พัฒนาจุดอ่อน ให้กลายเป็นจุดแกร่ง ได้อย่างไร ?
ใคร ๆ ต่างก็มีจุดอ่อน ที่อยากพัฒนาให้แกร่งมากขึ้น เนื้อหาต่อจากนี้จะชวนมาคุยกันว่าเราจะ ‘กำจัดจุดอ่อน อย่างไรให้เป็นจุดแกร่งได้ในอนาคต’ เทคนิคดี ๆ ที่เริ่มต้นได้จากตัวเราเองแบบง่าย ๆ
จุดอ่อนเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งจุดอ่อนสามารถพัฒนาได้
การจะพัฒนาจุดอ่อนให้เป็นจุดแกร่งนั้นมีองค์ประกอบอยู่กัน 3 หัวใจสำคัญ
1. หัวใจสำคัญแรกคือ → ความรู้
การมีความรู้สำคัญอย่างไรในการพัฒนาจุดอ่อน ตัวอย่างเช่น เราอยากมีความรู้ในการอ่านออกเขียนภาษาอังกฤษได้ และสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ซึ่งวิธีการเสริมสร้างความรู้ประกอบไปด้วย 6 องค์ประกอบ ดังนี้
1.1 ความเข้าใจพื้นฐาน
ก่อนจะเก่งเรื่องไหนได้ พื้นฐานต้องแข็งแรงก่อนเสมอ การเข้าใจพื้นฐานของทุกเรื่องสำคัญ ตัวอย่างเช่น รู้เรื่องความเข้าใจพื้นฐานของภาษา ถ้าเราอยากเก่งภาษาอังกฤษ เราต้องเข้าใจพยัญชนะ, เข้าใจพื้นฐานรากศัพท์ของภาษาให้ดีซะก่อน เป็นต้น
1.2 ทฤษฎี
เมื่อเข้าใจพื้นฐานได้แล้ว การเข้าใจหรือรู้ทฤษฎีก็สำคัญ ตัวอย่างเช่น อยากเก่งภาษาอังกฤษ การอ่าน การเขียน การพูด เช่น Past Tense, Present Tense , Future Tense ก็ต้องรู้ในเบื้องต้น เพื่อต่อยอดไปสู่การเข้าใจภาษาอังกฤษ และสามารถอ่านออก เขียนได้ พูดได้ในที่สุด
1.3 ข้อมูลประกอบ
ทุกเรื่องต้องมีข้อมูลมาประกอบให้เราเห็นภาพ เข้าใจง่ายขึ้น เช่น ถ้าต้องเก่งภาษาอังกฤษ ก็จะต้องมีข้อมูลประกอบอะไรบ้าง มี Text, มีตัวฝึกเขียนต่าง ๆ เพื่อให้เราเขียนได้ เข้าใจง่ายขึ้น เป็นต้น
1.4 ข้อเท็จจริง
แล้วต่อไปมีข้อเท็จจริงอย่างไร เช่น ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ เขามีระดับภาษาอะไรบ้าง ถ้าเรายังเข้าใจในระดับสูง ๆ ไม่ได้ ก็ต้องมาเริ่มต้นเรียนในระดับง่าย ๆ ก่อน จะได้ทราบว่าต้องเริ่มเรียนจากจุดไหน
1.5 ภาพ / วิดีโอ / เสียง
แล้วเราสามารถหาความรู้ผ่านภาพ, วิดีโอ, เสียง ได้ไหม เพื่อฝึกฝนภาษาอังกฤษให้เราเก่งขึ้น เข้าใจมากขึ้น
1.6 คำอธิบาย
มีคำอธิบายในแต่ละทฤษฎี หรือข้อมูลที่เราจำเป็นต้องรู้ เพื่อให้เราเข้าใจ ไปจนถึงฝึกใช้ภาษาอังกฤษ
