คนทำงานและคนทำธุรกิจควรปรับตัวอย่างไรในครึ่งหลังปี 2024

สรุป 5 Half Year Trends จากงาน CTC2024

Last updated on มิ.ย. 8, 2024

Posted on มิ.ย. 7, 2024

ผ่าน 2024 มาแล้วครึ่งปีมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายจนแทบจะตามไม่ทัน นั่นจึงทำให้เราต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น เพราะเทรนด์ต่าง ๆ จะมีความสำคัญกับชีวิตการทำงานของมนุษย์ ตั้งแต่ความคิดสร้างสรรค์, การตลาด, นวัตกรรม, ธุรกิจ และผู้คน ซึ่งจะพบเลยว่าครึ่งหลังของปี 2024 เป็นต้นไป จะถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญ และความท้าทายอย่างมหาศาล

ที่งาน AP Thailand presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2024 “Creative Generation” ใน Session: Half Year Trends กับผู้นำเทรนด์ชั้นนำของไทย ได้พูดคุยถึง 5 เทรนด์สำคัญที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้

🧩 สิ่งที่ต้องโฟกัสคือเรื่อง Social Fragmentation

👉 เวลาหากลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่ยากคือ สิ่งที่เราคิดว่าแคบแล้ว มันลึกกว่านั้นมาก เพราะความสนใจของคนมันซับซ้อนกว่านั้น ซึ่ง Social Fragmentation ทำให้วิธีการสื่อสารของคนเปลี่ยนไปเยอะกว่าเดิม เราจะพบว่าแม้คนจะมี Big Idea กันอยู่แล้ว แต่ทุก  Big Idea ก็จะมีความสนใจย่อย ๆ แตกออกมา

👉 ในมุมของผู้ประกอบการรายเล็ก จะได้เปรียบเพราะสามารถสเกลธุรกิจตัวเอง เพื่อขยับขยายไปได้อย่างรวดเร็ว

👉 Social Media นั้นใหญ่ขึ้นมาก ในขณะที่คนทำการตลาดมีจำนวนเท่าเดิม ดังนั้นการหว่านแคมเปญอาจไม่ได้ผลเท่าไหร่ ซึ่งการสโคปหากลุ่มเป้าหมายจึงได้ผล พอช่องทางมันเพิ่ม ทำให้เรามีทางเลือกที่จะได้โชว์ผลงานมากขึ้น ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถคิดวิธีการ PR ล่วงหน้าได้

👉 วิวัฒนาการของคนทำคอนเทนต์คือต้องเริ่มมาจาก Wow Factor ที่ทำให้คนฮือฮา โดยที่ไหนมีคนเดินถือโทรศัพท์เยอะ ที่นั่นจะเกิด Wow Factor ตามมา

👉 ถ้าจะสร้างคอนเทนต์ เราต้องดูว่าเรื่องนั้นสามารถเอาแบรนด์ไปแตะได้หรือเปล่า เพราะคอนเทนต์ก็เหมือนแสง แสงที่ดีจะสามารถสร้าง Call to Action เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถบอกต่อได้

👉 เทคนิคการทำคอนเทนต์แบบ Wow Factor ก็คือแบ่งคอนเทนต์เป็นระยะเวลา เพื่อหาวิธีเดินทางจากจุด A ไปจุด B แต่ในระหว่างทางนั้น เราต้องหาวิธีป้อนคนขึ้นมาบนรถทัวร์ ซึ่งศิลปะของการปรับตัวระหว่างทางในการทำคอนเทนต์จึงเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ

👉 องค์กรใหญ่เท่ากับใจของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่องค์กรหรือแบรนด์มีความใจกว้าง ความคิดสร้างสรรค์ก็จะมากขึ้น นอกจากนั้นลีดเดอร์รุ่นใหม่ต้องฟังมากกว่าควบคุม เพราะถ้าลีดเดอร์รู้จักฟัง รู้จักเปิดกว้าง ก็จะทำให้คนได้ใช้ Creativity อย่างเต็มที่


เรื่องอะไรบ้างที่ต้องตื่นตัวในครึ่งปีหลังสำหรับ Marketing

นักการตลาดมักจะให้ความสำคัญกับอะไรที่ทำให้เขา Make Sure ได้ ซึ่ง Data เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาโฟกัส การที่เราใช้ Data มาทำการตลาดจึงยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุก Data จะมาจากกลุ่มเดียวกัน ทำให้การตลาดเหมือนกันไปหมด

