7 เทคนิคทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ โดย ANGA ในงาน MITCON2024

Last updated on ต.ค. 4, 2024

Posted on ก.ย. 26, 2024

🌏 รวมสถิติที่น่าสนใจจาก Google

  • ในปี 2024 มีคนใช้ Google ทั่วโลก และ Search มากกว่า 10,000 ครั้ง
  • 60% คนส่วนใหญ่ใช้ Search จาก mobile devices
  • 54% ในปัจจุบันการ Search ด้วยมือถือ เป็นการค้นหาที่เรามักจะรู้จักกันอยู่แล้ว เช่น Search ใน Google ว่า YouTube เพื่อเข้า YouTube หรือ Search ChatGPT เพื่อเข้า ChatGPT
  • 52% คนใช้ Google เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2019 - 2024 (รวมแล้ว 5 ปี)
  • จากเว็บไซต์ทั้งหมดมีเพียงแค่ 3.5% ที่มี traffic จาก Google
  • 97.31% ในการค้นหาของประเทศไทยใช้ Google เป็น Search Engine

🌏 รวมสถิติที่น่าสนใจของ Search in each Generation ระบุไว้ว่า

  • Baby Boomers ใช้ Google Search 96%
  • Gen X ใช้ Google Search 67%
  • Gen Y ใช้ Google Search 59%
  • Gen Z ใช้ Google Search 56%
  • สิ่งที่น่าสนใจคือ Gen Y และ Gen Z ใช้ Social Media Search มากถึง 28-31%
  • ในส่วนของ AI or Chatbot Search ใน GEN X, GENY, GENZ เฉลี่ยอยู่ที่ 13-15%

🌏 The Future of Search ข้อมูลที่น่าสนใจระหว่าง Google & Generative AI

  • 5 ปีที่ผ่านมา Google ถือเป็นเจ้าแห่งการ Search
  • แต่ในวันนี้ Search Behavior เปลี่ยนไป คนเริ่มใช้ SearchGPT, Perplexity ในรูปแบบ AI มากขึ้น
  • AI Overviews ถูกนำไปใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรม Healthcare มากที่สุด รองลงมาคือ B2B Tech, Ecommerce
  • ความแตกต่างระหว่าง Google / AI Overview / SearchGPT
  • Google จะให้ค่ากับคอนเทนต์ที่เป็น Local คืออยู่ในพื้นที่นั้น ๆ
  • Google ผลลัพธ์จากข้อมูลมีข้อมูลมากถึง 100 อันดับ (web)
  • AI Overview ปัจจุบันแหล่งข้อมูลยังเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
  • SearchGPT ข้อมูลที่เข้าถึงยังเป็น Global Publisher เท่านั้น

ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ โดยไม่ได้จำกัดแต่เพียงแค่ Google และนี่คือ 7 SEO Hacks เพื่อทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของเราติดอันดับในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้มากขึ้น


🎯 มาทำความรู้จักกับ ‘AESO’

SEO → ASEO หรือ Adaptive Search Engine Optimization
สิ่งที่จะเปลี่ยนในการทำ SEO คือ

  • Be the cited source แหล่งข้อมูลต้องน่าเชื่อถือของ Google และ AI ในอนาคต
  • Be predictive เราจะต้องรู้ว่าถ้าลูกค้า Search คำนี้ คำถามต่อไปเขาจะ Search ว่าอะไร
  • Become the authority ทำให้เว็บไซต์เป็นแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือที่สุดในวงการ เช่น ถ้าพูดถึงเรื่องการตลาด เราต้องเป็นแหล่งข้อมูลที่หาเรื่องนั้นในอันดับต้น ๆ ให้ได้

🎯 ASEO จะมีหน้าตาเป็นพีระมิด โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ชั้น 7 เรื่องสำคัญ

🔸 ชั้นที่ 1: Site Experience Quality

  • ส่วนนี้จะประกอบด้วย Technical issues และ SXO หรือเว็บต้องโหลดเร็ว, ฟ้อนต์ต้องไม่เด้ง เป็นต้น

🔸 ชั้นที่ 2: Site Trustworthiness

  • External Signals และ Link Building (Backlink) ทำอย่างไรให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือ

🔸 ชั้นที่ 3: Content Strategy

  • SILO - Based Structure, High Quality Content และ Keyword Research & Intent เราจะต้องทำกลยุทธ์ของคอนเทนต์ เพื่อนำมาสู่ Conversion

🎯 โมเดล ASEO ทั้งหมด 7 เรื่องมีอะไรบ้าง ?

🔸 1. Technical issues

3 ใน 10 Website ที่เข้ามาหาเรามีปัญหาเชิงเทคนิคที่ถูกซ่อนอยู่ โดยที่เจ้าของธุรกิจ หรือทีมการตลาด ทีมเทคนิค ก็ไม่รู้ด้วยว่าเกิดปัญหาอะไร ดังนั้นเรื่องของ Technical issues สิ่งสำคัญมาก ๆ เราต้องเข้าใจว่า Google ทำงานเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ จะมีบรรณารักษ์ หากเราขอข้อมูล บรรณารักษ์จะเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ แล้วก็ให้เรายืมอ่านทีละเล่ม ซึ่งหลักการทำงานเหมือน Google ดังนั้นหากเราอยากให้ลูกค้าสนใจ เราต้องทำให้หนังสือที่ให้ยืมน่าสนใจด้วยเช่นกัน ให้มีสารบัญที่สวยงาม ทำให้บรรณารักษ์หาได้ง่าย ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในเชิงเทคนิค

🔸 2. SXO (Search Experience Optimization)

SXO คือการปรับปรุงเว็บไซต์ในเรื่อง User Experience เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานเรานานขึ้น สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้คนอยู่ใช้งานนาน ซึ่ง Google จะมีสิ่งที่เรียกว่า Quality Clicks ทำให้ Google เชื่อว่าเว็บของเรามีความสำคัญกับลูกค้ามากกว่าเว็บเจ้าอื่น ๆ

🔸 3. External Signals

หรือสัญญาณลับ ๆ ที่ทำให้ Google รู้สึกว่าเราเป็นเจ้าตลาด โดยมี Factor สำคัญที่จะช่วยได้คือ

  • คนพูดถึงแบรนด์เราบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างไร
  • รีวิวเป็นยังไง
  • Review บน Google Business Profile เป็นอย่างไร
  • รวมถึง Social media ต่าง ๆ มันล้างไหม แบรนด์เราได้ Active หรือไม่!

Backlink คือ การที่เว็บไซต์ของเรา แล้วมีลิงก์จากโดเมนอื่น ๆ เข้ามาหาเรา ซึ่งโดเมนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าจะเว็บอะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นเว็บไซต์ที่ขนาดใหญ่กว่าเรา หรืออีกเทคนิคที่จะให้อันดับขึ้นเร็วคือ เราพยายามทำ Backlink ให้เป็น Network เรามีเว็บใหญ่ โยงมาหาเราทุกเดือน และมีตัวเล็ก ๆ หมายถึงเว็บที่เล็กกว่าเรา หรือพอ ๆ กับเรา ที่โยงมาหาเราด้วย เพื่อเป็นสัญญาณการส่ง Signals ไปหา Google ว่าเว็บไซต์ของเรามีการถูกไปพูดต่อมากมาย อีกส่วนที่สำคัญคือเว็บไซต์ Local Publisher คือเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและอยู่ในประเทศนั้น ๆ อยู่แล้วนั่นเอง

🔸 5. SILO - Based Structure

SILO เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำเว็บไซต์ให้ดี ทั้ง User Experience และการให้ Bot อย่าง Google หรือ AI เข้ามา ซึ่งเคสที่น่าสนใจคือ หากเราเป็น รพ.ศัลยกรรม ต้องการทำ SEO ให้ติดอันดับเรื่องการทำจมูก สิ่งที่ควรเริ่มเลยคือ

5.1 Homepage: E-Commerce Site (B2B Site)
  • รพ. ศัลยกรรม
5.2 Main Topics: Categories (Services) ต้องมีการแบ่งหมวดหมู่
  • เช่น เสริมจมูก, ปรับโครงหน้า, ตาสองชั้น, เสริมหน้าอก, ดูดไขมัน
    ในส่วนนี้เราจะเลือก ‘เสริมจมูก’
5.3 Sub Topics: Sub-categories (Sub-services) ขยาย Main Topics
  • เช่น ทำจมูกโอเพ่น, ทำจมูก ไม่ใช้ซิลิโคน, ทำจมูก ผู้ชาย
5.4 Articles: Articles / Blogs สุดท้ายถ้าอยากติดอันดับต้องทำบทความ
  • เช่น ทำจมูกที่ไหนดี / เสริมจมูกไร้ซิลิโคน ราคา / วิธีที่ดูแลหลังเสริมจมูก / อาการแพ้ซิลิโคนจมูก

🔸 6. High Quality Content

โมเดลสำคัญที่จะทำให้คอนเทนต์ของเราเป็น High Quality Content คือ “E-E-A-T” คือการเขียนบทความเพื่อให้เราเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดของลูกค้า

