ถอดบทเรียนสร้างแบรนด์กับเพื่อนรู้ใจ ให้ดังไกลถึงต่างประเทศ จาก Slip to Sleep

Slip to Sleep แบรนด์ชุดนอนโนบราเจ้าแรกของไทยที่เข้าใจผู้หญิงที่สุด อะไรคือบทเรียน และมุมมองที่ทำให้แบรนด์นี้สามารถเริ่มต้นจากการทำงานร่วมกันกับเพื่อน ไปสู่แบรนด์ที่ดังไกลถึงต่างประเทศ!

Last updated on พ.ค. 9, 2025

Posted on พ.ค. 9, 2025

Slip to Sleep แบรนด์ชุดนอนโนบราเจ้าแรกของไทยที่เข้าใจผู้หญิงที่สุด แบรนด์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เรื่องชุดนอนโนบรา!                     

เบื้องหลังความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจาก คุณอิ้ว - วรรณิต บุญเจริญทวีสุข และ คุณนีท - อมลานันท์ สังสิทธิวงศ์ เจ้าของแบรนด์ Slip to Sleep

จุดเริ่มต้นในการจับมือกันทำแบรนด์ เริ่มต้นจากทางบ้านคุณอิ้วมีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง แต่คุณอิ้วไม่เคยเข้าไปยุ่งในส่วนนั้น จนวันนึงคิดอยากทำธุรกิจอะไรสักอย่าง อยากใช้สิ่งที่ทางบ้านมีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์

จึงได้ตัดสินใจปรึกษากับเพื่อน (คุณนีท) ก็มีความเห็นตรงกันว่าอยากทำ ‘ชุดนอน’ แต่แน่นอนว่า ชุดนอนก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป แล้วจะทำยังไงให้มันแตกต่างจากแบรนด์อื่น❓

คำตอบจากเพื่อนคนนึงบอกว่า อยากให้เป็น ‘ชุดนอนที่สามารถโนบราได้’ ซึ่งก็ใช่ เพราะ คุณอิ้ว-คุณนีท เห็นว่ายังไม่มีแบรนด์ไหนทำ จะมีก็แต่ชุดนอนที่บราถูกเย็บติดไปกับตัวผ้า แต่ทั้งสองมีความคิดอยากทำออกมาให้แตกต่าง และใส่สบายกว่านั้น

“จึงเป็นที่มาของการทำชุดนอนภายใต้แบรนด์ Slip to Sleep แบรนด์ชุดนอนที่ครองใจใครหลายคนเวลาที่คิดถึงชุดนอน เขาจะต้องคิดถึงเราเป็นแบรนด์แรก”

มีใครเคยอยากทำธุรกิจร่วมกันกับเพื่อนไหม แต่หลายครั้งก็คิดไม่ตกว่า ‘ควรเสี่ยง’ หรือ ‘ไม่เสี่ยงดีกว่า’

หากหลายคนบอกว่าธุรกิจเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แล้วความสัมพันธ์ของคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน เป็นสิ่งที่แน่นอนหรือไม่?

ในการทำธุรกิจ พาร์ทเนอร์ที่มีเป้าหมายเดียวกัน ก็สามารถช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ไวขึ้น

ทุกอย่างจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกพาร์ทเนอร์​ ถ้าคิดไว้แต่แรกว่าเราจะเสียเพื่อน สู้ไม่ทำด้วยแต่แรกดีที่สุด ดังนั้น “การเลือกพาร์ทเนอร์ ก็เหมือนการเลือกคู่ชีวิต” 

เพราะปัจจุบัน Slip to Sleep เหมือนธุรกิจครอบครัว เป็นเพื่อนพี่น้องกัน ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ การเลือกคนที่เราเชื่อใจได้ไปเลย ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะโดนหักหลังไหม จะไว้ใจได้ไหม จะถูกทำอะไรลับหลังรึเปล่า

คุณอิ้วเล่าว่า ในช่วงแรกก็มีความกังวล แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานพอสมควร เห็นกันและกันมาในทุกช่วงชีวิต ได้เห็นพาร์ทการทำงาน รู้ว่าคุณนีทเป็นคนเก่ง มีความสามารถ เลยรู้สึกว่าคนนี้แหละ คือ พาร์ทเนอร์ที่เราจะสร้างแบรนด์ให้เติบโตไปด้วยกันได้

Value ในชีวิตที่คล้ายกัน ซึ่งก็ตรงกับการทำงาน คือ “มีเป้าหมายเดียวกัน”

ภายหลังเมื่อธุรกิจเติบโตเกินกว่าที่จะบริหารร่วมกัน 2 คน จึงได้มีทางพี่สาวของทั้งคู่เข้ามาช่วย


Goal ที่ชัดเจน และ การ Respect ซึ่งกันและกัน คือกุญแจสำคัญของการบริหารธุรกิจ

ปัญหาไม่ได้เกิดจากการมีคนบริหารถึง 4 ท่าน แต่ปัญหาที่น่าจับตามองคือ เมื่อทุกคนจบกันมาต่างคณะ แต่ต้องมาบริหารแบรนด์ให้อยู่ภายใต้ Concept เดียวกัน ระหว่างทางจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง ?

คุณอิ้วให้เหตุผลว่า ในการทำธุรกิจต้องมีปัญหาบ้างอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่หนัก เพราะพวกเราคุยกันในทุก Session และ Respect กันเสมอ เมื่อไหร่ที่มีการประชุม การสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยลดปัญหาที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์ รวมไปถึงทุกโปรเจกต์ที่ทำต้องมี Goal หรือ เป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่แรก ทั้ง ‘เป้าหมายของคนทำงาน’ และ ‘เป้าหมายของบริษัท’ เช่น คนนึงอาจจะอยากเติบโตในธุรกิจมากกว่านี้ แต่อีกคนรู้สึกว่าเท่านี้พอแล้ว ก็จะกลายเป็นว่า มีเป้าหมายคนละทาง เป็นต้น

นอกจากให้ความสำคัญในการสื่อสาร “การ Respect ซึ่งกันและกัน” ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น คุณอิ้วดูแลในส่วนของออฟไลน์ ก็ให้อำนาจในการตัดสินใจทั้งหมดในเรื่องที่ดูแล ทุกคนมีสิทธิ์ออกความคิดเห็น แต่ทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของคุณอิ้วเสมอ


การตลาดที่ดี ต้องสามารถต่อยอดได้อย่างก้าวกระโดด ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม 

แต่เดิมแบรนด์ Slip to Sleep เป็นกลุ่มลูกค้าออนไลน์ 100% และเป็นลูกค้าคนไทยเป็นหลัก แต่ช่วงหลังก็เริ่มรู้สึกว่า เราต้องให้ความสนใจกับหน้าร้านเพื่อที่จะรองรับลูกค้าต่างชาติ หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ บ้าง รวมถึงต้องเปิดหน้าร้านที่มีคนไทยรองรับด้วย เพื่อแก้ปัญหาหากต่างชาติลดลง เผื่อเกิดวิกฤตกะทันหัน

ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์จึงต้องเดินไปควบคู่กัน เราไม่สามารถทิ้งอันใดอันนึงได้ 

หน้าร้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ Slip to Sleep ขยายฐานลูกค้า ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ช่วยเพิ่มเครดิตให้ร้านได้ 

เพราะเคยลองไปที่ Multi-Brand Store ที่สยาม เลยได้เห็นว่าเราได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ มาจากตรงนั้นด้วย เพราะ อยากให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง ได้มาลอง ลูกค้าที่ไม่เคยเห็นในออนไลน์ ก็ได้มารู้จักเราจากออฟไลน์ ส่วนใหญ่เป็น Tourist และ ชาวต่างชาติ

ซึ่งพอมีหน้าร้าน เราก็ถาม Feedback ได้ง่ายขึ้น เช่น ตอนเราจะออกสินค้าคอลเลกชันใหม่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหนดี ออกแบบยังไงดี เราก็จะไปถามลูกค้าหน้าร้านว่า แบบนี้ชอบไหม ถ้าเป็นสีนี้ ลายนี้ ลูกค้าโอเคไหม 


ให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกกลุ่ม รับฟัง Feedback จากลูกค้าทุกวัย

เมื่อกลุ่มลูกค้าต่างกลุ่มวัยก็มีความต่าง ความต้องการก็เกิดขึ้นหลากหลายเช่นกัน

  • 👶🏻 คุณแม่ที่มีลูก อยากใส่ชุดนอนคู่กับลูก (แบรนด์จึงออกชุดนอนเด็ก)
  • 👵🏻 ผู้ใหญ่-สูงอายุ รู้สึกว่ากางเกงมันสั้นเกินไป รู้สึกโป๊ กางเกงยาวไป รู้สึกเกะกะ เทอะทะ กลัวสะดุดล้ม (แบรนด์จึงทำกางเกง 3-4 ส่วน)
  • 👗 บางกลุ่มไม่ชอบใส่ชุดนอนที่เป็นกางเกง ชอบใส่เป็นเดรส (แบรนด์จึงทำเดรสออกมา)

สังเกตเห็นว่าแบรนด์ Slip to Sleep ค่อนข้าง “ ให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกกลุ่ม ” ต้องการที่จะตอบโจทย์คนให้ได้ในทุกกลุ่ม รวมไปถึงยังทำ Feedback กับกลุ่มลูกค้าต่างชาติด้วย (ซึ่งการมีหน้าร้านก็ช่วยให้ได้รับ Feedback ได้ง่ายมากขึ้น)

เพราะการมีแค่โนบรา แต่องค์ประกอบอื่นไม่ถูกใจ ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้า ดังนั้นการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ จึงเกิดจากหลากหลายปัจจัย แบรนด์จึงออกชุดนอนหลายคอลเลกชัน ออกถี่เดือนละ 1-2 คอลเลกชัน เพื่อจะได้ครอบคลุมความชอบของทุกกลุ่ม


เมื่อ Slip to Sleep เห็นการเติบโตของลูกค้าชาวต่างชาติที่ชัดเจน จึงหันมาจริงจังกับตลาดต่างประเทศ

โดยเริ่มเห็นจากตอนเปิดหน้าร้านที่ Siam Paragon , centralwOrld ทาง Slip to Sleep ได้เห็นลูกค้ากลุ่มใหม่เยอะ และเป็นสัดส่วนของลูกค้าต่างประเทศที่เยอะกว่าลูกค้าคนไทย เรียกง่าย ๆ ว่า “ มี Potential กับลูกค้าต่างชาติมากกว่า ” เลยลองจริงจังสักตั้ง! 

ประกอบกับมีคนรู้จักอยู่ที่ต่างประเทศด้วย (มาเลเซีย) สามารถไว้ใจได้  เพราะถ้าไม่รู้จักแล้วขยายไปเลย มันก็จะกล้า ๆ กลัว ๆ โดยตลาดต่างประเทศที่มีในออนไลน์ปัจจุบันคือ (Malaysia, Singapore, Indonesia, Philippines)

หลายธุรกิจที่เป็น SME คงไม่ได้อยากเติบโตแค่ในประเทศ เพียงแต่อาจจะยังหาลู่ทางไม่เจอ ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี


3 Checklist สำหรับธุรกิจกลุ่ม SME ที่อยากขยายไปตลาดต่างประเทศ โดย Slip to Sleep

1. Research เพื่อเข้าใจพฤติกรรมของคนในชาตินั้น ๆ

  • เราต้องเข้าใจก่อนว่าประเทศที่จะไปทำการตลาดเขาใช้ชีวิตอย่างไร ใส่ชุดนอนยังไง ให้ความสำคัญกับชุดนอนมากน้อยแค่ไหน สอบถามทั้งสี ลาย

2. Product ที่มั่นใจว่าประเทศนั้น ๆ ตอบรับ และ ให้ความสนใจ

  • มั่นใจในสินค้าของตัวเองว่าดีจริง และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าประเทศนั้น
  • หากเป็นสินค้าที่ประเทศนั้นตอบรับ เราจะเหนื่อยน้อยลง เพราะจะต้องมีความเสี่ยงเรื่องการเงินเพิ่มเข้ามา เราจึงควรหาข้อมูลให้หนัก เพื่อที่เราจะได้เข้าใจตรงนั้นอย่างจริงจัง

3. Partner เลือกคนที่ไว้ใจได้ มี Know-how มี Experience ในการขาย

  • พาร์ทเนอร์สามารถช่วยทุ่นแรงของเราในการตีตลาดต่างประเทศได้ และ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโต
  • หากเราเลือกแค่พาร์ทเนอร์ที่ไว้ใจได้ แต่เขาไม่ได้เก่งในด้าน Marketing ด้านการขาย ก็จะยาก
  • เพราะสุดท้ายคนที่รู้ Insight ของลูกค้า จะต้องเป็นคนในประเทศนั้น ๆ ต่อให้เราจะไปเยี่ยมบ่อยครั้ง มันก็จะไม่เหมือน Local อยู่ดี
  • ดูโลจิสติกส์ว่าเราจะส่งสินค้ายังไง ฝั่งพาร์ทเนอร์จะส่งให้ลูกค้าได้ไหม
“แรก ๆ อย่าลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงมาก ลองตลาดก่อน ถ้าลองแล้วผลตอบรับดี เห็น Potential ค่อยทำ  Marketing เพิ่ม ค่อยลงทุนเพิ่ม ก่อนทำต้องมั่นใจเสมอว่าปลอดภัย มีแผนรองรับ และ กระจายความเสี่ยงเสมอ”

ไม่ต้อง Big Step ค่อย ๆ ลองได้ ตั้งเป้าว่าน่าจะขายได้ประมาณนี้ ค่าใช้จ่ายจะต้องประมาณเท่านี้นะ

สุดท้าย Slip to Sleep มีคนช่วยดูแลแยกกันในทุกฝ่าย จึงเป็นส่วนที่เห็นได้ว่า หากมีคนเดียว ทำคนเดียว ก็จะโฟกัสได้แค่ไม่กี่อย่าง แต่พอมีหลายคน ต่างคนต่างโฟกัสในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ มันเติบโตขึ้นไวอย่างเห็นได้ชัด และ ทุกคนเติบโตไปพร้อมกัน 

ชุดนอนที่ตอบโจทย์การออกไปรับของหน้าบ้าน การอยู่ร่วมกับครอบครัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ตอบโจทย์สาย Social Media ที่ทุกคนทำ Content ตลอดเวลา


Branding ขององค์กร สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความไว้เนื้อเชื่อใจ เทคนิคสร้าง Branding ให้แข็งแรง ฉบับ Slip to Sleep

เพราะหากชุดนอนเป็นสิ่งที่ซื้อได้ตามทั่วไป เราจะสร้างความแตกต่างยังไงให้น่าสนใจ เช่นนั้น Slip to Sleep จึงสร้างความแตกต่างด้วย 4 สิ่งนี้

1. Concept

พยายามทำให้แตกต่าง ซึ่งชุดนอนโนบราจะเห็นชัดที่สุด และ ออกแบบมาเพื่อให้ใส่สบายที่สุด

2. สีเสื้อ

ออกแบบลายเอง หลักการ Color Theory เล่นสีในการออกแบบ เพื่อให้เหมาะกับการนอนมากที่สุด (สีส่งผลต่ออารมณ์ และ การนอน ซึ่งสีที่เหมาะกับการนอน คือ สีโทนเย็น สีโทนร้อนอาจเหมาะกับบางคนสีโทนร้อน ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ ไม่เหมาะสำหรับการนอน แต่สามารถนำมาใส่เป็นจุดเล็ก ๆ เพื่อดึงความสนใจแทนได้)

3. ลายเสื้อ

ทำลายเสื้อที่น่ารัก นำตัวการ์ตูนมาเป็นแบบ เพราะถ้าจุดแข็งมีแค่โนบรา แต่ลายไม่น่ารักจนตอบโจทย์ลูกค้า ลูกค้าก็อาจจะไม่ตัดสินใจซื้อ

4.เนื้อผ้า

เน้นความสบาย คอตตอน 100% เท่านั้น และหลีกเลี่ยงผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์ ส่วนตัวคิดว่ายากพอสมควรเหมือนกัน ด้วยราคาที่ถูกกว่า แต่เราก็ยืนยันที่จะต้องเป็นผ้าคอตตอนเท่านั้น เพราะระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการนอนมากกว่า

สิ่งที่แบรนด์ชูขึ้นมาเป็นจุดเด่น เรื่องโนบรา ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนตอบรับหมด ยังเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าชอบที่สุดของแบรนด์ ต่างชาติเองก็ชอบ ถ้าเขาผ่านมาเห็น ก็มีโอกาสที่จะซื้อ เพราะเขามีความชอบเป็นทุนเดิม สิ่งที่เราต้องทำก็คือ “ ทำการตลาดไปให้ลูกค้าเห็นให้ได้ ”

💡
สุดท้าย การที่เราจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน เราต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมได้ด้วย รักษาก็ไม่ใช่แค่เท่าเดิม ต้องเติบโตขึ้น และ ต้องพยายามหาฐานลูกค้าใหม่ด้วย

สัมภาษณ์, เรียบเรียง: จุฑามณี เกตสุวรรณ

trending trending sports recipe

Share on

Tags