เคยไหม? ที่เพียงแค่ได้กลิ่นฝนตกกระทบดิน คุณก็นึกถึงการวิ่งเล่นหน้าบ้านในวัยเด็ก หรือเพียงแค่ได้ลิ้มรสชาติหวานซ่าบางอย่าง ภาพของการเดินทอดน่องในตรอกเล็กๆ ที่โตเกียวก็ฉายวาบขึ้นมาในหัวราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
หากย้อนกลับไปในยุครุ่งเรื่องของ J-Pop Culture ในอดีต การมาถึงของวัฒนธรรมญี่ปุ่นในไทยฝังรากลึกยาวนานหลายทศวรรษ ตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชั่น ป็อปคัลเจอร์ หนัง เพลง รวมไปถึงอาหารการกินที่ดูจะถูกปากคนไทยสุด ๆ ดูได้จากการเติบโตของสัดส่วนจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีอาหารญี่ปุ่นก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ‘เจโทร กรุงเทพฯ’ ระบุว่า ปี 2567 มีร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยกว่า 6,000 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราว 165 ร้าน เติบโตทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
นอกจากอาหารญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นเคย อาทิ ซูชิ ราเมน อิซากายะ ยากินิกุ ข้าวแกงกะหรี่ ฯลฯ ประเภทของหวานก็ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่ากัน ‘ครีมโซดา’ คือหนึ่งในเครื่องดื่มยอดฮิตที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของคาเฟ่ญี่ปุ่น คนท้องถิ่นชอบกิน นักท่องเที่ยวได้ไปเยือนก็ต้องไม่พลาด ขึ้นแท่นเครื่องดื่มไอคอนิกด้วย ‘รสชาติแบบญี่ปุ่น’ ผูกพันแน่นแฟ้นกับความทรงจำจนทำให้นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ได้ไม่ยาก และยังเป็นรสชาติที่ทำให้เรานึกถึงการพักผ่อนอีกด้วย
วิทยาศาสตร์แห่งรสชาติ: เมื่อสมองบันทึก “ความสุข” เป็นไฟล์ .Flavor
ในทางประสาทวิทยา (Neuroscience) รสชาติ และกลิ่นมีความพิเศษกว่าประสาทสัมผัสอื่น ๆ อย่างการมองเห็นหรือการได้ยิน เพราะเมื่อเราได้รับกลิ่นหรือรส สัญญาณนั้นจะถูกส่งตรงไปยัง Olfactory Bulb (กระเปาะรับกลิ่น) ซึ่งมีเส้นทางลัดเชื่อมต่อไปยังสมองสองส่วนสำคัญทันที ได้แก่ Amygdala ซึ่งทำหน้าที่จัดการอารมณ์ความรู้สึก และ Hippocampus ซึ่งเป็นคลังเก็บความทรงจำระยะยาว
โครงสร้างที่เชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นนี้ ทำให้รสชาติที่เราสัมผัสในช่วงเวลาที่มีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นความสดชื่นของยูซุโซดาริมถนนในโอซาก้า หรือความหอมหวานของเมลอนโซดาในร้านคิสซ่า (Kissaten) ขณะหิมะกำลังตก ถูกสมองบันทึกไว้ในรูปแบบของ “Memory Signature” หรือลายเซ็นแห่งความทรงจำ
เมื่อไรก็ตามที่เราได้ลิ้มรสชาตินั้นอีกครั้ง สมองจะไม่ได้แค่บอกว่า “นี่คือรสอะไร” แต่มันจะดึงเอา “ความรู้สึก” ในขณะนั้นกลับมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นความผ่อนคลาย ความตื่นเต้น หรือความสุขของการได้หนีจากโลกความจริง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “รสชาติแบบญี่ปุ่น” ถึงไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่มันคือแคปซูลกาลเวลาที่บรรจุวันพักผ่อนเอาไว้ด้วยนั่นเอง
คนไทยชอบญี่ปุ่นมาก และ ‘ครีมโซดา’ คือ ‘หนึ่งในรสชาติของความทรงจำ’
ทำไมต้องเป็นญี่ปุ่น? ถ้าเราลองดูจากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 อันดับแรกในญี่ปุ่น หลังยุคโควิด-19 ระหว่างปี 2566-2567 จะพบว่า คนไทยติดอันดับเที่ยวญี่ปุ่นสูงสุดมาโดยตลอด และคนไทยส่วนใหญ่ที่ได้ไปญี่ปุ่นก็ต้องไม่พลาดที่จะไปลอง ‘เมลอนโซดา’ หรือ ‘ครีมโซดา’ อย่างน้อย ๆ 1 ครั้ง เนื่องจาก เป็นเมนูที่หากินง่าย มีในร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป รวมถึงเป็นเมนูขึ้นชื่อที่ต้องได้ลองกินในญี่ปุ่นสักครั้ง
ทำไมต้องเป็นครีมโซดา? ในขณะที่ชาเขียวคือวัฒนธรรมดั้งเดิม ครีมโซดากลับทำหน้าที่เป็น “Holiday Flavor” ที่เข้าถึงอารมณ์การพักผ่อนได้ลึกซึ้งกว่า ด้วย 3 องค์ประกอบทางจิตวิทยาที่ซ่อนอยู่
ชั้นที่ 1: สีและกลิ่น คือสุนทรียะแห่งความเรโทร (Aesthetic of Retro)
ครีมโซดา คือไอคอนของวัฒนธรรม Kissaten Culture มาตั้งแต่ยุคโชวะ (โดยมีต้นกำเนิดความนิยมเริ่มจากร้าน Shiseido Parlour ในย่านกินซ่าตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ภาพของน้ำโซดาสีสดใสในแก้วทรงสูง ตัดกับเชอร์รี่สีแดงและไอศกรีมวานิลลา เป็นภาพแทนของความสโลว์ไลฟ์ (Slow Life) การได้นั่งมองน้ำแข็งละลายช้า ๆ ในคาเฟ่ญี่ปุ่นคือช่วงเวลาที่เวลาเดินช้าลง รสชาตินี้จึงผูกโยงกับความสวยงามและความรื่นรมย์ทางสายตา

ชั้นที่ 2: Texture ของความละมุน คือความพรีเมียมทางความรู้สึก
คำว่า “ครีม” ในครีมโซดา มอบสัมผัสที่แตกต่างจากน้ำอัดลมทั่วไป ความนุ่มนวลที่ผสานกับความซ่าทำให้รสชาตินี้ดู “โตขึ้น หรูหราขึ้น และละมุนขึ้น” มันไม่ใช่แค่การดื่มเพื่อแก้กระหาย แต่เป็นการดื่มเพื่อเสพความนุ่มนวลที่หาไม่ได้ในชีวิตที่เร่งรีบ
ชั้นที่ 3: ความทรงจำร่วม (Collective Memory)
อาจกล่าวได้ว่า 90% ของคนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องเคยลิ้มลอง Melon Soda หรือ Cream Soda อย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพราะเป็นเมนูที่เข้าถึงง่าย มีอยู่ทุกหนแห่งตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อไปจนถึงแฟมิลี่เรสเตอรองต์ และมักจะเป็นเมนูที่เราสั่งในตอนที่ “กำลังสนุกและชิลที่สุดของทริป” รสชาตินี้จึงถูกสมองประทับตราไว้คู่กับความทรงจำสีจางๆ ของความสุข
สุดท้ายแล้ว รสชาติที่ดีอาจไม่ได้ทำหน้าที่แค่ “อร่อย” แต่มันคือพื้นที่พักใจเล็ก ๆ ที่ทำให้เราหยุดโลกอันวุ่นวายไว้ชั่วคราว
ในวันที่ชีวิตเร่งรีบเกินไป การได้ยกแก้วครีมโซดาขึ้นมาดื่ม อาจไม่ได้พาเราไปญี่ปุ่นจริง ๆ แต่พาเรากลับไปหา “ความรู้สึกของวันพักผ่อน” ที่สมองเคยบันทึกไว้ และนั่นคือพลังของรสชาติ เมื่อมันไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ขายความทรงจำที่คนอยากกลับไปซ้ำอีกครั้ง