจเหล่านี้ ทำให้อาจารย์อิซายามะ สร้างการ์ตูนที่มีเนื้อหามืดหม่นที่ว่าด้วยโลกที่ถูกคุกคาม จากสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ขนาดมหึมาที่เรียกว่า ‘ไททัน’

และด้วยวิธีคิดทั้ง 7 ข้อนี้แหละ ทำให้งานของเขาโดยใจกลุ่มผู้ชมเป็นวงกว้าง จนทำให้หนังสือการ์ตูนมียอดขายถึง 100 ล้านเล่มทั่วโลก

⚡️ 1. สร้างโลกดาร์กแฟนตาซีที่สดใหม่ ⚡️

องค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ Attack on Titan แตกต่างจากการ์ตูนเรื่องอื่น คือการสร้างโลกที่สะท้อนถึงการล่มสลาย มนุษย์ไม่ได้ตายเพราะมหันตภัยธรรมชาติ หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ ที่ทำให้เราต้องย้ายเข้าไปอยู่ในกำแพงอันเปรียบเสมือนคอกขังมนุษย์แทน ประเด็นที่สดใหม่ ณ เวลานั้นดึงดูดผู้คนเป็นอย่างมาก เพราะมันสะท้อนถึงการที่มนุษย์ไม่ใช่จุดสูงสุดบนห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป


⚡️ 2. นำประสบการณ์ชีวิตมาสร้างสรรค์ผลงาน ⚡️

ไอเดียที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นประสบการณ์ที่แปลก อาจารย์อิซายามะเอง เป็นหนึ่งในคนที่มักหยิบไอเดียรอบตัวที่คนไม่ค่อยสนใจมาต่อยอดเรื่องราว โดยในบ้านเกิดของเขา มีกำแพงเขื่อนขนาดยักษ์ที่ทำให้คนที่ไปยืนอยู่ ดูตัวเล็กลงทันตา สิ่งนั้นจุดประกายเขาว่า ถ้าหากมียักษ์กินคนอยู่ที่หลังกำแพงนั้นจะเป็นยังไง

นอกจากนั้นครั้งหนึ่ง อาจารย์อิซายามะยังเคยเห็นคนเมาที่อาละวาดอย่างบ้าคลั่งตอนทำงานพิเศษ แทนที่เขาจะลืมเรื่องเหล่านี้ไป เขาได้หยิบพฤติกรรมของคนมาสร้างเป็นการเคลื่อนไหวอันน่าขนลุกของไททันในเรื่อง


⚡️ 3. ใช้ความหลากหลายของชาติพันธ์ุดึงคนเข้าสู่โลกแฟนตาซี ⚡️

แม้ว่าเรื่องราวของ Attack on Titan จะอยู่ในโลกสมมติ ทว่าผู้คนในโลกนั้นก็อิงมาจากมนุษย์บนโลกเรา ทั้งเชื้อชาติ หรือสีผิวก็ตาม สิ่งนั้นทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงกับความแฟนตาซีนี้ได้ เพราะแม้ว่าบริบทการมีไททันจะดูไกลตัว แต่การที่ผู้คนต่างเชื้อชาติมากมายต้องมาอยู่ร่วมกัน ทำให้เนื้อหาดูมีสีสันจนจับต้องได้ เราจะพบลักษณะนิสัยของคนบางเชื้อชาติสะท้อนผ่านตัวละคร ซึ่งทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้ เปรียบเสมือนตัวแทนของชาติพันธ์ุพวกเขา


⚡️ 4. เนื้อหาที่ไม่มีตัวละครโลกสวย ⚡️

การ์ตูนปกติมักจะมีภาพของความดี และความชั่วแยกกันอย่างชัดเจน เราจะรู้ได้เลยว่าใครขาวใครดำ ทว่า Attack on Titan นั้นค่อนข้างแตกต่าง เพราะไม่มีใครที่ขาวสะอาดเลย แม้กระทั่งตัวเอกก็ยังต้องมือเปื้อนเลือดเพื่อเป้าหมายของตน ความซับซ้อนทางศีลธรรมของตัวละครนี่แหละ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของซีรีส์นี้ ซึ่งดึงดูดกลุ่มคนที่เป็นผู้ใหญ่เข้ามาติดตาม จนเป็นกระแสปากต่อปากถึงความเข้มข้นของเนื้อหาเลยทีเดียว