ผู้คนมีความรู้สึกอยากรีบกระโดดเข้าไปปิดการขายอย่างรวดเร็ว เพราะคนพยายามที่จะทดลองวิธีการขายตรงให้มากที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะอยากได้ 1st Party Data 

เทรนด์อยู่ที่ไหน หนทางอยู่ที่นั่น เราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่างานความคิดสร้างสรรค์ อย่างงานประกาศรางวัล Cannes Lions คือตัวอย่างของงานที่มีการพูดเทรนด์ที่น่าสนใจ อาทิ

1. AI และ CREATIVITY การใช้ AI ในการทำงาน และอันตรายที่เราควรตระหนัก

2. Creator Economy ซึ่งทำให้เห็นภาพการใช้ครีเอเตอร์ในทั่วโลก

3. แบรนด์ต้องเริ่มมาตระหนักว่าจะทำยังไง ให้สามารถรีแบรนด์ รีเฟรชตัวเองได้

เพราะเมื่อเราลงทุนตรงแบรนด์ การ Lower Funnel จะดีขึ้น

4. การเสริมความหลากหลาย และการเสริมความเท่าเทียมทางเพศ โดยในระดับโลก สิ่งนี้ยังต้องเป็นสิ่งที่ควรผลักดันกันอยู่

5. ความยั่งยืน ซึ่งการทำแบรนด์ทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่มี Sustain อย่างเดียว แต่ต้องมี Purpose ด้วย นอกจากนั้นสังคมจะพยายามจับตาแบรนด์ที่ ‘Green Washing’ เพราะถ้าทำไม่จริง จะโดนมองในแง่ลบหนักกว่าเดิม

6. อนาคตของ Martech เป็นสิ่งที่นักการตลาดควรตระหนัก ซึ่งเราอยู่ในช่วงเวลาที่เห็นแคมเปญน้อยลง แต่ด้วยเทคโนโลยีจะทำให้เราสามารถทำการตลาดแบบเป็นลูปได้ เราจะสามารถเอา Data มาสรุปได้ว่า เราจะสามารถครีเอทีฟให้ลูกค้าแบบไหน สามารถระบุได้ว่าลูกค้าต้องการอะไรมากขึ้น เพราะมนุษย์ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างพร้อมกัน มันจึงต้องมีเทคโนโลยีมาช่วย

7. แบรนด์ต้องสร้างอารมณ์ และความรู้สึก ซึ่ง CEO ต้องออกหน้ามากกว่าเดิม

8. ผู้คนเหนื่อย ดังนั้นแล้วเทคโนโลยี และการตลาดจะทำให้ผู้คนเหนื่อยน้อยลง ถ้าเรารู้สึกเหนื่อย ให้คิดว่าปัญหาเป็นบรีฟ เราจะรู้สึกว่าชีวิตเหนื่อยน้อยลง


เรื่องอะไรบ้างที่ต้องตื่นตัวในครึ่งปีหลังสำหรับ Innovation

1. การจัดความน่าเชื่อถือของ AI จะทำยังไงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้เขา ให้มนุษย์เก่งกว่า AI
2. CTEM การจัดการคุกคามทางโลกออนไลน์
3. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน
4. การสร้าง Self-Service Platform ให้กับนักพัฒนา
5. การใช้ AI ช่วยให้นักพัฒนาสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ
6. ระบบคลาวด์สำหรับอุตสาหกรม
7. แอปพลิเคชันอัจฉริยะช่วยในการทำงาน
8. การใช้ AI เพื่อสร้างคอนเทนต์ และไวรัล
9. การสร้างมูลค่าที่ได้มาจากแรงงานมนุษย์ให้เหมาะสมที่สุด
10. ต่อไปลูกค้าของเราจะไม่ใช่มนุษย์ แต่จะเป็นระบบ AI

ต่างชาติลงทุนในหุ้นไทยลดลง เพราะเปิดโอกาสให้คนไปลงทุนนอกเหนือตลาด นั่นทำให้คนสามารถเข้าถึงโอกาสในการลงทุนที่ต่างไป เพราะ Top 10 Marketcap ของไทยนั้นมีสัมปทานหมด 

ถ้ามนุษย์ไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดในโลกล่ะ และถ้า AI ไม่ใช่เทคโนโลยีจะเกิดอะไรขึ้นเพราะต่อจากนี้ AI จะสามารถคุยกันเองได้ สามารถมองเห็นได้ ฟังได้ และพูดได้ ซึ่งจะทำทุกอย่างได้เหมือนคน โดยอาชีพที่จะตกงานก่อนคือ ‘ติวเตอร์’

เราควรมี AI Watermark ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกเราว่าสิ่งที่สร้างนั้นคือ AI เพราะถ้าเราไม่แปะสิ่งนี้ไว้ จะทำให้ 40% ของคนจะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน

Software + AI = ทำให้เราทำงานได้เก่ง และเร็วขึ้น
Hardware ทำให้ซอฟต์แวร์และ AI ทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม


เรื่องอะไรบ้างที่ต้องตื่นตัวในครึ่งปีหลังสำหรับ Business and Economy

👉 ตอนนี้ออนไลน์สำหรับไทย ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทางหลัก โดยธุรกิจออนไลน์ใครมาทีหลังได้เปรียบ ยกตัวอย่างแอป Shopee และแอป Lazada นั้นได้ถางหญ้าธุรกิจออนไลน์ไว้ พอ Tiktok เข้ามาจึงสามารถทำกำไรได้ เพราะมี E-commerce กรุยทางไว้ให้

👉 ตลาดหุ้นในประเทศไทย แย่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่ง GDP ไทยก็น้อย เพราะเศรษฐกิจไทยในภาพรวม เรียกได้ว่าไม่ใช่จุดที่ดีนัก 

👉 คนไทยจ่ายเงินให้แพลตฟอร์มนอกเยอะมาก โดยที่สรรพากรเก็บภาษีไม่ได้ ซึ่งคนที่ใช้ในแพลตฟอร์มนี้ต้องระวังภาษีย้อนหลัง 

👉 คนไทยจ่ายเงินให้ต่างประเทศปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งนับเป็นการขาดทุน โดยเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเรื่อย ๆ แต่เงินกลับไหลออกไปนอกประเทศ ดังนั้นรัฐต้องหันมาสนับสนุนเทคโนโลยีไทย ไม่งั้นต่อไปเศรษฐกิจไทยจะเปราะบางกว่าเดิม

👉 ตอนนี้ธุรกิจของไทยไม่มั่นคง และการเมืองก็ไม่มั่นคง นั่นจึงทำให้นักการเมืองไทย ไม่ค่อยอยากลงทุนเท่าไหร่ ดังนั้นเอกชนจึงต้องจับมือกันเพื่อก้าวไปสู่จุดต่อไป

👉 สิ่งที่อยู่ในมือเราตอนนี้ เรามีแพลตฟอร์มอะไร เราต้องดูว่าเศรษฐกิจไหนไปต่อได้ โดยในประเทศไทย F&B ก็เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้มหาศาล

👉 แนวโน้มครึ่งหลังธุรกิจนั้น คนไทยจะเริ่มนำ AI เข้ามาช่วยในธุรกิจมากขึ้น ซึ่ง AI มาแน่ และทุกคนต้องใช้

👉 ออนไลน์มาแน่ และธุรกิจไหนที่ยังไม่เข้าออนไลน์ เรียกได้ว่า ‘โคตรเสี่ยง’ และใครที่อยู่ออนไลน์อยู่แล้ว ลองเพิ่มช่องทางที่ต้องขายต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยในธุรกิจได้มากขึ้น

👉 เพิ่มช่องทาง Affiliate Marketing มากขึ้น เพราะสามารถช่วยให้เราขายได้แบบกระจุยกระจาย และในช่วงครึ่งของปี 2024 ก็จะมีการนำ CDP มาใช้บริหารลูกค้ามากกว่าเดิม

👉 AI เป็นเครื่องมือตัวหนึ่ง และวันหนึ่งมันจะกลายเป็นเครื่องมือธรรมดา เหมือนกับที่เรามีโซเชียลเน็ตเวิร์คใช้กันเป็นประจำ


เรื่องอะไรบ้างที่ต้องตื่นตัวในครึ่งปีหลังสำหรับ People

👉 การเปลี่ยนแปลงเรื่องคนคือ ทุกอย่างปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบ Hybrid เพราะทุกคนต้องการความเสมอภาค ซึ่งคนทำงานต้องปรับตัวว่าจะทำยังไงให้ Change นัั้นดีที่สุดสำหรับองค์กร

👉 เวลาที่เราเปลี่ยนอะไรบ่อย แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องตระหนักคือจะทำให้พนักงานเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เพราะว่าคนปรับตัวไม่ทัน

👉 วัยผู้ใหญ่คือวัยที่มีอิสระในการมีความสุขในชีวิตของตัวเอง ซึ่งการพบความสุข และอิสระด้วยการหาความรู้ ควรต้องกลับมาถามตัวเองว่า เราต้องการวิ่งระยะสั้นหรือระยะไกล เพราะถ้าไม่เลือก เรียนรู้มันไปหมด ก็อาจทำให้เรา Lost ได้

👉 บางครั้งเราไม่ควรวิ่งตามทุกอย่าง ในการทำงานเราควรวิ่งให้ไว แต่ในชีวิตเราควรวิ่งให้ช้า ให้เหมาะสมกับจังหวะของตัวเอง

👉 การที่องค์กรมีความยั่งยืนมันต้องเติบโตไป แต่ในระบบองค์กรเราควรต้องหาคนเก่ง ซึ่งการมีคนเก่งจะช่วยให้เรารับมือกับงานได้ดีขึ้น

👉 มนุษย์แต่ละเจนมองโลกด้วยสายตาที่แตกต่างกัน ซึ่งความต่างนี้ก็คือการมองหา Value บางอย่าง แล้วเราจะสามารถสร้าง Value ได้ยังไง นั่นก็คือการที่แต่ละคนมี Value ร่วมกัน จะทำให้เราสามารถเคารพกันมากขึ้น

👉 ผู้คนต้องมองหา Career Journey ซึ่งลีดเดอร์เองก็ต้องให้ความสำคัญในการออกแบบ การเติบโตของลูกทีม โดยเมื่อไหร่ที่คนต้องการเงินเดือนขึ้น บริษัทเองก็ต้องหาวิธีก้าวขึ้นไปในการหาผลประกอบการ

👉 Mindset ของคนรุ่นใหม่มักมองฝีมือการทำงาน มากกว่ามองว่าคนทำงานมานานแค่ไหน ซึ่งพอคนที่มองว่าคนในองค์กรเท่าเทียม ก็ต้องคุยให้ดีในเรื่องของการสื่อสาร

👉 ทุกวันนี้คนมองที่ Productivity ซึ่งถ้าไม่สามารถหาให้เขาได้ คนก็พร้อมที่จะเปลี่ยนงาน โดยเราสามารถรักษาคนเก่ง ๆ ได้ด้วยการให้ Trust และ Benefit ที่แฟร์ นอกจากนั้น Purpose Value ที่พนักงานมองหาก็คือ Life time Learning เพราะคนเก่งก็อยากเก่งขึ้นเรื่อย ๆ 

👉 คนในแต่ละเจนจะมีเดอะแบกของตัวเอง ยิ่งโตยิ่งต้องหาวิธีดูแลครอบครัว โดยองค์กรอาจต้องเป็นตัวช่วยเพื่อให้เดอะแบกของครอบครัว สามารถทำงานได้โดยไม่เครียด

👉 คนทำงานควรต้องเป็นหนี้ เป็น Step ที่ทำให้เราเติบโตมากขึ้น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราก้าวไปถึง Goal ได้ และท้ายที่สุดจงอย่าแบกมันมาก เพราะเราจะเครียดเกินไป แต่จงภาคเข้าใจ เพราะการเป็นเดอะแบกจะทำให้เราเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว


ใครที่อยากรับชมแบบจัดเต็ม สามารถซื้อบัตรรับชมย้อนหลังทุกเซสชันเพิ่มเติมได้ที่

CREATIVE TALK CONFERENCE 2024 | Zipevent - Inspiration Everywhere
CREATIVE TALK CONFERENCE 2024 -
trending trending sports recipe

Share on

Tags