‘เจี้ยนชา’ รุกธุรกิจสปา เปิด ‘ใจฉันสปา’ ปักหมุดพานวดไทยไปเวทีโลก

Last updated on ธ.ค. 22, 2025

Posted on ธ.ค. 22, 2025

ตลาดนวดไทยทั่วโลกมีมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท ส่วนในไทยมีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท ทั้งสองส่วนมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่กลายเป็นหมุดหมายของต่างชาติทั่วโลก หากได้มาเยือนประเทศไทย ต้องมี ‘นวดไทย’ เป็น ‘Destination’  เนื่องจากชื่อเสียงเรื่องฝีมือการนวด รวมถึงราคาที่เข้าถึงและจับต้องได้ง่าย

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามา ‘ดร.พอลลี่ เฮสันต์’ จึงตัดสินใจเปิดร้านสปาพร้อมนวดไทย ในชื่อ ‘ใจฉันสปา’ (JAI CHAN SPA) ประเดิมสาขาแรก ณ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดให้บริการเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 โดย ดร.พอลลี่ ระบุว่า กระแสตอบรับดีเกินคาด โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลายเป็นสัดส่วนหลักกว่า 80% ของกลุ่มลูกค้า ส่วนคนไทยอีก 20% ก็มีอัตรากลับมาใช้บริการซ้ำต่อเนื่องด้วย

ดร.พอลลี่ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาสนใจธุรกิจสปา มาจากความชอบส่วนตัวที่ตนเองชื่นชอบในการนวดไทยเพื่อผ่อนคลายอยู่แล้ว รวมถึงมองเห็นโอกาสในตลาดที่ยังไม่มีใครทำร้านนวดสปาในรูปแบบแฟรนไชส์ มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาพร้อมกับเตียงสระผม ASMR ที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งธุรกิจสปายังสามารถสอดแทรกผลิตภัณฑ์สินค้าภายใต้แบรนด์ใจฉันสปา ผลิตจากวัตถุดิบสมุนไพรไทย อาทิ ขมิ้น ดินสอพอง ข้าวหอม ข้าวโอ๊ต ฯลฯ นอกจากประเทศไทยจะโด่งดังเรื่องชาแล้ว นวดไทยและสมุนไพรก็สื่อสารถึงความเป็นไทยได้เหมือนกัน ร้านนวดอาจจะมีหลายแห่งทั่วโลก แต่ยังไม่มีร้านนวดที่ขยายกิจการอย่างเป็นระบบด้วยมาตรฐานเดียวกัน

สำหรับรายละเอียดการบริการในร้านใจฉันสปา แบ่งเป็นเตียงสระผม ASMR 70% และเตียงนวดไทย 30% โปรแกรมการบริการมีให้เลือกตั้งแต่สระผม นวดหน้า ขัดผิว นวดไทย นวดอโรม่า นวดโดยการใช้ลูกประคบ รวมถึงอบซาวน่าสุ่มไก่ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยดั้งเดิม

“เราเริ่มวางโมเดลว่า คอนเซปต์ต้องเป็นแบบไหน โปรดักต์ในร้านต้องเป็นอะไรบ้าง ลงไปเรียนเอง ศึกษาเอง ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในร้านก็ไม่ได้ใช้ของที่อื่น ทำเป็นแบรนด์ใจฉันทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ในร้านต่อยอดไปได้ ทั้งแชมพู ครีมนวด โฟมล้างหน้า สครับขัดหน้า มาส์กหน้า ครีมนวดหน้า ทุกอย่างมาจากคอนเซปต์สมุรไพรไทย สามารถนำมาต่อยอดขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์หรือเข้าโมเดิร์นเทรดต่อได้ รวมถึงต่อยอดวางขายบนเว็บไซต์ Amazon ที่อเมริกาได้ด้วย เราไม่ได้ทำราคาแพงมาก อยากให้ทุกคนเข้าถึงราคาตรงนี้ได้”

หลังจากเปิดให้บริการมาแล้ว 6 เดือนเศษ ดร.พอลลี่ ระบุว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน อาหรับ และดูไบ ชื่นชอบและกลับมาใช้บริการซ้ำ เนื่องจากราคาค่าบริการนวดไทยที่ต่างประเทศค่อนข้างสูง เมื่อมีโอกาสมาเยือนประเทศไทย อาหาร บริการ Wellness และนวด จึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติปักหมุด โดยลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักร้านใจฉันสปาจากรีวิวบน Google Map บางส่วนมีโอกาสแวะมาที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่แล้วสนใจใช้บริการ ด้วยคอนเซปต์ที่แตกต่าง และโปรแกรมที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ ‘ใจฉันสปา’ ได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านเป้าหมายของ ‘ใจฉันสปา’ หลังจากนี้ ดร.พอลลี่ ระบุว่า ปีหน้ามีแผนขยายในไทย 15-20 สาขา โดยเป็นร้านของแฟรนไชส์ทั้งหมด มีขนาดร้านให้เลือกตั้งแต่ S M L และ XL ปัจจุบันเริ่มมีติดต่อเข้ามาสอบถามและอยู่ในขั้นตอนการพูดคุย 2-3 ราย จะเริ่มขยายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ส่วนต่างจังหวัดอาจเป็นเฟสถัดไปเมื่อมั่นใจในโมเดลนี้แล้ว

ส่วนเป้าหมายการพาไปต่างประเทศ อาจได้เห็น ‘ใจฉันสปา’ ปักหมุดปลายปี 2569 โดยเลือกจากประเทศที่ ‘เจี้ยนชา’ นำร่องเปิดสาขาก่อนแล้ว ทั้งออสเตรเลีย สิงคโปร์ หรืออเมริกา ในอนาคตอีก 5-7 ปีข้างหน้า วางแผนขยาย ‘ใจฉันสปา’ ให้ครบ 1,000 สาขา มองไว้ทั้งการเปิดในห้างสรรพสินค้า และรูปแบบร้านสแตนอโลน


“อยากเป็นร้านนวดที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย เน้นเรื่องความสะอาด กลิ่นในร้าน คอนเซปต์ร้าน โปรดักต์ และความสบายที่ลูกค้าได้รับกลับไป การทำเรื่องนี้แบบจริงจังดีมากต่อการพักผ่อนสมอง อย่างน้อย 1 ชั่วโมงได้ให้รางวัลตัวเองสักเดือนละครั้งกับการมาพักผ่อน แผนที่จะขายโปรดักต์ตอนนี้เรายังทำใช้ในร้านก่อน และพอสาขาเพิ่ม เราจะทำออกมาวางขายเหมือนกัน”

trending trending sports recipe

Share on

Tags