ประเด็นสำคัญที่สุดของการพัฒนาตัวเอง เพื่อทำให้จุดอ่อน กลายเป็นจุดแข็งได้ เราต้องมีความรู้ก่อนเสมอ ซึ่งการจะมีความรู้ได้ ประกอบไปด้วย 6 เรื่องพื้นฐานนี้ที่เราต้องฝึก ทำความเข้าใจ เรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองเสมอ บางคนอยากพัฒนาจุดอ่อนเรื่องอื่นได้ เช่น อยากเข้าสังคมเก่ง, อยากเป็นคนใจเย็น เป็นต้น
2. หัวใจสำคัญที่สองคือ → ลงมือทำ
เมื่อคุณมีความรู้แล้ว แต่ถ้าไม่เริ่มลงมือทำ ก็ไม่ต่างอะไรจากการอ่านนิทาน หรือข่าว ที่แค่อ่านให้รู้ แต่ไม่ลงมือทำ ซึ่งการลงมือทำจะประกอบไปด้วย องค์ประกอบทั้งหมด 5 เรื่องนี้
2.1 วัดผล
เวลาจะพัฒนาอะไรบางอย่าง การวัดผลสำคัญ เช่น คุณต้องการจะวิ่งให้เร็วขึ้น คุณรู้หรือยังว่าหน่วยการวัดผลในการวิ่งมันคืออะไร จะทำอย่างไรให้วัดผลได้จริงว่าเราวิ่งเร็วขึ้น เป็นต้น
2.2 ตั้งเป้าหมาย
การตั้งเป้าหมายมีไว้เพื่อตอบว่าคุณทำไปเพื่ออะไร เช่น เราไม่อยากมีจุดอ่อนทางภาษาอังกฤษ อยากพูดได้ แสดงว่าเป้าหมายเราต้องพูดภาษาอังกฤษได้ ภายในสิ้นปีนี้ โดยมีการกำหนดกรอบเวลาด้วย เป็นต้น
2.3 จัดตารางเวลา จัดลำดับความสำคัญ
การจัดลำดับความสำคัญ และตารางเวลาสำคัญมาก เพราะเราจะได้มีจุดเริ่มต้น และสิ้นสุด เห็นภาพว่าใน 1 ปี หรือ 1 เดือนนี้ เราจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
2.4 เหตุผล แรงจูงใจ
การหาเหตุผล และแรงจูงใจจะเป็นการกระตุ้นถึงสิ่งที่เราอยากไปให้ถึง และอยากสำเร็จ เช่น เราชอบดูซีรีส์เกาหลี เพราะอยากไปประเทศเกาหลี และพูดภาษาเกาหลีได้ ซึ่งแรงจูงใจมาจากความชอบที่เรารักการดูซีรีส์ และส่งผลให้เราฝึกตัวเองในการพูดภาษาเกาหลี เป็นต้น
2.5 การสื่อสารกับคนรอบข้าง
การสื่อสารกับคนรอบข้างก็สำคัญไม่แพ้นกัน เพราะการขอความช่วยเหลือ หรือกำลังใจจากคนรอบข้างให้คุณทำเรื่องนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น และทำให้เรามีกำลังใจ ทำได้อย่างสม่ำเสมอ
3. หัวใจสำคัญสุดท้ายคือ → ปรับมุมมอง
หรือการปรับทัศนคติของเรา ซึ่งเจ้าทัศนคติหรือ Mindset เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของการทำให้สำเร็จได้เลย โดยการปรับมุมมองจากจุดอ่อนให้เป็นจุดแกร่ง ประกอบด้ยย 5 เรื่องนี้!.
3.1 ความมั่นใจในตัวเอง
สิ่งแรกคือต้องมั่นใจในตัวเองก่อนว่า ตัวฉันมีดีอะไรบางอย่าง ทำอะไรได้บ้าง นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องของการกล้าทำสิ่งใหม่ กล้าพัฒนาตัวเอง
3.2 ซื่อตรง และจริงใจ
การซื่อตรงกับตัวเอง และจริงใจสำคัญมาก ถ้าวันนี้ทำได้ไม่ดี ก็ต้องซื่อตรงว่าเราทำได้ไม่ดีจริง ๆ เพื่อมองต่ออย่างจริงใจว่า เมื่อวัดผลออกมาแล้วไม่ดี เราจะพัฒนาอย่างไรได้บ้าง
3.3 กระตือรือร้น
เมื่อรู้สึกว่ามีพลังมาในช่วงไหน หรือกระตือรือร้นในช่วงไหนสำคัญมาก เช่น เราชอบตื่นเช้ามาทำงานเพราะพลังงานมาตอนนั้น หรือ เราชอบให้คนอื่นชื่นชมเวลาทำอะไรสำเร็จ เราสามารถไปบอกคนที่ซัพพอร์ตเรื่องนี้ได้ เป็นต้น
3.4 ให้ความร่วมมือ
ให้ความร่วมมือกับตัวเอง หรือให้ความร่วมมือกับคนที่มี Feedback ให้กับเราบ้าง
3.5 มุ่งมั่น มีวินัย
ความมุ่งมั่น มีวินัย จะทำให้คุณก้าวข้ามผ่านอารมณ์ แล้วนำไปสู่การทำให้เป็นกิจวัตร จนสิ่งที่จุดอ่อนของคุณเป็นจุดแกร่งได้ เพราะส่วนใหญ่คนที่ก้าวข้ามไม่ได้อาจจะเพราะหยุดไปตามอารมณ์ ขี้เกียจบ้าง แต่การมุ่งมั่น มีวินัยจะฝึกความสม่ำเสมอ แล้วนำไปสู่ความสำเร็จ
และนี่คือ 3 องค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาจุดอ่อนให้กลายเป็นจุดแกร่งความรู้ → ลงมือทำ → ปรับมุมมอง
🤩 ประโยชน์ดี ๆ มาบอกต่อกัน 🤩
แอบมาบอกว่าสำหรับใครที่กำลังหา ‘สมุดจด’ ในรูปแบบ Planner ที่จะเป็นสมุดคู่ใจเพื่อหยิบมาเขียนทบทวนตัวเอง และยังสามารถทำ Brain Dump + Prioritization แบบสำเร็จรูปไม่ต้องนั่งตีตารางเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง CREATIVE TALK เองก็ได้จริงจัง และใส่ใจกับการทำสิ่งที่เรียกว่า…
“The Organice Planner by CREATIVE TALK” โดยเป็นการ Collab กันระหว่าง CREATIVE TALK และ ZEQUENZ เพราะเรารู้ว่าการจัดการเวลาในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราจะนำเครื่องมือช่วยจัดลำดับความสำคัญ และลับคมความคิด ให้ทุกคนได้กระตุ้นสมอง
Planner ที่จะมาช่วยคุณจัดการความคิดและกระตุกไอเดียสร้างสรรค์ได้ในทุก ๆ วัน ที่มีจำกัดเพียงแค่ 500 เล่มเท่านั้น!!
สมุดเล่มนี้ทำอะไรได้บ้าง?
- ลับคมความคิด ผ่าน Creative Exercise 12 รูปแบบ เลือกทำเดือนละครั้ง
- About Yourself คุณรู้จักตัวเองดีแค่ไหน? รู้จักตัวเอง เพื่อทบทวนความคิดอยู่เสมอ
- ติดตามอารมณ์ บันทึกอารมณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ด้วยการกำหนดสีแทนอารมณ์
- จัดระเบียบงาน เริ่มต้นด้วยการดึงทุกสิ่งที่อยู่ในสมองของเราออกมาวางไว้ด้านนอก
- จัดการงานได้มีประสิทธิภาพ ด้วย Brain Dump, Prioritize, Monthly Planner และ Weekly Planner และพื้นที่จดไดอารี่บันทึกเรื่องราวประจำวัน
- สมุดแพลนเนอร์ แบบไม่ระบุวันที่ ผลิตจากกระดาษคุณภาพดีปราศจากสิ่งปนเปื้อนหรือสารเคมี
- เปิดกางได้ 360 องศา สันโค้งมน ยืดหยุ่น ตามแบบฉบับ ZEQUENZ
- มาพร้อม Magnetic Bookmark สำหรับคั่นหน้ากระดาษ มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาว (White) หรือ สีชมพู (Magenta)
เปิดให้ทุกคนจับจองกันแล้ว! จำนวนจำกัดเพียง 500 เล่มเท่านั้น
✱ ราคาเล่มละ 750 บาท (ค่าจัดส่งแบบ EMS เริ่มต้นที่ 50 บาท) ✱
สั่งซื้อได้ทาง Facebook inbox : m.me/zequenz
เรา CREATIVE TALK และ ZEQUENZ เชื่อว่า Planner เล่มนี้จะช่วยเปลี่ยนชีวิต ความคิด และการจัดการ ทำให้คุณรู้สึกดีได้ในทุกวัน
เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