⚡️ 5. รู้จักเสพสื่อให้มาก ⚡️

การเสพสื่อเยอะ ๆ จะทำให้เรามีคลังความรู้ และคลังวัตถุดิบในการต่อยอดไอเดียที่มากขึ้น นอกจากจะอ่านหนังสือแล้ว อาจารย์อิซายามะยังเป็นนักดูหนังตัวยง เขามักหยิบจับแรงบันดาลใจจากสื่อที่เขาดู มาใส่ในหนัง ซึ่งซีรีส์ Game of Thrones กับ Breaking Bad นั้นเป็นหนึ่งในตัวอย่างเด่นชัดที่เขาจับมาใช้ออกแบบตัวละครใน Attack on Titan ภาคสุดท้ายนี้


⚡️ 6. ดึงเรื่องราวที่ไกลตัว มาให้ใกล้ตัวเราเรื่อย ๆ ⚡️

‘แก่นของ Attack on Titan คือความขัดแย้งของมนุษย์’

ในตอนแรกนั้น เราจะพบว่าการ์ตูนเรื่องนี้คือการเอาชีวิตรอดกับการมองหาอิสรภาพนอกกำแพง ทว่าเมื่อตัวเอกได้เดินทางไปเรื่อย ๆ พวกเขากลับพบว่าโลกนอกกำแพงไม่เป็นไปดั่งที่หวัง เพราะมันคือโลกที่เต็มไปด้วยการขัดแย้ง ความกลัว และโฆษณาชวนเชื่อ สิ่งนี้เป็นการสะท้อนถึงโลกจริง ๆ ที่เราอยู่ เพราะมนุษยชาติหวาดกลัวต่อความไม่แน่นอน นั่นจึงทำให้โลกแฟนตาซีเหล่านี้ ค่อย ๆ กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ จนคนดูมีความรู้สึกร่วมในที่สุด


⚡️ 7. คอยเลี้ยงกระแสแฟรนไชส์อยู่เสมอ ⚡️

Attack on Titan เดินทางมามากกว่าหนึ่งทศวรรษก็จริง แต่ก็การ์ตูนเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ฉายทุกปีหรือทุกวันหรอกนะ การที่การ์ตูนขาดช่วงออกอากาศไป อาจทำให้กระแสตกลง นั่นจึงทำให้ผู้สร้าง เลือกทางที่จะเลี้ยงกระแสไปได้เรื่อย ๆ นั่นคือการต่อยอดไปสู่สื่ออื่นที่ไม่ใช่แอนิเมชั่นอย่างเดียว อาทิ ภาพยนตร์คนแสดง, เกม, ให้ตัวละครไปเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา หรือการ Collab เพื่อต่อยอดสินค้า, การวาง PR โปรโมตด้วยมีมที่รีเรทกับคนทุกกลุ่ม


โดยอาจารย์ฮาจิเมะ มักจะวาดโปสเตอร์ที่ตัวละครในเรื่องแทนตัวเองเป็นนักแสดง แล้วตัวละครเหล่านั้นก็ถ่ายงานเบื้องหลัง หรืองานเลี้ยงปิดกล้องหลังฉายจบ นั่นทำให้เราคิดได้ว่าอาจารย์น่าจะทรีตตัวละครเหมือนคาแรกเตอร์ ซึ่งสามารถดัดแปลงเป็นอะไรก็ได้ หากต้องการจะต่อยอดสิ่งเหล่านั้น ซึ่งการที่ Attack on Titan พยายามเลี้ยงกระแสอยู่สม่ำเสมอ จึงทำให้เรื่องนี้ยังถูกพูดถึงอยู่ตลอด และติดสิบอันดับใน Netflix ทุกครั้งที่ออกอากาศ


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags