ซัมซุงเผยโฉมนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรุ่นล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแท้จริง ในงานสัมมนาเทคโนโลยีระดับภูมิภาค “Southeast Asia Tech Seminar 2025” ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยงานนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของซัมซุงในการยกระดับการใช้ชีวิตภายในบ้านให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI ที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์พกพา มุ่งสู่ประสบการณ์สมาร์ทไลฟ์ที่ครบวงจรในทุกวันของผู้บริโภค
ดาเรน เทย์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าดิจิทัล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “ซัมซุงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ผ่านประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อระหว่างผลิตภัณฑ์ทุกประเภท งาน Southeast Asia Tech Seminar ในครั้งนี้จึงเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เราได้ถ่ายทอดศักยภาพทางเทคโนโลยีของซัมซุงอย่างลึกซึ้ง พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ และเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ของชีวิตอัจฉริยะในภูมิภาคอย่างมั่นคง”
ภายในงาน ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสดีไซน์ล้ำสมัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ต่าง ๆ โดยงานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้น ณ Business Experience Studio พื้นที่จัดแสดงสุดล้ำที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์นวัตกรรมแห่งอนาคตให้แก่ลูกค้าองค์กรและผู้เยี่ยมชม ผ่านผลิตภัณฑ์และโซลูชันหลากหลายจากซัมซุง
เปลี่ยนชีวิตในบ้านให้ง่ายขึ้นกว่าเคย กับวิสัยทัศน์ “AI Home” ของซัมซุง
เบื้องหลังการจัดแสดงนวัตกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของซัมซุงในการยกระดับการใช้ชีวิตภายในบ้านให้สะดวกสบายและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น โดยถ่ายทอดผ่านวิสัยทัศน์ “AI Home” ที่มีรากฐานอยู่บน 4 หลักสำคัญ ได้แก่ ความง่ายในการใช้งาน (Ease), การประหยัดพลังงานและทรัพยากร (Save), การดูแลใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ (Care)และความปลอดภัยในทุกมิติ (Secure)
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของประสบการณ์ “AI Home” คือ หน้าจออัจฉริยะ AI Home display[1] เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ถูกติดตั้งให้อยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล พร้อมแสดงข้อมูลส่วนตัวแบบเรียลไทม์ผ่าน Daily Board และสามารถบริหารจัดการบ้านได้สะดวกผ่านมุมมองแบบแผนที่ (Map View) หน้าจอนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จากแบรนด์อื่น[2]ผ่านแพลตฟอร์ม SmartThings ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อผ่านฮับแยกต่างหาก ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานให้ทั้งบ้านสมาร์ทขึ้นอย่างแท้จริง[3]
เพื่อยกระดับประสบการณ์ควบคุมแบบไร้การสัมผัส ซัมซุงยังได้อัปเกรด Bixby[4] ผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถสั่งการด้วยเสียง ให้สามารถจดจำผู้ใช้งานแต่ละบุคคลได้ผ่านฟีเจอร์ Voice ID[5] ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถระบุว่าใครกำลังใช้งานอยู่ได้ (ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าแล้ว) พร้อมซิงก์ปฏิทินส่วนตัว[6] หรือแม้แต่ปรับค่าการใช้งานให้เหมาะสมกับผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน Galaxy เพื่อให้แสดงผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น[7] นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานบริการ SmartThings รูปแบบใหม่ อย่าง Family Care[8] ตัวช่วยแจ้งเตือนเมื่อสมาชิกในบ้านมีพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ภายใต้การป้องกันด้วยระบบความปลอดภัย Samsung Knox
นวัตกรรมตู้เย็นอัจฉริยะ เปลี่ยนประสบการณ์การเก็บอาหารให้ล้ำกว่าที่เคย
ภายในงานสัมมนา ซัมซุงยังถ่ายทอดแนวคิด “Screens Everywhere” ให้จับต้องได้ผ่านไลน์อัปตู้เย็นระดับโลกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2025 โดยหนึ่งในจุดเด่นคือการเปิดตัวหน้าจอ AI Home ขนาด 9 นิ้ว ครั้งแรก พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้งานด้วย AI Family Hub™ ที่พัฒนาให้ล้ำหน้า เพื่อตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัลให้ตรงใจมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ คือการเปิดตัวตู้เย็นรุ่น Side-by-Side แบบใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาพร้อมหน้าจอในตัวเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รองรับฟีเจอร์ AI Energy Mode[9] ที่ช่วยประหยัดพลังงานผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ภายในเครื่อง และโดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Wide Auto Open Door ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดประตูตู้เย็นได้อย่างง่ายดาย เพียงแตะเบา ๆ เพิ่มความสะดวกให้ทุกจังหวะของชีวิตในครัวยุคใหม่
เครื่องซักผ้าอัจฉริยะ เพื่อชีวิตที่ง่ายและประหยัดยิ่งกว่า
ซัมซุงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องซักผ้า ผ่านฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการซักผ้าระดับสูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ ล่าสุด ซัมซุงได้นำฟีเจอร์ AI Wash[10] ที่เดิมมีเฉพาะในเครื่องซักผ้าฝาหน้า มาติดตั้งในเครื่องซักผ้าฝาบนรุ่น Bespoke AI เป็นครั้งแรก พร้อมเสริมความแกร่งด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น AI Energy Mode เพื่อการประหยัดพลังงาน และ AI VRT+ ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะทำงาน เพื่อมอบประสบการณ์การซักผ้าที่เงียบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ชุดเครื่องซักและอบผ้า Bespoke AI รุ่นใหม่ ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Wash+ และ AI Dry+[11] ที่ได้รับการพัฒนาให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น โดยสามารถจดจำประเภทผ้าได้หลากหลายมากกว่าเดิม มอบประสบการณ์การซักผ้าแบบเฉพาะบุคคลที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้อย่างตรงใจ[12] รวมทั้งยังมาพร้อมหน้าจอ AI Home Screen ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและตรวจสอบข้อมูลสำคัญได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมการซักผ้า หรือปริมาณน้ำยาซักผ้าที่เหลืออยู่ เพิ่มความสะดวกสบายและความแม่นยำในทุกขั้นตอนของการดูแลเสื้อผ้า
ภายในงานสัมมนา ซัมซุงยังได้อธิบายถึงหลักการทำงานของเทคโนโลยี AI ที่อยู่เบื้องหลังไลน์อัปเครื่องซักผ้าอัจฉริยะ โดยเน้นย้ำถึงความสามารถของอุปกรณ์ในการตรวจจับลักษณะของผ้าได้อย่างแม่นยำ และปรับรูปแบบการซักหรือการอบให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามประเภทของผ้าและปริมาณที่ใส่ลงไป เพื่อให้ทุกการซักผ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในแง่ของการถนอมผ้า ประหยัดพลังงาน และการใช้งานที่ง่ายดายยิ่งขึ้น
โซลูชันเครื่องปรับอากาศที่หลากหลาย เพื่อการใช้ชีวิตอัจฉริยะ
เทคโนโลยี WindFree ถือเป็นจุดแข็งหลักของซัมซุง โดยเครื่องปรับอากาศระบบ WindFree 1Way Cassette R32 ที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความอัจฉริยะของโซลูชันเครื่องปรับอากาศของซัมซุง ด้วยดีไซน์ที่บางเฉียบแนบไปกับฝ้า มาพร้อมเทคโนโลยี WindFree และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ในตัว เพื่อการใช้งานแบบสมาร์ทที่ไร้รอยต่อ
สำหรับเครื่องปรับอากาศภายในห้อง นอกเหนือจากเทคโนโลยี WindFree ซัมซุงได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง AI Fast & Comfort Coolingโดย AI จะวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของผู้ใช้เพื่อมอบความสบายอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันยังคงอุณหภูมิและความชื้นให้อยู่ในระดับที่รู้สึกสบาย และสามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 30%
เพื่อตอบรับความใส่ใจด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ซัมซุงได้แนะนำโหมด ‘Good Sleep’ ใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อเครื่องปรับอากาศกับ Galaxy Watch series และ Galaxy Ring ได้โดยตรง เพื่อปรับการทำงานของเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสบายตลอดคืนและนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ
เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ ทรงพลังเหนือระดับ ให้บ้านสะอาดในทุกมุมมอง
ซัมซุงยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา กับ Bespoke AI Jet Ultra เครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามไร้สายที่ทรงพลังที่สุดในโลก[13] พร้อมแรงดูดสูงสุดถึง 400 วัตต์[14] และมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะ AI Cleaning Mode 2.0,[15] ที่สามารถตรวจจับลักษณะของมุมห้อง[16] และความแตกต่างของพื้นผิว[17] ไม่ว่าจะเป็นพรม พื้นไม้ หรือแผ่นรองพื้น เพื่อการทำความสะอาดที่ชาญฉลาดและแม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการทำงานของมอเตอร์ HexaJet อัลกอริทึม AI และแท่นชาร์จ All-in-one Clean Station ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวล้ำทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่ผสานกันอย่างลงตัว ภายใต้แนวคิดของซัมซุงในการสร้างประสบการณ์การทำความสะอาดที่เหนือระดับในทุกมิติ
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากซัมซุงได้ที่เว็บไซต์ Samsung.com

เชิงอรรถ
[1] การเข้าถึงบริการ AI Home ซึ่งเป็นบริการแบบเครือข่ายของซัมซุง รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ และฟีเจอร์อัจฉริยะภายในตู้เย็น จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi และบัญชี Samsung โดยผู้ใช้อาจต้องใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพา เช่น แล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟน ในการสร้างหรือเข้าสู่ระบบบัญชี Samsung หากไม่เข้าสู่ระบบ จะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ของ AI Home ได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการต่าง ๆ ในแอป SmartThings หรือฟีเจอร์โทรศัพท์ ฟีเจอร์แนะนำเมนูอาหารและ Bixby ที่ใช้งานผ่าน AI Home ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ที่พัฒนาจากโมเดล deep learning และอาจมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความแม่นยำ โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงเมนูแนะนำได้ผ่านฟีเจอร์ ‘Food’ ในเมนู AI Home บนแอป SmartThings
[2] การใช้งานฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi และมีบัญชี Samsung อุปกรณ์จากแบรนด์อื่นที่ต้องการเชื่อมต่อจะต้องรองรับการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม SmartThings เท่านั้น
[3] การวางจำหน่ายอุปกรณ์หรือฟีเจอร์ดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค
[4] Bixby คือผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงของซัมซุงสำหรับอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) โดยความสามารถในการให้บริการอาจแตกต่างกันไปตามประเทศ ภาษา และสำเนียงที่ใช้
[5] ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ผ่านการอัปเดตระบบแบบ
[6] ในการใช้งานฟีเจอร์ปฏิทิน ผู้ใช้สามารถเลือกบันทึกตารางนัดหมายโดยตรงผ่านหน้าจอตู้เย็น หรือเชื่อมโยงกับปฏิทินบนสมาร์ทโฟนไว้ล่วงหน้า โดยจะสามารถซิงก์ได้เฉพาะปฏิทิน Google หรือ Microsoft ที่เชื่อมกับบัญชี Google หรือ Microsoft เท่านั้น (สำหรับตู้เย็นที่รองรับ AI Home จะสามารถเชื่อมต่อได้กับ Google Calendar เท่านั้น)
