เล่าเรื่องอย่างไรให้ “ขายได้” ด้วย Storytelling Monetization Canvas จาก Workshop ในงาน iCreator 2023

Last updated on พ.ย. 6, 2023

Posted on พ.ย. 1, 2023

วันนี้ทีม CREATIVE TALK ได้รับเกียรติมาร่วมงาน iCreator 2023 ภายในห้อง Workshop กับหัวข้อ Storytelling Monetization เล่าเรื่องอย่างไรให้ขายได้ โดยคุณสิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม หรือพี่เก่งของพวกเราทุกคนนั่นเอง 😊 👍

การเล่าเรื่องจะทำเงินให้เราได้อย่างไร ?

เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะโดยส่วนใหญ่คนทั่วไปเวลาจะทำคอนเทนต์ หรือเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง มักจะคิดจากความสนุก ความสนใจของตัวเองเป็นซะส่วนใหญ่ เช่น เราชอบเรื่องสมาร์ตโฟน ก็ทำคอนเทนต์รีวิวสมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีผิด ไม่มีถูก แต่….เรื่องที่คุณเล่ามันสามารถสร้าง Value ให้กับคนดู หรือหารายได้ให้กับคุณแล้วหรือยัง ?

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจจากเคส

ร้านในญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Ishimura Manseido โดยคนญี่ปุ่นจะมีเทศกาล Valentine's Day ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี และ White Day ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม คือหลังจาก 1 เดือน เป็นวันที่ผู้ชายจะมอบของตอบแทนแก่ผู้หญิงที่ให้ช็อกโกแลตหรือของขวัญแก่ตัวเองมาในวันวาเลนไทน์นั่นเอง

โดยร้าน Ishimura Manseido ได้นำเรื่องราวจากเทศกาลนี้มาต่อยอด โดยร้านจะขายขนม ลูกกวาด ทั่วไป แต่โดยปกติแทนที่ฝ่ายชายจะให้ดอกไม้ หรือขนมทั่วไปตอบกลับ คุณมาร้านเราให้ของที่ดีมีคุณค่าแถมอร่อยแก่ผู้หญิงที่คุณรักดีกว่า หลังจากนั้นพอ Story นี้เกิดขึ้นคนจึงให้ความนิยมกับร้านแห่งนี้ และเกิดการ make money หรือหาเงินจากเรื่องเล่าได้

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สร้างเรื่องราวทำให้เกิดยอดขายได้ มาดูกันดีกว่าว่าเทคนิคที่พี่เก่งจะแนะนำให้เราได้ลองไปปรับใช้ สิ่งนี้เรียกว่า “Storytelling Monetization Canvas” กับ 3 เทคนิคต่อยอดเรื่องเล่าเพื่อให้เกิดการ make money

🎯 เทคนิคที่ 1 - Story เรื่องเล่า

โดยเทคนิคการทำ Story ที่ดีให้น่าสนใจแบ่งออกเป็น 3U

👉 Understand เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย
👉 Unknown ผู้ฟังไม่เคยรู้
👉 Useful เรื่องนี้มีประโยชน์กับเขาอย่างไร

สังเกตดูว่าหลายเรื่องที่เราดู เราชอบ เราแชร์ มันเกิดจาก ‘เราเข้าใจ’ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้มีศัพท์เทคนิคเยอะแยะมากมาย หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรา คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับพนักงาน และพนักงานอ่าน มันก็เลยอินได้ง่าย และที่สำคัญเรื่องเหล่านั้นสามารถเอาไปใช้ต่อได้ เอาไปแชร์ต่อได้ หรือเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน เราก็อยากจะรู้ แล้วถ้าเนื้อเรื่องนั้นย่อยง่าย อ่านง่าย ฟังง่าย เราก็จะจดจำ และนำความรู้นี้ไปใช้ต่อได้

โดยสรุปเทคนิคนี้เป็นเรื่องของ ‘คนฟัง’ ทั้งหมด
การที่คุณจะเล่า Story ให้น่าสนใจไม่ได้โฟกัสว่าคุณจะเล่าเรื่องอะไร แต่คุณต้องโฟกัสที่ตัวคนฟัง ว่าเขาสนใจอะไร อยากเข้าใจเรื่องอะไร เป็นประโยชน์กับเขาอย่างไร ต้องเกี่ยวกับผู้ฟังทั้งหมด


🎯 เทคนิคที่ 2 - Telling การเล่า

โดยเทคนิคการทำ Telling ที่ดีให้น่าสนใจแบ่งออกเป็น 3V

👉 Verbal เนื้อหาเรื่องเล่า
สิ่งนี้มีผล 7% เท่านั้น คือคอนเทนต์ที่เราจะเล่า ต้องไปดูงานวิจัย ไปทำ Research ต่าง ๆ แต่กลับมีผลต่อคนจะอิน ชอบไม่ชอบน้อยมาก ๆ แสดงว่าสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างของเนื้อหาไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

👉 Vocal การพูดและน้ำเสียง
สิ่งนี้มีผลมากถึง 38% คนที่เล่าเรื่องเก่ง ๆ เราจะจดจำการพูดและน้ำเสียงได้ ตัวอย่างเช่น เราฟังพี่แจ็ค The Ghost ชอบมาก เสียงพี่แจ๊คเป็นเอกลักษณ์ หรือฟังคุณสรยุทธอ่านข่าวทุกเช้า หรือคุณทิม พิธา ที่เราฟังข้อมูลสถิติพูดอย่างรวดเร็ว บางครั้งเราไม่เข้าใจทั้งหมด แต่สิ่งที่แสดงออกมาชัดเจนคือ ‘พูดแล้วดูฉลาด’ มันคือการจดจำของผู้คน

👉 Visual สิ่งที่เราเห็น (55%)
สิ่งนี้มีผลมากถึง 55% มันคือการทำให้เราเห็นว่าคนคนนี้คือตัวจริง ตัวอย่างเช่น เชฟที่ทำโอมากาเสะ สร้างเรื่องเล่าจากความสะอาด ดูละเมียด ทำสิ่งที่สร้างความแตกต่างกว่าร้านอาหารทั่วไป คนที่ไปกินโอมากาเสะเกิดจากเชฟเหล่านี้ “เป็นของจริง” เราเชื่อมั่นในร้านอาหาร เราเชื่อมั่นในเชฟ เราเชื่อมั่นในรสชาตินั่นเอง


🎯 เทคนิคที่ 3 - Monetization การทำเงิน

โดยเทคนิคการทำ Monetization แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง

👉 ทำเอง เช่น คุณมีสินค้าคุณขายเอง หรือการทำ Affiliate เพื่อหารายได้
👉 จ้างทำ เช่น มี Agency เพื่อจ้างทำโปรเจกต์ต่าง ๆ

โดยคอนเซปต์นี้คุณต้องหาให้ได้ว่า
‘เงินอยู่ที่ไหน ใครมีเงิน’
แล้วเราจะหาสิ่งนี้ได้อย่างไร โดยแบ่งเทคนิคง่าย ๆ 4 ข้อนี้

👉 1. Who has the money เงินอยู่ที่ไหน ใครมีเงิน
เช่น ดูอุตสาหกรรม Report ต่าง ๆ ว่าแต่ละปีใครทำรายได้เท่าไหร่ บริษัทไหนมีผลกำไรอย่างไร หรือ ดูผลประกอบการบริษัท และดูด้วยว่าเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า

👉 2. How much do they have
มีเงินไม่สำคัญเท่า มีเท่าไหร่ (จ่ายเท่าไหร่)
เพราะอุตสาหกรรมบางเจ้า หรือบริษัทบางเจ้ามีเงินแต่ไม่ยอมจ่าย

👉 3. What is their problem?
จ่ายเพื่อให้แก้ปัญหา เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ตอนนี้มี EV เข้ามา แล้วเขาอยากจะโปรโมททำอย่างไรถึงจะโดดเด่นขึ้นมา ในฐานะที่คุณเป็น Creator คุณจะสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์เหล่านี้ได้อย่างไร

👉 4. To whom they want to pay?
แล้วเขาจะจ่ายไหม คุณคือตัวเลือกไหม การจะเป็นตัวเลือกของใครสักคน แสดงว่าคุณต้องน่าสนใจ และตอบโจทย์บริษัทเหล่านั้น เช่น Chanel ที่มีตรงไหม คุณอาจจะมี FB, IG แต่ชาแนลเขาต้องการ Tiktok ถ้าคุณไม่มีก็จบ ต้องมีชาแนลให้ตอบโจทย์ลูกค้า และอีกข้อที่สำคัญคือ Follower หรือผู้ติดตามแต่ละช่องทาง แม้คุณจะไม่ดังมาก แต่ถ้าช่องของคุณโดดเด่น และจับกลุ่มคนที่ชอบเรื่องนั้น ๆ ได้คุณก็จะได้เปรียบ เพราะตลาด Niche Marketing ก็ยังมีความสำคัญกับเทรนด์ในปัจจุบัน


เทคนิคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา คุณต้องมีโฟกัสและหาให้เจอว่าสุดท้ายแล้ว

✅ เรื่องที่คุณเล่ามีประโยชน์หรือไม่
✅ คุณจะสร้างความแตกต่างได้อย่างไร
✅ และคอนเทนต์ของคุณจะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร


โดยทุกคนสามารถ Download Storytelling Monetization Canvas
เพื่อเป็น Checklist สำรวจตัวเองที่ลิงก์นี้ได้เลย
👉 https://bit.ly/45UcJJA

trending trending sports recipe

Share on

Tags