E - Experience
  • จะดีมาก ๆ ถ้าในแวดวงธุรกิจของเราเป็นคนที่เข้าใจ และเคยมีประสบการณ์การใช้งานจริง ว่าขั้นตอนในเรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างไร คือการเขียนจากประสบการณ์
E - Expertise
  • เราจะเขียนอย่างไรให้ดูมีความเชี่ยวชาญ เขียนแล้วดูลึก เพื่อให้ดูว่าเราเก่งจริง เป็นตัวจริงในด้านนั้นจริง ๆ ดังนั้นการเขียนบทความในส่วนนี้จะใช้เวลานานพอสมควร
A - Authoritativeness
  • คนที่เขียนบทความ แหล่งข้อมูลต้องดูน่าเชื่อถือ เวลาหาข้อมูลเรื่องของชื่อเสียง โดเมน มีผลมาก ๆ ต่อการติดอันดับ เช่น หากเราจะเขียนเกี่ยวกับการลงทุน เราอาจจะเลือกเข้าสื่อชั้นนำมากกว่า เพราะเขามีความน่าเชื่อถือมากกว่าเว็บที่ไม่มีชื่อเสียง
T - Trustworthiness
  • ข้อมูลคุณต้องอัปเดตอยู่เสมอ และต้องพ่วงด้วยคำว่าปี เพื่อให้บทความดูอัปเดตอยู่เสมอ รวมถึงต้องมีความถูกต้องแม่นยำ เทคนิคสำคัญคือพยายามเข้าไปอัปเดตปีให้สม่ำเสมอ

🔸 7. Keyword Research & Intent

การเอาคีย์เวิร์ดที่คน Search เยอะที่สุดอาจใช้ไม่ได้จริงอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น คำว่า ‘หมา’ มี Search Volume มากกว่าคำว่า ‘สุนัข’ สุดท้ายแล้วต้องกลับมาดูว่าคน Search คำนี้ลูกค้าเขาใช้หรือเปล่า ซึ่งโมเดลในการทำ Keyword Research ที่จะช่วยเก็บลูกค้าได้หมดจริง ต้องแบ่งออกเป็น 5 Pillar มีดังนี้

7.1 Informational
  • เราต้องหาข้อมูลของคนที่ Search หาข้อมูลแล้วเว็บไซต์เราติดอันดับหรือไม่ ? สมมุติว่าเรากำลังหาเรื่องของ รถยนต์ไฟฟ้า เราหาเลยว่า เช่น เปรียบเทียบ รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฟฟ้า มีข้อเสียอะไร, รถยนต์ไฟฟ้าทำงานยังไง เป็นต้น
7.2 Navigational
  • เป็นคีย์เวิร์ดประเภทเรารู้จักแบรนด์ ๆ นั้นดีอยู่แล้ว เช่น BYD รถยนต์ไฟฟ้า, Tesla EV, Toyota bZ4X
7.3 Commercial
  • คีย์เวิร์ดในกลุ่มของคนที่เตรียมจจะซื้อ เช่น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหนดี, รีวิวรถยนต์ไฟฟ้า 2024, รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกินล้าน
7.4 Transactional
  • คีย์เวิร์ดพร้อมซื้อ เช่น เช่ารถยนต์, ซื้อรถยนต์, ซื้อประกัน เป็นต้น
7.5 Local
  • คีย์เวิร์ดที่บอกถึงสถานที่ในพื้นที่ประเทศนั้น ๆ เช่น โชว์รูม BYD สุราษฎร์, สถานีชาร์จรถ EV ใกล้ฉัน, ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า นนทบุรี เป็นต้น

สุดท้ายนี้จากตัวอย่างข้างต้น หากทุกคนโฟกัสเพียงแค่คำว่า ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ เราจะสูญคีย์เวิร์ดที่มี Potential ในการดึงลูกค้ามากถึง 1,300 Keyword ที่รวมแล้วมี Search Volume เกือบ 400K ต่อเดือน จำไว้ว่าเรามีเว็บไซต์ไว้เพื่อลูกค้าของเรา ถ้าเราทำบ้านให้น่าอยู่ น่าเข้า เราต้องใส่ใจ อย่าปรับปรุงเว็บเพียงแค่เอาใจ AI แต่ต้องนึกถึง User ของเรา เพราะจะทำให้การทำเว็บยั่งยืนอย่างแท้จริง


Session: 7 SEO Hacks to Rank First and Fast on Search Platforms
7 SEO Hacks: พุ่งสู่อันดับ 1 อย่างรวดเร็วบน Search Platforms

โดยคุณรัชวิทย์ หวังพัฒนธน CEO & Managing Director ANGA Bangkok Agency

ใครที่อยากรับชมแบบจัดเต็ม
สามารถซื้อบัตรรับชมย้อนหลังทุกเซสชันเพิ่มเติมได้ที่

Marketing Insight & Technology Conference 2024 | Zipevent - Inspiration Everywhere
Marketing Insight & Technology Conference 2024 -

เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ

trending trending sports recipe

Share on

Tags