[7] เมื่อผู้ใช้ลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่านแอป SmartThings อาจมีการแจ้งเตือนเพื่อซิงก์ข้อมูลเพียงครั้งเดียวผ่านปลั๊กอิน หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Samsung บนตู้เย็น และมีการตั้งค่าที่เก็บไว้ในคลาวด์ ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกถ่ายโอนเข้าสู่อุปกรณ์โดยอัตโนมัติหนึ่งครั้ง ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าหน้าจอได้ทุกเมื่อ และการเปลี่ยนแปลงจะถูกบันทึกไว้และคงอยู่จนกว่าจะมีการอัปเดตใหม่ด้วยตนเอง
[8] เครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม SmartThings จึงจะสามารถเปิดใช้งานบริการได้ โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ผ่านแอป SmartThings
[9] ฟีเจอร์นี้รองรับการใช้งานทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS โดยต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi และบัญชี Samsung จึงจะสามารถใช้งานได้
[10] ระบบตรวจจับชนิดผ้าใช้เทคโนโลยี AI ในการจำแนกผ้าได้ 3 ประเภท ได้แก่ ผ้าทั่วไป ผ้าบอบบาง และผ้าขนหนู สำหรับปริมาณผ้าไม่เกิน 3 กิโลกรัม หากซักผ้าหลายประเภทผสมกันอาจทำให้ความแม่นยำลดลง ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งานจริง เพื่อป้องกันการสึกหรอ ควรซักผ้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกันรวมกัน
[11] ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะในกรณีที่อบผ้าประเภทเดียวกันเท่านั้น
[12] ข้อมูลนี้อ้างอิงจากอัลกอริธึม AI และการทดสอบภายในโดยใช้โปรแกรม AI Wash+ กับผ้าน้ำหนัก 3 กิโลกรัม เซนเซอร์ตรวจจับความขุ่นจะทำงานกับผ้าทุกน้ำหนัก ส่วนระบบตรวจจับชนิดผ้าจะทำงานได้แม่นยำที่สุดกับน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม ทั้งนี้ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคล
[13] ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบโดยสถาบัน SLG Prüf- und Zertifizierungs GmbH ตามมาตรฐานสากล IEC 62885-4 ข้อ 5.8 โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือ (ไม่ติดหัวแปรง) ในโหมด Jet และเปรียบเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามไร้สายรุ่นอื่น ๆ ในตลาดที่มีค่าพลังดูดที่ระบุไว้อยู่ในช่วง ±30% ของค่าพลังดูดจริงของรุ่นที่ซัมซุงส่งทดสอบ ทั้งนี้ อ้างอิงจากข้อมูลยอดขายระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2024 จากสถาบันวิจัยตลาดอิสระ
[14] การวัดประสิทธิภาพนี้ดำเนินการโดย SLG Prüf- und Zertifizierungs GmbH ตามมาตรฐาน IEC 62885-4 ข้อ 5.8 วัดที่ช่องดูดของอุปกรณ์ที่ไม่มีมอเตอร์ โดยขณะทดสอบ กล่องเก็บฝุ่นต้องว่างเปล่า ใช้โหมด Jet และแบตเตอรี่ความจุสูงที่ชาร์จเต็ม โดยแรงดูดสูงสุดจะคงอยู่ได้นานสูงสุด 1 นาที
[15] ฟีเจอร์ที่อัปเดตใน AI Cleaning Mode 2.0 จะสามารถใช้งานได้หลังจากลงทะเบียนเครื่องดูดฝุ่นผ่านแอป SmartThings อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันนี้อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพในบางสภาพแวดล้อม เช่น กรณีที่แท่น All-in-one Clean Station ไม่ได้เสียบปลั๊ก หรือสัญญาณ Wi-Fi หรือ Bluetooth ระหว่างตัวเครื่องกับแท่นชาร์จไม่เสถียร หากพบว่าโหมด AI Cleaning 2.0 ทำงานได้ไม่สม่ำเสมอ แนะนำให้ย้ายแท่น Clean Station ไปยังบริเวณที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง และควรเปิด Wi-Fi ภายในบ้านไว้ตลอดเวลาเพื่อให้ระบบสามารถอัปเดตฟังก์ชันใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
[16] ฟีเจอร์ตรวจจับมุมห้องและรอยต่อระหว่างพื้นกับผนังจะทำงานได้เฉพาะบนพื้นแข็งเท่านั้น โดยคำว่า "มุม" ในที่นี้ หมายถึงจุดที่ผนังเรียบสองด้านบรรจบกันสนิท แรงดูดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2–3.5 วินาที หลังจากที่หัวแปรงสัมผัสผนัง ทั้งนี้ ความแม่นยำในการตรวจจับและความเร็วในการตอบสนองอาจแตกต่างกันไปตามรูปทรงของผนังและสภาพการใช้งานจริง
[17] ความสามารถในการจำแนกสภาพแวดล้อมในการทำความสะอาด และระยะเวลาที่ระบบใช้ในการปรับค่าการตั้งค่าอัตโนมัติ อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก