KFC ไม่ได้มีดีแค่ไก่ทอดนะรู้ยัง แต่ยังมี KFC Bucket Search “หลักสูตรนอกกรอบ” ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ
จุดเริ่มต้นจากคนสำคัญ “ผู้พันแซนเดอส์”
ผู้พันแซนเดอส์ ไม่ได้เป็นแค่คนคิดค้นสูตรไก่ทอดธรรมดา แม้เขาจะประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตวัยเกษียณ แต่ทุกอย่างที่ได้มา เพราะความล้มเหลวหลายครั้งแต่ไม่ท้อถอย เขาจึงตั้งใจไว้ว่า อยากมอบโอกาสให้คนอื่น ให้เหมือนที่เขาเคยได้รับ
บทความนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่นำพาคุณไปสู่บทบาทของการ 'ส่งต่อโอกาส' ให้กับผู้คนในสังคมที่ยังรอโอกาสนั้นอยู่
โดยคุณ แจนเน็ต รุ้งสิทธิกุล Senior Marketing Manager Brand Purpose and KFC foundation ได้เล่าถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับโครงการ KFC Bucket Search ที่ทำงานร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และ ศูนย์การเรียนปัญญากัลป์ รวมไปถึงมุมมองแนวคิดที่มีต่อการพัฒนา สร้างโอกาสให้กับคนบางกลุ่ม ได้รับโอกาสที่ดีมากขึ้นในยุคนี้
ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผ่านกระบอกเสียง Search หา เด็กที่หล่นหายจากระบบการศึกษาระหว่างทาง
กว่า 50% ที่เด็กบางกลุ่มไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อในชั้นมัธยมปลาย
ปัจจุบันมีเด็กจำนวนมากกว่าล้านคนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา และยังมีจำนวนอีกไม่น้อย ที่ ‘กำลัง’ จะหลุดออกจากระบบการศึกษา
“เขาไม่ได้ขาดความฝัน เขาแค่ขาดโอกาส”
KFC Bucket Search จึงตั้งใจเข้ามาช่วยเหลือเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ให้กลับเข้ามาในสังคม ได้กลับมาเรียนรู้ และมีทางเลือกในชีวิตอีกครั้ง ผ่านโมเดลการเรียนรู้แบบใหม่ เปลี่ยนร้าน KFC ให้เป็นพื้นที่ฝึกอาชีพจริง เพราะเราเชื่อในเรื่องของคน จึงอยากขับเคลื่อนในส่วนนี้
โดยทำงานร่วมกับภาคีหลัก กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และ มูลนิธิปัญญากัลป์ ทำงานใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคุณครู สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
กองทุนเพื่อความเสมอภาค (กสศ.) ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนคู่ใจ ที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้ เช่นโครงการที่เป็น Mobile School ซึ่งมีฐานข้อมูลว่าน้อง ๆ คนไหนที่จะไม่ได้เรียนต่อ, น้อง ๆ ที่หลุดจากระบบการศึกษาอยู่ตรงไหน เขาก็จะเอา Mobile School ไปเปิดตรงจุดนั้น ตำบลนั้น อำเภอนั้น เหมือนเป็นการไปประชาสัมพันธ์ เพื่อให้น้อง ๆ ได้กลับมาเรียน และสามารถลงทะเบียนตรงนั้นได้เลย
ส่วนทาง KFC ก็ตามดูเด็กไปด้วยกัน เพราะไม่สามารถลงพื้นที่คนเดียวได้ KFC ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษา แต่สิ่งที่เราช่วยได้ คือเปิดโอกาสให้กับเด็ก เช่น เราเคยไปแถวคลองเตย เราไปเปิดบูธว่ามันมีการเรียนการสอนในรูปแบบนี้ แล้วเขาก็จะมี Mobile School ที่ไปทั่วประเทศ ไปยังจังหวัดที่ขาดโอกาสทางการศึกษา
เด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ไม่ใช่เด็กที่ไม่เก่งหรือไม่มีความสามารถ เพียงแต่เป็นเด็กที่ “ไม่ค่อยมีใครมองเห็นในความสามารถ”
จริง ๆ แล้วเขาอาจจะเก่งเทียบเท่าเด็กทั่วไป เพราะเขาเองก็สามารถเอาตัวรอดได้ สามารถหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวได้
แต่การไม่ได้ศึกษาต่อก็ทำให้เห็นปัญหาในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านทุนทรัพย์ สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ปัญหาครอบครัว จึงทำให้เสียโอกาสในด้านการเรียน เราเรียกเด็กเหล่านี้ว่า ‘The Underdog’
เด็กที่ไม่ได้ศึกษาต่อในระดับมัธยมปลาย ปัญหาที่ตามมาอีกก็คือ
- วุฒิไม่เพียงพอต่อสายงานที่อยากทำ
- หางานทำยากมากกว่าปกติ งานที่ทำส่วนใหญ่จึงกลายเป็นแรงงาน กลายเป็นวัฏจักร
- เมื่อไม่มีทางเลือกในชีวิต ก็ต้องจบปัญหาที่การทำงานไม่สุจริต เพียงเพราะขาดความรู้พื้นฐานด้านการศึกษา
และ เพื่อเอาศักยภาพเขากลับมา ไม่ให้คนใดคนนึงหล่นหายไป เราจึงมักพูดกันในทีมเสมอว่า
“No Potential Shout Be Wasted” เราจะไม่ทิ้งศักยภาพไหนที่หล่นหายไป
เพราะความตั้งใจแรก คือ ตั้งใจช่วยให้กลับเข้าสู่ระบบ แต่ระบบไม่ใช่คำตอบ ปัจจุบันเลยปรับเป็น ช่วยให้เขากลับเข้าสังคมที่เหมาะสมกับเงื่อนไขชีวิต และมีความยืดหยุ่นที่มากพอพอ
ตั้งใจช่วยให้กลับเข้าสู่ระบบ อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะเราควรช่วยให้เด็กกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างมั่นใจ พร้อมทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต
เงินทุนเป็นแค่น้ำมันหล่อลื่น เป็นเหมือนเชื้อเพลิง สำคัญกว่าคือทำยังไงให้มีทักษะติดตัว ช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะในความเป็นจริงหากเป็นการเรียนการสอน เราไม่สามารถซัพพอร์ตใครได้ตลอดการใช้ชีวิต
พอได้ลงพื้นที่จริง ๆ ทักษะที่เป็น Soft Skill สำคัญมาก เด็ก ๆ กลุ่มนี้ไม่ได้ใช้คอม มือถือ ไม่ได้ดูจอ
นั่นจึงเป็นปัญหาที่ตามมาหลังจากที่จะต้องกลับเข้าสู่สังคม คือทำยังไง เข้าหาเพื่อนยังไง รู้จักรับผิดชอบต่อสังคมยังไง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องช่วย เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีเยอะ เด็ก ๆ เก่งกันอยู่แล้ว มีตัวช่วยเยอะหลากหลาย
สิ่งสำคัญกว่าคือ ปัญหาทางใจ ความไม่มั่นใจ การไม่กล้าพบปะผู้คน การรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เราต้องเปลี่ยนและปรับ เพื่อสอนให้เขารู้จักรัก และเห็นคุณค่าในตัวเอง เราทำงานร่วมกับนักจิตวิทยา เพื่อให้เด็กได้ละลายพฤติกรรม ทำความรู้จักกันทางด้านหัวใจ สอนให้รู้จักรักตัวเอง และรักคนอื่นให้เป็น
จุดเริ่มต้นที่ให้น้อง ๆ มารวมตัวกัน ก่อนที่น้อง ๆ จะเลือกทางเดิน เพื่อเปิดโลกทัศน์ในมุมของสังคมในปัจจุบัน เพราะ Soft skill เป็นทักษะพื้นฐานสำคัญ ไว้ใช้เอาตัวรอดในยุคปัจจุบัน
โดยเราทำงานกับนักจิตวิทยา คุณครูที่รู้ Insight โดยตรง เพื่อวางแผนค้นหาความถนัด ช่วยเด็กที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอเช่นกัน เมื่อทำงานจนเห็นข้อมูลแล้ว จะได้รู้ว่าต้องซัพพอร์ตที่ตรงไหนถึงจะตรงจุด
เข้าใจ Insight อย่างแท้จริง เพื่อให้สิ่งที่เราทำเชื่อมโยงกับความต้องการของผู้คน
ปัจจุบัน KFC Bucket Search ดูแลเด็กกว่า 400 คน ในอนาคตจะขยายเพิ่มเป็นหลัก 1,000 คน มีทั้งหมดรวมกันกว่า 20 จังหวัด แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่
- สถานพินิจ
- กลุ่มเปราะบาง
- คุณพ่อคุณแม่วัยใส
การที่เราจะขยายไปในแต่ละพื้นที่ เราจะเริ่มที่ตัวเด็กก่อนเสมอ เพราะเด็กในสถานพินิจที่เราช่วย เราช่วยทั่วประเทศ ดังนั้นเราจึงต้องทำงานโดยตรงกับสถานพินิจทั่วประเทศ
อีกกลุ่มนึงที่ช่วยเยอะจนขยายไป 20 จังหวัดก็คือกลุ่มเปราะบาง ที่จะทำงานโดยตรงกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปตามพื้นที่ยากจน ขาดแคลนเรื่องเงิน เราก็จะไปขยายตรงนั้น
กลุ่มคุณพ่อคุณแม่วัยใส การที่เราจะช่วย ก็ไม่ใช่แค่การช่วยธรรมดา เพราะจะต้องคิดถึงเรื่องของครอบครัว เรื่องลูก เราจึงต้องหางานที่มันเหมาะสมกับเขามากที่สุด การเรียนที่เหมาะสมกับชีวิตเขาที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์เงื่อนไงชีวิตมากที่สุดเช่นกัน
แต่เวลาขยาย เราขยายจากกลุ่มที่เขาต้องการความช่วยเหลือ หรือ จากกลุ่มเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาไป เพราะเราจะได้เข้าใจ Insight ความต้องการของแต่ละกลุ่มอย่างถูกต้อง การทำงานก็ไม่ได้เป็นการเลือกจากจังหวัด เราดูว่าเด็กที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ตรงไหน เราก็เข้าไปช่วยที่จังหวัดนั้น แล้วค่อย ๆ ขยายไปในแต่ละพื้นที่ของแต่ละจังหวัด
อีกสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญอย่างมาก คือการที่เราจะช่วยเด็ก เราต้องเข้าใจ Insight บางอย่าง เช่น น้อง ๆ จากสถานพินิจอินไซด์ก็จะต่างกัน เรื่องความมั่นใจ เราก็ต้องเข้าใจว่าเราจะช่วยน้อง ๆ กลุ่มนั้นยังไง
กลุ่มเปราะบาง น้อง ๆ ทุกคนมีฝัน และ น้อง ๆ ทุกคนตั้งใจมาก เพียงแต่ว่าเรื่องของเงินทุน การซัพพอร์ตทุกโอกาส ไม่ค่อยมี
คุณพ่อคุณแม่วัยใส ต้องคิดให้เหมาะสมกับชีวิตการมีครอบครัวให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์เงื่อนไขชีวิตในทุกด้าน
KFC Bucket Search คัดเลือกเด็กอย่างไร?
- เด็กที่อายุ 15-24 ปี
- เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาไทย
- เด็กที่ไม่ได้เรียนต่อในช่วงมัธยมปลาย
เสาะหาจากสถานพินิจ กลุ่มเปราะบาง ทำงานร่วมกับกสศ. เพื่อให้ช่วยคัดกรองเด็ก และทำงานโดยตรงกับ อปท. ทำงานตรงกับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ จากคนที่ดูแลเด็ก ๆ กลุ่มนั้นอยู่ เพราะส่วนใหญ่เด็กเรียนจบแค่มัธยมต้น ไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อมัธยมปลาย เราจึงต้องทำงานกับคนที่ดูแลเฉพาะด้าน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เราเจอเด็ก ๆ กลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น และมีการลงพื้นที่จริง
โดยหลักสูตรปกติของ KFC ระยะเวลาการศึกษาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เด็กสนใจ เด็กแต่ละคนมีความชอบที่ต่างกัน แต่ถ้าเขามีความชอบด้านไหนเป็นพิเศษ เราก็จะให้เขาโฟกัสด้านนั้นเลย แต่ความชอบของเด็กก็เปลี่ยนแปลงในทุกวันเหมือนกัน ถ้าเขาสนใจด้านอื่นเพิ่ม เราก็สามารถช่วยให้เขาได้เรียนรู้ด้านอื่นได้อีก แต่หลัก ๆ คือ “อยากให้เขามีความชอบที่สามารถยึดเหนี่ยวเป็นอาชีพได้ก่อน”
เด็กหลายคนตั้งใจอยากมีธุรกิจส่วนตัว อยากทำร้านอาหาร การทำงาน KFC ก็คล้ายกับการได้ทำธุรกิจส่วนตัว เพราะจะได้เรียนรู้ทั้งการเงิน ดูแลสูตรอาหาร บริหารจัดการคน จัดการร้าน ถ้าใครสนใจอยากเปิดธุรกิจร้านอาหาร ก็สามารถเรียนรู้ตรงนี้ได้เลย
จึงเริ่มปรึกษากับกระทรวงศึกษา สามารถนำหลักสูตรพวกนี้มาพัฒนา ใช้เป็นหลักสูตรการเรียนได้เลยไหม โดยปกติภาษาอังกฤษเด็กควรรู้เท่าไหน คณิตศาสตร์เด็กควรมีทักษะเรื่องอะไร
Discuss กันในแต่ละหัวข้อว่ามันสามารถที่จะ Transfer ในเรื่องของเกรดได้ไหม อีกทั้งยังมีหน่วยการเรียนออนไลน์ เด็กก็สามารถหาเงินได้ ระหว่างทางก็คือ มีงานมีเงิน ดูแลช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวได้ สามารถที่จะเรียนจบไปพร้อมกันได้ด้วย อุดเรื่องการได้วุฒิ ทำ 1 ปี สามารถเรียนจบมัธยมปลาย โดยใช้จำนวนชั่วโมงในการทำงาน
หากเป็นการ Take Coures ก็ต้องดูว่าระยะเวลายาวแค่ไหน เช่น เด็กที่สนใจด้านดนตรี เราก็ผูกคอร์สไว้กับทาง Warner Music โดยเป็นโปรเจกต์ที่ช่วยนักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่ให้สามารถร้องเพลงได้ แต่ยังสอนเขียนเพลง สอนให้รู้จักตัวเอง กฎหมาย ทำเพลง ลิขสิทธิ์ เสมือนการเข้าโรงเรียนจริง ๆ เพราะดนตรีค่อนข้างเป็นธุรกิจที่ใหญ่
โดยนำมาทำให้เป็น Work And Study เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง จากประสบการในร้าน ได้ใช้งาน ได้ใช้ทักษะจริงๆ
เป้าหมายที่อยากขยาย KFC Bucket Search ให้เป็นที่รู้จัก และ ประสบความสำเร็จในที่สุด
- ตั้งใจอยากขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น
- อยากให้คนเข้าใจใน Concept ยิ่งมีเป้าหมายใหญ่ ยิ่งต้องมีหลายคนช่วยกัน
- อยากให้สังคม ไม่ว่าจะเป็นบริษัท แบรนด์ ธุรกิจต่าง ๆ เข้ามาช่วยกันซัพพอร์ต ช่วยกันผลักดันให้มากขึ้น
- เพราะฉะนั้นการหาพาร์ทเนอร์ หรือการที่เราสามารถConnect กับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน มันคือเรื่องสำคัญ เพราะในการแก้ไขปัญหาใหญ่ในสังคม เราไม่สามารถทำคนเดียวได้
- อยากให้การศึกษาเป็นเรื่องที่ยืดหยุ่นสำหรับทุกคน
สิ่งที่เราพยายามทำเหมือนกัน คือการพยายามหาพาร์ทเนอร์ที่มี Core Value เดียวกัน รวมถึงบริษัทหรือแบรนด์ใหญ่ เพราะ ทักษะคือสิ่งสำคัญในการทำงาน ถ้าภาคใหญ่ ๆ ซัพพอร์ต โอกาสของน้อง ๆ ก็จะมากขึ้นด้วย มีตัวเลือกให้เด็กมากขึ้น KFC Bucket Search เป็นเพียงจุดศูนย์กลางที่เริ่มพูดเพื่อเป็นกระบอกเสียงและหาตัวเด็กไปพร้อม ๆ กัน
Purpose หลักที่ยังสำคัญมาก คือเราควรกลับไปเริ่มจากหัวใจของแบรนด์ เพราะมันจะช่วยให้เราเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่เรากำลังทำอยู่ เข้าใจ Value ของแบรนด์ ถ้าเราตอบคำถามนี้ได้ตลอดเวลา สิ่งที่เราทำมันก็จะไปต่อได้เรื่อย ๆ
เราเองก็ Learning ไปเหมือนกัน เพราะมันคือเรื่องของคน เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องปรับเรื่อย ๆ หลายอย่างระหว่างทางพอเราทำงานจริง เราเริ่มรู้ว่า Insight ของเด็กคืออะไร และเมื่อเราเจอ Matching ที่ดี ถูกต้อง ทุกอย่างจะสามารถเติบโตได้ไกลยิ่งขึ้น ยิ่งใหญ่ได้มากขึ้น อีกอันก็คือ ถ้าเราตามหาคนที่มี Value เดียวกัน มันจะทำให้ Impact กับสังคมมากยิ่งขึ้น เพราะเราไม่ได้ตั้งใจทำมาเพื่อเราคนเดียว เราตั้งใจเริ่มจากตัวเด็ก
เราเลยตั้งใจที่จะตามหาพาร์ทเนอร์ ที่สนใจด้านนี้ ให้มาช่วยกันมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดถึงเราจะซัพพอร์ตทุกความฝันของเด็กเป็นล้านไม่ได้ แต่ในการดูแลของ KFC Bucket Search เราพยายามที่จะโอบอุ้มทุกความฝัน ให้สมบูรณ์แบบที่สุด
