วันนี้ทีม CREATIVE TALK ได้รับเกียรติมาร่วมงาน iCreator 2023 ภายในห้อง Workshop กับหัวข้อ Storytelling Monetization เล่าเรื่องอย่างไรให้ขายได้ โดยคุณสิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม หรือพี่เก่งของพวกเราทุกคนนั่นเอง 😊 👍
การเล่าเรื่องจะทำเงินให้เราได้อย่างไร ?
เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะโดยส่วนใหญ่คนทั่วไปเวลาจะทำคอนเทนต์ หรือเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง มักจะคิดจากความสนุก ความสนใจของตัวเองเป็นซะส่วนใหญ่ เช่น เราชอบเรื่องสมาร์ตโฟน ก็ทำคอนเทนต์รีวิวสมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีผิด ไม่มีถูก แต่….เรื่องที่คุณเล่ามันสามารถสร้าง Value ให้กับคนดู หรือหารายได้ให้กับคุณแล้วหรือยัง ?
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจจากเคส
ร้านในญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Ishimura Manseido โดยคนญี่ปุ่นจะมีเทศกาล Valentine's Day ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี และ White Day ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม คือหลังจาก 1 เดือน เป็นวันที่ผู้ชายจะมอบของตอบแทนแก่ผู้หญิงที่ให้ช็อกโกแลตหรือของขวัญแก่ตัวเองมาในวันวาเลนไทน์นั่นเอง
โดยร้าน Ishimura Manseido ได้นำเรื่องราวจากเทศกาลนี้มาต่อยอด โดยร้านจะขายขนม ลูกกวาด ทั่วไป แต่โดยปกติแทนที่ฝ่ายชายจะให้ดอกไม้ หรือขนมทั่วไปตอบกลับ คุณมาร้านเราให้ของที่ดีมีคุณค่าแถมอร่อยแก่ผู้หญิงที่คุณรักดีกว่า หลังจากนั้นพอ Story นี้เกิดขึ้นคนจึงให้ความนิยมกับร้านแห่งนี้ และเกิดการ make money หรือหาเงินจากเรื่องเล่าได้
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สร้างเรื่องราวทำให้เกิดยอดขายได้ มาดูกันดีกว่าว่าเทคนิคที่พี่เก่งจะแนะนำให้เราได้ลองไปปรับใช้ สิ่งนี้เรียกว่า “Storytelling Monetization Canvas” กับ 3 เทคนิคต่อยอดเรื่องเล่าเพื่อให้เกิดการ make money
🎯 เทคนิคที่ 1 - Story เรื่องเล่า
โดยเทคนิคการทำ Story ที่ดีให้น่าสนใจแบ่งออกเป็น 3U
👉 Understand เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย
👉 Unknown ผู้ฟังไม่เคยรู้
👉 Useful เรื่องนี้มีประโยชน์กับเขาอย่างไร
สังเกตดูว่าหลายเรื่องที่เราดู เราชอบ เราแชร์ มันเกิดจาก ‘เราเข้าใจ’ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้มีศัพท์เทคนิคเยอะแยะมากมาย หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรา คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับพนักงาน และพนักงานอ่าน มันก็เลยอินได้ง่าย และที่สำคัญเรื่องเหล่านั้นสามารถเอาไปใช้ต่อได้ เอาไปแชร์ต่อได้ หรือเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน เราก็อยากจะรู้ แล้วถ้าเนื้อเรื่องนั้นย่อยง่าย อ่านง่าย ฟังง่าย เราก็จะจดจำ และนำความรู้นี้ไปใช้ต่อได้
โดยสรุปเทคนิคนี้เป็นเรื่องของ ‘คนฟัง’ ทั้งหมด
การที่คุณจะเล่า Story ให้น่าสนใจไม่ได้โฟกัสว่าคุณจะเล่าเรื่องอะไร แต่คุณต้องโฟกัสที่ตัวคนฟัง ว่าเขาสนใจอะไร อยากเข้าใจเรื่องอะไร เป็นประโยชน์กับเขาอย่างไร ต้องเกี่ยวกับผู้ฟังทั้งหมด
🎯 เทคนิคที่ 2 - Telling การเล่า
โดยเทคนิคการทำ Telling ที่ดีให้น่าสนใจแบ่งออกเป็น 3V
👉 Verbal เนื้อหาเรื่องเล่า
สิ่งนี้มีผล 7% เท่านั้น คือคอนเทนต์ที่เราจะเล่า ต้องไปดูงานวิจัย ไปทำ Research ต่าง ๆ แต่กลับมีผลต่อคนจะอิน ชอบไม่ชอบน้อยมาก ๆ แสดงว่าสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างของเนื้อหาไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
👉 Vocal การพูดและน้ำเสียง
สิ่งนี้มีผลมากถึง 38% คนที่เล่าเรื่องเก่ง ๆ เราจะจดจำการพูดและน้ำเสียงได้ ตัวอย่างเช่น เราฟังพี่แจ็ค The Ghost ชอบมาก เสียงพี่แจ๊คเป็นเอกลักษณ์ หรือฟังคุณสรยุทธอ่านข่าวทุกเช้า หรือคุณทิม พิธา ที่เราฟังข้อมูลสถิติพูดอย่างรวดเร็ว บางครั้งเราไม่เข้าใจทั้งหมด แต่สิ่งที่แสดงออกมาชัดเจนคือ ‘พูดแล้วดูฉลาด’ มันคือการจดจำของผู้คน
👉 Visual สิ่งที่เราเห็น (55%)
สิ่งนี้มีผลมากถึง 55% มันคือการทำให้เราเห็นว่าคนคนนี้คือตัวจริง ตัวอย่างเช่น เชฟที่ทำโอมากาเสะ สร้างเรื่องเล่าจากความสะอาด ดูละเมียด ทำสิ่งที่สร้างความแตกต่างกว่าร้านอาหารทั่วไป คนที่ไปกินโอมากาเสะเกิดจากเชฟเหล่านี้ “เป็นของจริง” เราเชื่อมั่นในร้านอาหาร เราเชื่อมั่นในเชฟ เราเชื่อมั่นในรสชาตินั่นเอง
🎯 เทคนิคที่ 3 - Monetization การทำเงิน
โดยเทคนิคการทำ Monetization แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง
👉 ทำเอง เช่น คุณมีสินค้าคุณขายเอง หรือการทำ Affiliate เพื่อหารายได้
👉 จ้างทำ เช่น มี Agency เพื่อจ้างทำโปรเจกต์ต่าง ๆ
โดยคอนเซปต์นี้คุณต้องหาให้ได้ว่า
‘เงินอยู่ที่ไหน ใครมีเงิน’
แล้วเราจะหาสิ่งนี้ได้อย่างไร โดยแบ่งเทคนิคง่าย ๆ 4 ข้อนี้
👉 1. Who has the money เงินอยู่ที่ไหน ใครมีเงิน
เช่น ดูอุตสาหกรรม Report ต่าง ๆ ว่าแต่ละปีใครทำรายได้เท่าไหร่ บริษัทไหนมีผลกำไรอย่างไร หรือ ดูผลประกอบการบริษัท และดูด้วยว่าเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า
👉 2. How much do they have
มีเงินไม่สำคัญเท่า มีเท่าไหร่ (จ่ายเท่าไหร่)
เพราะอุตสาหกรรมบางเจ้า หรือบริษัทบางเจ้ามีเงินแต่ไม่ยอมจ่าย
👉 3. What is their problem?
จ่ายเพื่อให้แก้ปัญหา เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ตอนนี้มี EV เข้ามา แล้วเขาอยากจะโปรโมททำอย่างไรถึงจะโดดเด่นขึ้นมา ในฐานะที่คุณเป็น Creator คุณจะสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์เหล่านี้ได้อย่างไร
👉 4. To whom they want to pay?
แล้วเขาจะจ่ายไหม คุณคือตัวเลือกไหม การจะเป็นตัวเลือกของใครสักคน แสดงว่าคุณต้องน่าสนใจ และตอบโจทย์บริษัทเหล่านั้น เช่น Chanel ที่มีตรงไหม คุณอาจจะมี FB, IG แต่ชาแนลเขาต้องการ Tiktok ถ้าคุณไม่มีก็จบ ต้องมีชาแนลให้ตอบโจทย์ลูกค้า และอีกข้อที่สำคัญคือ Follower หรือผู้ติดตามแต่ละช่องทาง แม้คุณจะไม่ดังมาก แต่ถ้าช่องของคุณโดดเด่น และจับกลุ่มคนที่ชอบเรื่องนั้น ๆ ได้คุณก็จะได้เปรียบ เพราะตลาด Niche Marketing ก็ยังมีความสำคัญกับเทรนด์ในปัจจุบัน
เทคนิคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา คุณต้องมีโฟกัสและหาให้เจอว่าสุดท้ายแล้ว
✅ เรื่องที่คุณเล่ามีประโยชน์หรือไม่
✅ คุณจะสร้างความแตกต่างได้อย่างไร
✅ และคอนเทนต์ของคุณจะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร
โดยทุกคนสามารถ Download Storytelling Monetization Canvas
เพื่อเป็น Checklist สำรวจตัวเองที่ลิงก์นี้ได้เลย
👉 https://bit.ly/45UcJJA